จ่อแก้พรบ.ราชทัณฑ์ จี้นายกฯปลดสมศักดิ์

"ปชป." จ่อยื่นแก้ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์สัปดาห์หน้า เล็งกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ ติดคุกเกินครึ่งก่อนถึงมีสิทธิ์ลดวันจำคุกเช่นเดียวกับคดีร้ายแรง "หมอเหรียญทอง" เปิดยุทธการพลังแผ่นดิน เตือน ขรก.หากกลัวติดคุกตามนักการเมืองโกงได้ลดโทษให้ติดต่อกับตนเองเพื่อกันไว้เป็นพยาน "เทพมนตรี" จี้นายกฯ รับผิดชอบ ปลด "สมศักดิ์" ไว้ก่อน อ.ก.พ.ราชทัณฑ์ลงมติไล่ออกเจ้าหน้าที่ 4 ราย พบเรียกรับผลประโยชน์-ทำร้ายผู้ต้องขังเสียชีวิต

ที่รัฐสภา วันที่ 16 ธันวาคม นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการพักโทษ ลดโทษ ในคดีทุจริตตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ที่เป็นประเด็นให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรค ปชป.มีมติให้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ต่อสภา เพื่อให้มีการแก้ไขในประเด็นที่สำคัญ เช่น รูปแบบโครงสร้างของคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่มีความจำเป็นจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นคณะกรรมการที่มีความอิสระ โปร่งใส และมีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง หลักเกณฑ์การลดวันต้องโทษจำคุก โดยเฉพาะคดีทุจริตจะมีการกำหนดความสำคัญไว้ให้มีกระบวนการที่รัดกุม และให้มีคณะกรรมการพิจารณาลดวันต้องโทษจำคุกคดีทุจริต โดยมีกระบวนสรรหาคณะกรรมการเช่นเดียวกับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ให้มีความอิสระที่ทำหน้าที่ในการพิจารณาขั้นต้น

นายราเมศกล่าวต่อว่า หากคดีที่มีคำพิพากษาให้ต้องโทษจำคุก 15 ปีขึ้นไป ต้องส่งไปให้ศาลที่คดีถึงที่สุดพิจารณาการลดวันต้องโทษจำคุก โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการรับโทษมาแล้วกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลได้มีคำพิพากษา เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้วถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาลดโทษ เช่นเดียวกับคดียาเสพติดที่ร้ายแรงและคดีอื่นๆ ที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง ขณะนี้ได้มีการยกร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวไว้แล้ว รอการพิจารณาร่วมกันของคณะกรรมการกฎหมายพรรค เพื่อที่จะให้ ส.ส.ได้ลงลายมือชื่อเพื่อยื่นต่อสภาต่อไป

นายราเมศกล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการกฎหมายของพรรครวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ตั้งแต่ที่มีข่าวเรื่องการลดวันต้องโทษจำคุกของจำเลยในคดีจำนำข้าว ซึ่งถือได้ว่าเป็นคดีที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก สูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปหลายแสนล้านบาท และศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุกบางราย ศาลตัดสินจำคุก 48 ปี ในปี 2560 แต่ขณะนี้ได้มีการลดวันต้องโทษมาหลายครั้ง จนท้ายที่สุดปัจจุบันเหลือวันต้องโทษ 10 ปี เป็นการลดวันต้องโทษที่ประชาชนคนไทยใจหายมากที่สุด เพราะจำเลยแต่ละคนสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมหาศาล แต่กลับติดคุกจริงเพียงระยะเวลาอันสั้น

“ตุลาการที่ได้พิพากษาตัดสินไปแล้วก็เกิดความไม่สบายใจ เพราะเมื่อตัดสินไปแล้วไม่มีอำนาจเข้าไปมีส่วนในกระบวนการต่างๆ เลย ข้อเท็จจริงในลักษณะนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายคดี จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขกฎหมายราชทัณฑ์ เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ให้มีความโปร่งใส มีคณะกรรมการที่มีความอิสระ และท้ายที่สุดให้ศาลได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดระยะเวลาปลอดภัยให้สังคม ถือว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุด โดยจะมีการยื่นต่อสภาในสัปดาห์หน้า” นายราเมศกล่าว

ขณะที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความว่า เนื่องจากการแสวงหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการพิจารณาอภัยโทษ จะอาศัย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวของราชการ พ.ศ.2540 จึงอาจพาดพิงถึงข้าราชการและเจ้าหน้าที่ และอาจส่งผลให้ต้องตกเป็นจำเลย ทั้งจำเลยสังคมและจำเลยในการดำเนินคดี ดังนั้นข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมและส่วนราชการอื่นๆ ที่มีรายชื่อเป็นคณะกรรมการในคณะต่างๆ หรือมีตำแหน่งหน้าที่ในแต่ละลำดับขั้นหรือแต่ละขั้นตอนของกระบวนการพิจารณาอภัยโทษ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย หากท่านใดที่ไม่สบายใจว่าตนเองจะต้องกลายเป็นจำเลยร่วมในกระบวนการประพฤติมิชอบในแต่ละลำดับขั้นของกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ สามารถติดต่อผมเพื่อกันตัวไว้เป็นพยานที่ โทร. 0-2574-5000 ต่อ 8800 (ผมจะเก็บรักษาท่านไว้ในชั้นความลับที่สุด และท่านจะปลอดภัยจากการดำเนินคดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้)

พล.ต.นพ.เหรียญทองระบุด้วยว่า "คณะประชาชน" จะอาศัยการติดตามสืบค้นจากแหล่งข่าวอื่นๆ ด้วย ผมสามารถเพิ่มทีมงานและเพิ่มจำนวนบุคคลในทุกสาขาวิชาชีพจำนวนมากๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแทรกซึมเข้าถึงแหล่งข่าว แม้ข้อมูลในเรือนจำ สำนักงานของส่วนราชการต่างๆ ตลอดจนคนใกล้ชิดผู้เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิผล เพราะนี่คือ "ยุทธการพลังแผ่นดิน" ที่พลังแผ่นดินของคนรักชาติ จงรักภักดีจำนวนมากได้ถูกปลุกให้ลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแล้ว

"นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่นี่คือการประกาศสงครามกับขบวนการบ่อนทำลายความยุติธรรม ญาตินักโทษที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการพิจารณาอภัยโทษในลำดับขั้นต่างๆ ของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ สามารถให้ข้อมูลแก่ผมได้" ระบุ

ด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถึงนายกฯ ลุงตู่ เรื่องราวต่างๆ และความจริงเกี่ยวกับการลดโทษกระหน่ำแบบไม่อายฟ้าดินถึงนายกรัฐมนตรีหมดแล้ว ท้ายพระราชกฤษฎีกาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นความรับผิดและรับชอบที่ท่านมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านจะทำอย่างไร ปล่อยให้รัฐมนตรีสมศักดิ์ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงชงเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนทรงไม่โปรดการทุจริตคอร์รัปชัน ทรงแช่งพวกทุจริต เพราะเป็นการทำร้ายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ จวบจนมาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน พระองค์ท่านไม่โปรดให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน ทรงจัดระเบียบและเอาตัวผู้ทำทุจริตออกจากพระบรมมหาราชวังไปนักต่อนัก คิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเยอะๆ ทรงไว้วางพระราชหฤทัยมากขนาดไหน?

ฟ้าย่อมมีตานะครับท่านนายกรัฐมนตรี และการถวายสัตย์ปฏิญาณของท่านและคณะรัฐมนตรีของท่านมันจะมีความหมายอะไร บอกตามตรงท่านก็ยอมพวกนักการเมืองห่-รากไปหลายคนแล้ว ถ้าจะให้เป็นเรื่องบกพร่องต่อหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีหวังโดนไปหลายกระทง ประชาชนที่คอยเชียร์ท่านก็เริ่มที่จะมาตั้งคำถามกันแล้ว ทางที่ดีที่สุดท่านควรปลดรัฐมนตรีสมศักดิ์ออกไปก่อน รอผลการสอบสวนของคณะกรรมการอิสระ และของคณะกรรมการภาคประชาชนที่คุณหมอเหรียญทองตั้งขึ้น ดูสิว่างานนี้ท่านสมศักดิ์จะรอดไหม

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่เหมือนกรณีธรรมนัสจะล้มท่าน ตอนนั้นท่านโมโหถึงกับปลดกลางอากาศ คราวนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับสถาบันสูงสุด ท่านจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เกรงกลัวก๊วนการเมืองของท่านสมศักดิ์ว่าเดียวจะทำให้พลังประชารัฐอ่อนแอ ถ้าท่านคิดเช่นนั้น ผมก็สิ้นศรัทธา

วันเดียวกัน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. กรมราชทัณฑ์ได้จัดการประชุมคณะอนุกรรมการสามัญประจำกรมราชทัณฑ์ (อ.ก.พ.) ครั้งที่ 2/2565 เพื่อพิจารณาลงโทษข้าราชการที่ทำผิดวินัย มีพฤติการณ์ที่เสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยที่ประชุมมีมติลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัยใน 2 กรณี โดยมีมติไล่ออก จำนวนทั้งสิ้น 4 ราย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ กรณีทุจริตต่อหน้าที่ เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ต้องขังหรือญาติผู้ต้องขัง 1 กรณี พฤติการณ์ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านการพักการลงโทษ แต่อาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ต้องขังและญาติ เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องขังในเรื่องทัณฑปฏิบัติ (มติ อ.ก.พ.ไล่ออก 1 ราย) และกรณีประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง 1 กรณี พฤติการณ์ร่วมกันทำร้ายผู้ต้องขังเป็นเหตุให้ผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต (มติ อ.ก.พ.ไล่ออก 3 ราย)

“เน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดยึดถือปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด และขอยืนยันต่อสังคมภายนอกว่า ขอให้เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ เพราะหากพบบุคลากรของกรมราชทัณฑ์รายใดถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรมราชทัณฑ์จะพิจารณาให้ผู้เกี่ยวข้องออกจากราชการไว้ก่อน และพิจารณาโทษสถานหนักต่อไป ไม่มีการละเว้น เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับข้าราชการรายอื่น และเพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในความมุ่งมั่นตั้งใจสร้างองค์กรราชทัณฑ์ให้โปร่งใส ไร้ทุจริต” อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว

ทั้งนี้ หากพบเห็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนใดมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ ท่านสามารถส่งหลักฐานโดยตรงถึงผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ผ่านช่องทาง QR Code : DOCAnti-Corruption.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง