อ้างปชช.ทวงเงินดิจิทัล ‘เสี่ยนิด’ลุยพื้นที่โปรยยาหอม/ก.ก.ซัดย้อนแย้งแก้หนี้กู้สร้างหนี้

"เศรษฐา" ยิ้มแก้มปริลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ชาวบ้านชมหล่อกว่าณเดชน์ ระบุ "หนี้นอกระบบ-ฝุ่น PM 2.5" ผลพวงจาก ศก.ไม่ดี บอก ปชช.ให้รอเงินดิจิทัล 1 หมื่น หลังหลายจังหวัดทวงถาม ยาหอมปลายปีแจกโฉนดที่ดินทำกินอีก  "รัฐบาล" เคาะแก้หนี้ ขรก. 3 ล้านคน ตั้งเป้าให้เหลือเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 30% หากไม่ถึงเกณฑ์ จะขยายงวดชำระถึง 75 ปี “กิตติรัตน์” เล็งพิจารณาปรับดอกเบี้ยบัตรเครดิต ก่อนชงนายกฯ แถลง 12 ธ.ค. "ก.ก." ซัดนโยบายรัฐย้อนแย้ง บอกแก้หนี้แต่กู้มาแจก ทำหนี้สาธารณะพุ่ง

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายหลังพักค้างคืนจังหวัดเชียงใหม่ ในเช้าเวลา 09.45 น. นายกฯ และคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 46 ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก ก่อนเดินทางด้วยรถยนต์ต่อมายัง จ.อุตรดิตถ์

เวลา 11.50 น. นายกฯ เยี่ยมชมโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดอุตรดิตถ์ (โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก โครงการแก้มลิง บึงมาย บึงกะโล่ บึงช่อ บึงหล่ม และโครงการอื่นๆ) และพบปะประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์

นายเศรษฐากล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับว่า เรื่องของภาระหนี้สินนอกระบบ ตนเข้าใจว่าพี่น้องที่นี่หลายคนเป็นหนี้นอกระบบก่อให้เกิดเศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลให้ความสำคัญและจะทำให้ดีขึ้น เรื่องหนี้นอกระบบเป็นอะไรที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และคิดว่าหากใช้คำที่รุนแรง พี่น้องประชาชนกลายเป็นทาสยุคใหม่ ซึ่งในวันที่ 8 ธ.ค. ตนและทีมงานจะทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและตำรวจ เพื่อให้ดูแลพี่น้องที่มีสัญญาการกู้เงินที่ไม่เป็นธรรม อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ถูกกฎหมายให้มีการบริหารจัดการ โดยยกระดับเศรษฐกิจให้พี่น้องเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเป็นธรรม

"กรณีที่มีเอกสารสิทธิไปกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่สามารถไปทำมาหากินได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี การมอบโฉนดก็เป็นนโยบายของรัฐบาลนี้ ซึ่งจะเริ่มแจกภายในสิ้นปีนี้ โดยจะทยอยแจกตามจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เกิดขึ้นได้" นายเศรษฐากล่าว

ต่อมานายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการลงพื้นที่ต่างจังหวัดติดต่อหลายวันว่า ได้ทราบถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งเราลงพื้นที่ก็อยากจะมารับฟังปัญหา เพื่อที่จะหาทางแก้ไข ได้ฟังปัญหาเรื่องของฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งมาจากการเผาป่า ปัญหาใหญ่ทุกปัญหาก็เกิดมาจากการที่เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เกษตรกรที่มีตอข้าวและซังข้าวโพดก็ต้องเผา เพราะเป็นวิธีที่จะกำจัดได้เร็วที่สุด และทำให้ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในเรื่องของ PM 2.5

"ปีนี้รัฐบาลจะมีการผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้าสู่สภา และต้องขอบคุณผู้ว่าฯ เชียงใหม่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้มาพบปะพูดคุยกับภาคเอกชน และทุกภาคส่วน พร้อมในการที่จะทำให้ปัญหา PM 2.5 ลดลงอย่างมีนัย" นายกฯ กล่าว

จากนั้นเวลา 12.00 น. นายเศรษฐา พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาที่เขื่อนทดน้ำผาจุก อ.เมืองอุตรดิตถ์ ติดตามความก้าวหน้าโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุกและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ พร้อมรับฟังปัญหาและมอบนโยบายแนวทางการแก้ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์

ยก ปชช.ต้องการเงินดิจิทัล

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการลงพื้นที่ในหลายจังหวัดพบว่าประชาชนทวงถามเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ส่งผลเกิดแรงกดดันหรือไม่ว่า ทุกวันทุกเรื่องเป็นเรื่องที่กดดัน และเป็นเรื่องที่อยากให้ประชาชนได้จริงก็มารับฟัง สื่อก็เห็นว่าประชาชนต้องการไปที่ไหนก็ต้องการ ลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ หลายท่านก็ถามในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่เขาอยากได้จริงๆ เพราะมันวิกฤตจริงๆ

ถามว่า มีความคืบหน้าอย่างไร และเรื่องถึงไหนแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ยังเลย เดี๋ยวบ่ายนี้จะโทร.หานายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ว่าเรื่องถึงไหนแล้วในตอนนี้

ซักว่าดูเหมือนจะถูกมองว่าเรื่องจะเงียบไป บางคนอาจจะใจแป้วว่าจะไม่ได้เงินดิจิทัลแล้ว จะให้ความมั่นใจอย่างไรกับประชาชน นายกฯ กล่าวว่า ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ทุกฝ่ายต้องมีการพูดคุยกัน

นายกฯ ยังคงยืนยันไทม์ไลน์เดิมในการแจกเงินดิจิทัล ส่วนถ้าหากกฤษฎีกาตีความออกมาในทางลบ จะมีการปรับลดอะไรที่ไม่ต้องกู้หรือไม่นั้น ก็เดี๋ยวคงมีการพูดคุยกันในตรงนี้ แต่ตอนนี้มุ่งมั่นจะทำจากนี้

เมื่อถามว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามจะพยายามอย่างเต็มที่ หากจะได้หรือไม่ได้อย่างไร ก็จะมีคำตอบให้กับประชาชนใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ถูกต้อง ใช่ครับ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล

เวลา 14.15 น. นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) อ.ลับแล และติดตามความก้าวหน้าโครงการสำคัญของจ.อุตรดิตถ์ 1.โครงการพัฒนาการท่องเที่ยว เมืองลับแล เมืองมหัศจรรย์ของผลไม้ เมืองงาม 3 วัฒนธรรม บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก และ 2.โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ของประชาชน (Soft Power of Uttaradit)

นายเศรษฐากล่าวว่า รับประทานอาหารกลางวันกับหอการค้าจังหวัด มีการยกประเด็นว่าอุตรดิตถ์ไม่มีที่ทำการการท่องเที่ยวเลย แล้วการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะดึงศักยภาพออกมาได้อย่างไร จึงตกลงว่าจะมาตั้งสำนักงานที่นี่เพื่อสนับสนุนโปรโมตการท่องเที่ยวที่นี่ และจำนวนห้องพักมีแค่กว่า 3,000 ห้อง ไม่มีเหตุผลเลยที่ห้องพักเหล่านี้จะไม่เต็มทั้งปี เพราะดูจากวัฒนธรรม กิจกรรมต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว สามารถทำให้เกิดทั้งปีได้ ทำให้ทุกๆ เดือนเป็นไฮซีซั่น

"หน่วยงานซอฟต์พาวเวอร์ที่มีผมเป็นประธาน และมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นรองประธาน จะช่วยกันผลักดันดึงศักยภาพตรงนี้ออกมา เช่น มวยไทย ซึ่งจริงๆ แล้วมวยไทยกระจายไปทั่วโลก และเรื่องผลไม้ไม่ต้องพูดถึง ทั้งลางสาด มะไฟ และมะฟ้า ที่ สส.บางคนไม่รู้จัก มะฟ้าผมก็เพิ่งรู้จัก ผมจะสนับสนุนให้ปลูกมากยิ่งขึ้น นอกจากมีทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่ในบทบัญญัติยังไม่เป็นพืชเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามจะต้องทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจให้ได้ ยืนยันรัฐบาลต้องการให้ชาวอุตรดิตถ์มีชีวิตความเป็นอยู่และมีรายได้ที่สูงขึ้น รัฐบาลนี้จะไม่ทอดทิ้ง จะทำให้ความเป็นอยู่ของพวกท่านดีขึ้นให้ได้" นายเศรษฐากล่าว

จากนั้นเวลา 16.28 น. นายเศรษฐา เดินทางถึงที่ว่าการอำเภอน้ำปาด อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ โดยทันทีที่นายกฯ เดินทางถึง ประชาชนมารอต้อนรับอย่างคึกคัก พร้อมมอบดอกกุหลาบและขอถ่ายรูปเซลฟีอย่างคึกคัก โดยนายกฯ ได้ร่วมถ่ายเซลฟีกับประชาชน พร้อมเข้าสวมกอดอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ ช่วงหนึ่งประชาชนขอจับมือนายกฯ โดยชมว่ามือนายกฯ นุ่มมาก

นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านตะโกนชมว่า  "ตัวจริงนายกฯ หล่อกว่าณเดชน์อีก" ทำให้นายกฯ ยิ้มแก้มปริ รวมถึงมีชาวบ้านน้ำปาดตะโกนว่า “นายกฯ เศรษฐาเราจะเป็นเศรษฐี” ด้านนายกฯ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า “รอเงินดิจิทัลนะครับ”

ขณะเดียวกัน ประชาชนที่มารอต้อนรับตะโกนให้กำลังใจนายกฯ พร้อมบอกว่า "นายกฯ สู้ๆ กำลังใจจาก อสม. ดูแล อสม.ด้วยนะคะ, ตัวจริงหล่อ เท่กว่าในทีวี"   พร้อมกันนี้ประชาชนได้ให้กำลังใจข้อความว่า “รักนายกเศรษฐา รักเพื่อไทย พร้อมสนับสนุน” “ชาวบ้านอำเภอท่าปลา ขอขอบคุณ ฯพณฯ ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่มาแก้ปัญหาเอกสารสิทธิที่ดินให้กับชาวอำเภอท่าปลา

ต่อมา นายกฯ รับฟังการบรรยายสรุปโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปาด รวมถึงปัญหาสถานการณ์น้ำ โดยนายกฯ กล่าวพบปะประชาชนตอนหนึ่งว่า เรื่องที่ดินทำกินที่จะให้ประชาชนมีพื้นที่ทำมาหากินอย่างชอบธรรม สมเกียรติอย่างเดียวไม่ใช่ แต่มีนัยมากกว่านั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เข้าใจว่าปัญหานี้หมักหมมมานานหลาย 10 ปี เป็นเรื่องที่ไม่ต้องพูดถึงว่าทำไมรัฐบาลก่อนๆ ถึงทำไม่ได้ แต่รัฐบาลนี้ภายใน 6 เดือน จะมีคำตอบและนโยบายที่ชัดเจนที่จะมาพูดคุยกันต่อไป ที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนมีพื้นที่ทำกินอย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี ไม่ต้องห่วงรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

รบ.ลุยแก้หนี้ ขรก. 3 ล้านคน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ ร่วมแถลงข่าวผลการประชุมเรื่องหนี้นอกระบบ

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เรื่องนี้ถือเป็นวาระที่สำคัญ โดยมีการนำเอาหนี้นอกระบบไปอยู่ในท้าย พ.ร.บ.คดี ดังนั้นต่อไปนี้การปล่อยกู้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดคือร้อยละ 15 ต่อปี และไม่มีกฎหมายกำหนด ส่วนที่จะเป็นคดีพิเศษเครือข่ายหนี้นอกระบบ เช่น เราตีว่า 30 ล้าน หรือ 50 คนขึ้นไป ที่ปล่อยกู้ โดยเมื่อตรวจสอบกับกรมบังคับคดีก็จะพบกับกรณีนี้ ซึ่งพบว่ามีเป็นหมื่นๆ คน วันนี้จึงสั่งให้อธิบดีดีเอสไอเป็น ผอ.การแก้ปัญหาลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเป็นท้ายหนี้นอกระบบที่มีสำนักเข้าไปดู โดยดีเอสไอจะทำร่วมกับตำรวจ ซึ่งจะใช้วิธีเข้าไปสอบสวน สืบสวนเครือข่าย ซึ่งจะทำให้บรรเทาเรื่องหนี้นอกระบบ

"หนี้ข้าราชการ ถือเป็นหนี้ที่น่าสงสารที่สุด เพราะถ้าถูกฟ้องล้มละลายก็ต้องถูกออกจากราชการ ถือเป็นมะเร็งร้าย ที่เราจะต้องมีวิธีคิดดอกเบี้ยใหม่ ส่วนหนี้บัตรเครดิตที่ต้องกำหนดดอกเบี้ย 18%นั้น เป็นเรื่องที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้ามากำหนดเพดานและเข้ามาคุม เราต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงเรื่องอายุความ ก็จะทำให้ เป็นการช่วยเหลือประชาชน ไม่ต้องถูกยึดบ้าน ประชาชนก็ไม่แพ้คดี" รมว.ยุติธรรมกล่าว

ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาหนี้ของข้าราชการ พบว่า การหักเงินเดือนและการชำระหนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบบสินเชื่อสวัสดิการ ทำให้ข้าราชการมีเงินเดือนไม่ถึง 30% ดังนั้นคณะกรรมการชุดนี้จึงพิจารณาร่วมกันว่าจะทำให้ข้าราชการมีเงินเดือนเหลือไม่น้อยกว่า 30% ของเงินเดือน ในส่วนแนวทางการแก้ไขหนี้สินข้าราชการ จะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้  สามารถให้ข้าราชการปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าบางรายไม่สามารถทำให้เงินเหลือมากกว่า 30% ของเงินเดือนได้ จะใช้วิธีการขยายงวดชำระเงินต้นออกไปให้อายุถึง 75 ปี จะส่งผลให้เงินต้นลดลงโดยอัตโนมัติ

"เราจะหาเงินกู้พิเศษจากสหกรณ์ออมทรัพย์ของตัวเองในอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม และหากสมมุติว่ายังเหลือเงินไม่ถึง 30% อีก ซึ่งเชื่อว่าจะเหลือแค่บางรายเท่านั้น เราจะนำมาวิเคราะห์และแก้ไขเฉพาะราย เพื่อให้เกิดการปลดหนี้ให้มีสภาพชีวิตที่อยู่ด้วย โดยจะเดินหน้าและเกิดผลสัมฤทธิ์ในเดือน ม.ค.67 เป็นต้นไป แต่ต้องขอความร่วมมือจากกรมบัญชีกลาง และต้นสังกัดของข้าราชการ" รอง ผบ.ตร.กล่าว

ส่วนนายกิตติรัตน์ กล่าวถึงภาพรวมหนี้ของข้าราชการทั้งระบบว่า ข้าราชการที่อยู่ในระบบเงินกู้สหกรณ์ มียอดรวมทั้งสิ้น 3 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่กระทรวงศึกษาธิการประมาณ 8 แสนคน กระทรวงสาธารณสุขกว่า 2 แสนคน ตำรวจ 2.3 แสนนาย สำหรับแนวทางการแก้ไขหนี้สินของข้าราชการนั้น เราจะดูแลข้าราชการในระบบสวัสดิการและรัฐบาลจะดูแลเรื่องการหักเงินเดือนให้ทุกหน่วย

ถามถึงการแก้ไขหนี้บัตรเครดิตที่มีเก็บดอกเบี้ย 18% ต่อปี ขณะที่นายกฯ ระบุในการแถลงข่าวแก้หนี้นอกระบบให้เก็บดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่เกิน 15% ต่อปี ทางคณะกรรมการฯ จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร นายกิตติรัตน์กล่าวว่า เรื่องบัตรเครดิตอัตราดอกเบี้ยตามข้อตกลงเดิมบวกกับเบี้ยปรับในรายการผิดชำระ ตรงนี้มีการอ้างอิงประกาศของ ธปท.ที่ทำได้ไม่เกินร้อยละ 3 ฉะนั้นการประชุมแก้ไขหนี้ในส่วนที่เหลือจะมีแนวทาง ตอนนี้ขอพิจารณาให้รอบคอบเพื่อให้พร้อมที่จะเสนอนายกฯ เพื่อแถลงในวันที่ 12 ธ.ค.นี้

ถามย้ำว่า มีแนวโน้มที่จะเก็บดอกเบี้ยบัตรเครดิต 15% หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ก็มีแนวโน้ม 

ก.ก.ซัดแก้หนี้แย้งกู้มาแจก

ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุม กมธ.ว่า ก่อนหน้านี้ทาง กมธ.มีวาระพิจารณาหลายอย่าง เช่น คณะอนุกมธ. ที่เราได้เรียกหน่วยงานที่ขอรับงบประมาณทั้งหมดมาชี้แจงว่าแต่ละหน่วยขออะไรบ้าง ซึ่งเป็นจำนวนเงินประมาณ 5.8 ล้านล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณตัดเหลือ 3.48 ล้านล้านบาท และตอนนี้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่กำหนดว่ากรอบงบแต่ละกระทรวง ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เรากำลังรอคือคำของบประมาณที่ถูกอนุมัติจัดสรรในรายโครงการ โดยจะออกมาประมาณวันที่ 23 ธ.ค. และจะมีมติ ครม.วันที่ 26 ธ.ค. เราก็จะนำข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานมาประกบข้อมูลจากสำนักงบฯ ว่ามีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนหรือไม่

ถามว่า งบประมาณปี 67 ยังไม่มีส่วนที่เกี่ยวกับการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่มี และมีความชัดเจนอยู่แล้วว่าแหล่งที่มาของเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่สามารถใช้แหล่งเงินจากงบประมาณเป็นหลักได้ เพราะรัฐบาลออกข่าวมาแล้วว่าจะใช้พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งทราบกันดีว่ามีปัญหาหลายอย่าง เช่น จะขัดกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือวินัยหนี้สาธารณะหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังรอคำตอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกา เราก็อยากได้ความชัดเจนในเรื่องนี้เช่นกัน

ถามว่า ในส่วนการอภิปรายงบประมาณนั้น ได้มีการมอบหมายให้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รับผิดชอบหัวข้อการอภิปรายอะไรบ้าง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นสิทธิและหน้าที่ของ สส.ทุกคนที่สามารถตั้งคำถามถึงการตัดงบประมาณว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ก่อนที่จะให้มีการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 67

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ที่จะเข้าต่อจากปี 67 ทาง กมธ.ตั้งใจจะให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 เป็นร่างที่ฝ่ายนิติบัญญัติเสนอประกบกับร่างของฝ่ายบริหาร ซึ่งเราได้ตัวอย่างจากหลายๆ ประเทศที่ใช้รูปแบบดังกล่าว จึงคิดว่าในช่วงปลายปีนี้ที่เป็นช่วงกำหนดส่งคำของบประมาณปี 68 ของทุกหน่วยงาน เราก็จะเรียกทุกหน่วยรับงบประมาณชี้แจงคำขอแบบเดียวกับที่ทำกับงบประมาณปี 67 แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ทาง กมธ.จะมีเวลาพิจารณากันเพิ่มขึ้น และสามารถให้ข้อเสนอกับสำนักงบฯได้ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่ สส.ในฐานะตัวแทนประชาชนอยากเห็นนั้นเป็นอย่างไร

"ในส่วนขั้นตอนของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 นั้น ประมาณช่วงกลาง ม.ค.67 เป็นเดดไลน์ส่งคำของบประมาณ  หลังจากนั้นสำนักงบฯ จะรวบรวม เพื่อส่งให้ ครม.อนุมัติ" ประธาน กมธ.งบฯ กล่าว

นายณัฐพงษ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลว่า การแก้หนี้เป็นประโยชน์ของประชาชนอยู่แล้ว แต่เราก็รู้สึกได้ว่าการดำเนินการของรัฐบาลหลายอย่างมีความย้อนแย้งในตัวเอง เพราะเมื่อคุณบอกว่ากำลังแก้หนี้ให้ประชาชน แต่ในขณะเดียวกันคุณกำลังออก พ.ร.บ.กู้เงิน สร้างหนี้สาธารณะให้กับประชาชนทุกคน ตนคิดว่าเป็นคำถามที่ควรถูกตั้งว่ามีความเหมาะสมหรือไม่

ส่วนนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวว่า การจัดการปัญหาหนี้นอกระบบเท่าที่ฟังไม่เห็นว่าต่างจากรัฐบาลเดิมเท่าไหร่ คือมีวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบวิธีเดียวกัน ดังนั้นอยู่ที่การดำเนินการที่มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลัง ว่ารัฐบาลสามารถทำได้จริงตามที่พูดไว้หรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์

นายใหญ่เมินห่วงปมเศรษฐา

“ทักษิณ” ไม่ห่วง “เศรษฐา”  ปมศาล รธน. มั่นใจพา พท.กลับมาผงาดได้ ไม่ขอแตะ “ลุงตู่” หลังมีกระแสคิดถึง