เย้ยแถลงนโยบายภาค2

“ภูมิธรรม” เบรกเสียงวิจารณ์ผลงานรัฐบาล 60 วันไม่คืบ บอกให้รอฟัง 100 วันชัดเจนแน่ พร้อมป้องโฆษก รบ. ทำงานดี รู้หน้าที่ตัวเอง ด้าน “ก้าวไกล” ระบุ ตอนนี้ยังพิสูจน์อะไรยาก ขณะที่ “จุรินทร์” เย้ย “เศรษฐา” นึกว่าแถลงนโยบายภาค 2

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงบรรยากาศในงานเลี้ยงดินเนอร์หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ระบุว่า นายภูมิธรรมได้เตือนเรื่องพูดตรงเกินไป โดยผู้สื่อข่าวได้ถามว่า การพูดตรงๆ สำหรับนักการเมืองไม่ดีหรือ ซึ่งนายภูมิธรรมตอบว่า เป็นเรื่องที่ดี จริงๆ ตนชมนายกฯ ไม่ได้ติติง โดยบอกว่านายกฯ พูดตรง อยากให้หัวหน้าพรรคร่วมทั้งหลายเข้าใจในจุดนี้ด้วย จริงๆ แล้วที่นายกฯ พูดไม่ได้มีเรื่องส่วนตัว หากมีอะไรขอให้เข้าใจ และคุยกันถึงจะดี นายกฯ ก็หัวเราะและน้อมรับ

“ผมไม่บังอาจกล้า ไม่ตักเตือนท่านนายกฯ แต่เป็นสิ่งที่ผมสัมผัสได้ ซึ่งนายกฯ บอกกับผมตลอดว่า พี่มีอะไรก็บอกกับผมตรงๆ ได้เลย ผมตรง ไม่รู้สึก เคลียร์ได้ ถ้าพูดผิดไปก็ขอโทษได้” นายภูมิธรรมระบุ

นายภูมิธรรมเปิดเผยด้วยว่า นายกฯ ไม่ชอบความยืดเยื้อ อารัมภบท ส่วนใหญ่ท่านรู้ปัญหา คิดอะไรก็เสนอทางแก้ไขมา หากเข้าใจตรงนี้จะรู้ว่าไม่ใช่จุดอ่อน แต่เป็นจุดแข็ง ส่วนที่ท่านบอกว่าตนตักเตือน ตนไม่เคยคิดแบบนั้นเลย

เขายังกล่าวถึงกรณีนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ออกมาโจมตีการทำหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพของนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องนานาจิตตัง หากใครที่เป็นหน่วยรุก รบมากหน่อยก็มองว่าอาจไม่ทันใจของคนที่อยากเห็นการทำเรื่องการเมืองให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งไม่เป็นไร เพราะทางโฆษกประจำสำนักนายกฯ คงรับฟังเรื่องนี้แล้ว และปรับปรุงให้มีคุณภาพมากขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่าการแถลงข่าวทำงานได้ดี มีความชัดเจน มีรายละเอียด และตรงกับหน้าที่ของตนเอง

นอกจากนี้นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงเสียงวิจารณ์ผลงานรัฐบาล 60 วัน ที่อาจจะไม่มีอะไรใหม่ว่า ทุกอย่างเริ่มต้นหมดแล้ว แต่ที่จริงเราวางไว้ 100 วัน ที่จะเห็นปรากฏการณ์มาก ส่วนที่นายกฯ แถลง 60 วัน เพราะอยากให้เห็นความคืบหน้าว่า 60 วันเรามีอะไรบ้าง ทั้งนี้ เชื่อว่าการแถลง 90-100 วัน จะมีความชัดเจนมากขึ้น

“ขออย่าเพิ่งวิจารณ์ให้รอ 90 วัน รอขณะนี้รัฐบาลก็ทำงานหนักมากอยู่แล้ว และนายกฯ ก็บวกทุกด้าน ฉะนั้น ขอให้อดทนรอการดำเนินงานครบ 100 วัน มันจะแถลงได้อย่างเป็นรูปธรรม ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมีอะไรบ้าง และเรื่องไหนที่ดำเนินการแล้วจะเดินหน้าอย่างไรก็จะแถลงในวันนั้น ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่งจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น” นายภูมิธรรมย้ำ

เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านจ้องโจมตีรัฐบาลว่าทำงาน 60 วันไม่คืบ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่เป็นไร เป็นธรรมดา ตนก็พยายามบอกฝ่ายค้านว่า เราทำงานสร้างสรรค์ อย่าคิดว่าเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน อะไรที่รัฐบาลทำและจะเป็นผลดีกับอนาคตอย่าซีเรียส อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองหมด แต่สามารถออกความเห็นได้ จะได้เป็นกระจกสะท้อนรัฐบาลด้วยว่าทำอะไร

เขาระบุอีกว่า รัฐบาลมีโอกาส 4 ปี คอยดูไป ถ้า 4 ปีคิดว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย มาเสวยอำนาจเสวยสุขอย่างเดียว งวดหน้าท่านก็พิจารณา และเราพร้อมให้ประชาชนพิจารณา แต่เชื่อว่านับตั้งแต่ 100 วัน ทุกอย่างจะค่อยๆ ปรากฏให้เห็น และตนมั่นใจว่ารัฐบาลสอบผ่านแน่นอน ความตั้งใจเรา 100%

ด้าน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายวรชัยตำหนิทีมโฆษกรัฐบาลว่า ตนรับไว้พิจารณา แต่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เขามีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ และจะรับคำวิจารณ์ไว้พิจารณา

วันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรับประทานอาหารกับนายกฯ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการปูทางเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นนายกฯ ในอนาคตหรือไม่ว่า ทำไมสื่อมองเช่นนั้น ไม่ใช่ ตนไปทานข้าวในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีเรื่องปูทางนายกฯ อะไรทั้งนั้น และการร่วมทานข้าวไม่มีประเด็นอะไร แต่เป็นการทานข้าวร่วมกันเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้นนอกเหนือจากการทำงาน และตนเป็นหัวหน้าพรรคที่ไม่ได้เข้าสภาฯ จึงเป็นโอกาสดีที่ได้เจอทุกท่านและได้ฟังประสบการณ์ที่ทุกท่านผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินการทำงาน 60 วันของรัฐบาลอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารอุทานว่า​ “โอ้ว” พร้อมระบุว่า เป็นผลงานที่เห็นได้ชัดในหลายเรื่อง เช่น นโยบายเกี่ยวกับการลดรายจ่ายของประชาชน เริ่มไปแล้วในหลายโครงการ และรัฐบาลทำงานเข้มข้นเต็มที่มากๆ

ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 60 วัน ของรัฐบาลว่า ในภาพรวมเรายังคงไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ผลงานของรัฐบาลในห้วง 60 วันที่ผ่านมา จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบและอย่างยั่งยืนตามที่ประชาชนคาดหวังได้จริงหรือไม่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลจะทำไม่ได้ หรือไม่พยายามทำ เพียงแต่ว่า 60 วันที่ผ่านมาอาจยังพิสูจน์อะไรได้ยาก เนื่องจากบทพิสูจน์ที่แท้จริงน่าจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า หรือคือช่วงเดือน ธ.ค.66-พ.ค.67 ที่ตนอยากชวนประชาชนทุกคนร่วมกันจับตามอง

นายพริษฐ์กล่าวว่า นโยบายหลักด้านการเมืองจะเจอเส้นตายที่ทำให้เห็นการตัดสินใจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ภายใน ม.ค.67 รัฐบาลจะต้องมีข้อสรุปจากคณะกรรมการศึกษาแนวทางประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ว่าจะเดินหน้าต่อเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ประชามติครั้งแรกจะเกิดขึ้นหรือไม่ ด้วยคำถามแบบไหน และรัฐบาลคาดว่าประเทศจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในเมื่อไร
โฆษกพรรคก้าวไกลระบุว่า ส่วนเรื่องเกณฑ์ทหาร ภายใน เม.ย.67 เราจะเห็นว่าประเทศจะยังมีเยาวชนกี่คนที่ถูกบังคับไปเป็นทหารโดยที่ไม่อยากเป็น ซึ่งจะแปรผันตามเจตจำนงของรัฐบาลในการลดหรือเลิกการเกณฑ์ทหาร นอกจากนี้ปฏิทินการเมืองจะมีหมุดหมายสำคัญหลายเหตุการณ์ ที่เป็นบทพิสูจน์เสถียรภาพ และความเป็นเอกภาพระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ เหตุการณ์แรก การพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ในสภาฯ ช่วง ม.ค.-เม.ย.67 เหตุการณ์ที่สองคือการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่เป็นการซักถาม-เสนอแนะ หรือมาตรา 151 ที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนปิดปีแรกของการประชุมสภาฯ หรือ เม.ย.67

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผิดความคาดหวัง เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งโต๊ะแถลงผลงานและเปิดโอกาสให้นักข่าวได้ซักถาม แต่พอเอาเข้าจริงกลายเป็นแค่นายกฯ คนเดียวนั่งอัดเทปถามตอบกับพิธีกรออกทีวีแล้วมาเปิดให้ประชาชนดู และถ้าติดตามโดยละเอียด จะพบว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ยังวนเวียนอยู่กับการบอกว่าคิดจะทำอะไร เหมือนการแถลงนโยบายภาค 2 ส่วนเรื่องการลดรายจ่ายส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเอาเงินภาษีประชาชนมาชดเชยการลดราคาให้ประชาชน เหมือนแค่เอาอัฐยายมาซื้อขนมยาย หลายเรื่องยังแค่ตั้งกรรมการศึกษา ยังไม่มีผลสัมฤทธิ์ที่แท้จริงที่จะเอาออกมาแสดงได้ว่าเป็นอย่างไร แม้แต่เรื่องเกษตรกรก็ไม่มีอะไรใหม่ แถมเกษตรกรยังได้น้อยกว่าเดิม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง