น่าห่วง!พบติดเชื้อโอมิครอนอื้อ

ไทยติดเชื้อใหม่ 2,899 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 22 ราย นายกฯ สั่ง "อนุทิน" เร่งฉีดเข็ม 3 ด่วน สธ.ห่วงปีใหม่ระบาดเพิ่ม งัดมาตรการตรวจ ATK คนนั่งรถโดยสารสาธารณะเกิน 4 ชม. พร้อมโชว์ใบรับรองฉีดวัคซีน คณะแสวงบุญเมกกะติดโควิดอื้อนำเข้าโอมิครอน! ท่าอิฐติด 7 ราย เสี่ยงสูงอีก 6 คน ภูเก็ตแจงเจอ 1 ราย หลังส่งกลับรักษาปัตตานี

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,899 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,824 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,802 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุก 22 ราย, มาจากเรือนจำ 21 ราย, เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 54 ราย คือจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ไอร์แลนด์ ไนจีเรีย เคนยา และโปแลนด์ ประเทศละ 1 ราย, จากรัสเซีย ฝรั่งเศส สวีเดน กัมพูชา แคนาดา เดนมาร์ก และลาว ประเทศละ 2 ราย, ซาอุดีอาระเบีย 14 ราย, สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ประเทศละ 8 ราย และมาเลเซีย 4 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 4,389 ราย อยู่ระหว่างรักษา 41,793 ราย อาการหนัก 928 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 249 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 22 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 15 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 18 ราย คิดเป็นร้อยละ 82 มีโรคเรื้อรัง 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ทั้งนี้ พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ 3 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มเติมของวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา รวม 376,281 โดส

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด พบที่ กทม. 395 ราย, ชลบุรี 197 ราย, นครศรีธรรมราช 185 ราย, สมุทรปราการ 133 ราย, ขอนแก่น 115 ราย, สงขลา 97 ราย, กระบี่ 86 ราย, ราชบุรี 73 ราย, สุราษฎร์ธานี 72 ราย และพระนครศรีอยุธยา 65 ราย ทั้งนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,191,628 ราย ยอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,128,358 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,377 ราย โดยมียอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. รวมทั้งสิ้น 99,761,523 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 557,866 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 5,156 ราย ทั้งนี้ ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในลำดับที่ 24 ของโลก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน 3 ราย หลังกลับจากแสวงบุญที่ประเทศซาอุดีอาระเบียว่า ได้ทำการคัดกรองเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ และพยายามศึกษาอยู่ตลอดเวลาว่าพิษสงเป็นอย่างไร วัคซีนที่ประชาชนได้รับไปแล้ว มีความสามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ระดับไหน แต่สิ่งที่ค่อนข้างจะมั่นใจ คือวัคซีนช่วยลดการเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในปอดได้ในระดับหนึ่ง และลดอาการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้อย่างครอบคลุม จึงต้องมีมาตรการจากภาครัฐให้เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 โดยวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังสั่งการมาทางไลน์ของตน ให้เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้เร็วกว่านี้ เพื่อที่จะเสริมภูมิคุ้มกัน โดยขณะนี้สามารถฉีดเข็ม 3 ได้มากกว่า 7 ล้านคนแล้ว ขณะเดียวกัน ภาพรวมการฉีดวัคซีนก็ทะลุ 100 ล้านโดสแล้ว ซึ่งน่าจะมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่ประมาท โดยต้องได้รับความร่วมมือที่ดีจากพี่น้องประชาชนด้วย

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์โควิด-19 ของไทยดี แต่เข้าใกล้ปีใหม่คนทำกิจกรรมเยอะ ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงที่ตัวเลขจะเพิ่มได้ ซึ่งการประเมินสถานการณ์หลักๆ เราไม่ได้ดูแค่ตัวเลขติดเชื้อ โดยจะดูศักยภาพโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยอาการหนักไหวหรือไม่ ระบบสาธารณสุขรองรับผู้ติดเชื้อได้ เช่น อาการไม่หนัก คนป่วยไม่ล้น และอัตราเสียชีวิตไม่สูงมาก ทั้งนี้ กำลังคำนวณการระบาดรอบใหม่ว่า หลังปีใหม่การระบาดจะเป็นอย่างไร เป็นแบบจำลองอันใหม่ เพื่อให้ประชาชนเห็นภาพ และใส่ในการอ้างอิงสถานการณ์ แต่ต้องใช้เวลาในการใส่ตัวแปร คาดว่าสัปดาห์หน้าจะแล้วเสร็จ

เมื่อถามถึงคำแนะนำสำหรับผู้เดินทางกลับบ้านช่วงปีใหม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า หากโดยสารด้วยรถสาธารณะ ทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังประสานกับกระทรวงคมนาคมและบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ว่าหากรถขนส่งสาธารณะที่ต้องนั่งนานเกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป ควรมีการตรวจ ATK ผู้โดยสารก่อนขึ้นรถทุกคน ส่วนพนักงานจะต้องตรวจอยู่แล้วตามมาตรการ รวมถึงตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีนด้วย ซึ่งเป็นพื้นอยู่แล้วว่าฉีด 2 เข็มก็มีความปลอดภัย

เมื่อถามว่า หากมีการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในไทย จะมีผลกระทบต่อมาตรการช่วงปีใหม่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า สายพันธุ์โอมิครอนกระจายไปทั่วโลก ดังนั้นโอกาสเจอในไทยมากขึ้นเป็นไปได้ เพราะมีคนเดินทางเข้าไทยมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราตรวจจับได้ ซึ่งตอนนี้ยังเจอการนำเข้าจากต่างประเทศ เราควบคุมไม่ให้เกิดระบาดวงกว้าง ดังนั้น ความร่วมมือประชาชนสำคัญมาก

ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรีรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจากนายปรีดา เชื้อผู้ดี ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี ถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจำนวนหลายรายในเขตตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยนายปรีดากล่าวว่า มีผู้เดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะประมาณ 31 คน เป็นชาวท่าอิฐกว่า 10 คน และพื้นที่ต่างๆ ไปวันที่ 1 ธ.ค.64 เครื่องออกเวลา 01.00 น. ปลายทางซาอุดีอาระเบียเพื่อทำพิธี ประมาณ 15 วัน แต่เริ่มมีอาการตัวร้อน เป็นหวัดหลายคน และอาการไม่ดี เนื่องจากอากาศแห้งแล้ง ร่วมกับมีผู้เเสวงบุญทั่วโลกหลายแสนคน คาดว่าอาจจะติดเชื้อจากตรงนั้นมา จึงกลับมาไทยในวันพุธที่ 15 ธ.ค.64 และค้างที่กรุงโดฮา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประมาณ 8 ชั่วโมง จึงบินกลับมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 12.00 น. มีอาการไม่ดีจึงไปพักที่โรงแรมเซน และเปลี่ยนไปที่โรงแรมอันมัส ก่อนไป​​​​​สวอบที่ รพ.วิภาราม ผลออกมาประมาณ 01.00 น. พบติดเชื้อ 14 คน เป็นโอมิครอน 7 ราย และกลุ่มเสี่ยงสูงอีก 6 ราย

ทางด้าน นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า คณะผู้แสวงบุญอุมเราะห์ไทย จำนวน 137 คน เดินทางกลับจากประเทศซาอุดีอาระเบียสู่ประเทศไทยผ่านโครงการ “Test & Go” เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 5 ราย ดังนี้ รายที่ 1 ชายชาวอเมริกัน อายุ 31 ปี เดินทางจากประเทศอังกฤษ, รายที่ 2 ชายชาวสวีเดน อายุ 36 ปี เดินทางจากประเทศสวีเดน, รายที่ 3 ชายชาวไทย อายุ 36 ปี เดินทางจากประเทศซาอุดีอาระเบีย, รายที่ 4 ชายชาวตูนิเซีย อายุ 32 ปี เดินทางจากประเทศฝรั่งเศส, รายที่ 5 หญิงชาวเยอรมัน อายุ 24 ปี เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ

ผู้ติดเชื้อทั้ง 5 ราย แยกเป็น 4 ราย ถูกส่งตัวเข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.64 และอีก 1 ราย ขอเดินทางกลับปัตตานี ซึ่งผู้ที่กักตัวและเข้ารับการรักษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 5 วัน ต่อมาวันที่ 17 ธ.ค.64 ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภูเก็ตว่า 1 ใน 5 ราย เป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากที่ได้เดินทางกลับไปรักษาตัวในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแพร่ระบาดเชื้อในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ นพ.อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ยอมรับว่า ตรวจพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจริง และไม่ได้เป็นการติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดปัตตานี แต่เป็นการติดเชื้อจากการเดินทางมาจากต่างประเทศ กลับจากซาอุฯ นอกจากนี้ ในกลุ่มดังกล่าวยังพบผู้ติดเชื้อโควิดอีก 2 คน ทำให้ต้องกักตัวอยู่ที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์วันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ขอให้คนปัตตานีอย่าตื่นตระหนก และป้องกันตัวเองตามมาตรการอย่างเคร่งครัดเช่นเดิม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง