อึ้ง!อ้วนเปิดงานต้านโกง ‘วิโรจน์’แฉยอด3แสนล.

ครั้งแรก! นายกฯ โยนงานต่อต้านคอร์รัปชันให้รองนายกฯ “ภูมิธรรม”  ฟุ้งนับจากนี้รัฐบาลจะบริหารประเทศโดยยึดหลักนิติธรรม “วิโรจน์” ปูดไทยมูลค่ายอดโกงปีละ 3 แสนล้านบาท ประเทศวนเวียนอยู่ใน 9 หลุมดำ ซัด “เศรษฐา” เรียก ขรก.ไปด่าก่อนขึ้นเครื่องแค่อีเวนต์ปราบทุจริตแบบผักชีโรยหน้า

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2566 ที่ฮอลล์ 4 อาคารศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม   เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ  และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย ต้านโกง” โดยมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.),  องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมอย่างคึกคัก

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวเปิดงานว่า การต่อสู้กับคอร์รัปชันในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ต้องเกิดจากการร่วมมือร่วมใจของนานาประเทศ ซึ่งจากผลดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกประเทศต้องเร่งแก้ไข

จากนั้นนายภูมิธรรมกล่าวปาฐกถาว่า   ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศไทยเป็นปัญหาเรื้อรังที่สั่งสมมานาน ส่งผลเสียหายต่อประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นในมุมมองของนานาชาติ ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ฟื้นคืนความเชื่อมั่น ความโปร่งใสของการบริหารงานราชการทุกระดับ โดยการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในไทยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม แนวทางที่สำคัญ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนค่านิยมในสังคมไทยที่เอื้อต่อการทุจริต เช่น การให้สินบนเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ รวมถึงการปรับปรุงระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“นับจากนี้ทิศทางการขับเคลื่อนประเทศภายใต้การนำของรัฐบาลจะยึดหลักนิติธรรม เพื่อให้ปัญหาทุจริตของประเทศไทยลดน้อยลง และมีความโปร่งใสเป็นธรรมและตรวจสอบได้มากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพทางสังคมเพื่อเป็นพลังในการตรวจสอบทุจริต ได้สร้างความโปร่งใสในระบบการจัดซื้อจัดจ้างและการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเพื่อป้องกันทุจริต และมีการเปิดเผยข้อมูลสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น”

หลังจากนั้น นายภูมิธรรมนำประกาศเจตจำนงในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล พร้อมกับวางมือบนแท่นพิธีเพื่อเปิดกิจกรรมงานต่อต้านคอร์รัปชันสากลประจำปี 2566 แล้ว ก่อนร่วมถ่ายภาพบนเวทีด้วยการทำมือแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการทุจริตด้วยการกำปั้นมือขวาแล้วทาบไปที่หน้าอกข้างซ้าย

ส่วนที่ทำการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. แถลงในหัวข้อ “ชำระปัญหา-เสนอทางแก้คอร์รัปชัน” ว่า การทุจริตคอร์รัปชันมีมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ 1 ปี หากจัดการเงินทุจริตนี้ สามารถเอาเงินมาอุดหนุนเด็กยากจนได้ถึง 3 ช่วงอายุ หรือหากเปรียบเทียบกับเบี้ยผู้สูงอายุ ก็เทียบได้เป็น 3 เท่า นี่เป็นภัยร้ายที่เห็นแล้วรู้สึกขนลุก

นายวิโรจน์กล่าวว่า ประเทศวนเวียนอยู่กับหลุมดำ 9 หลุม ได้แก่ 1.ระบบอุปถัมภ์ และการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งเป็นปฐมบทแห่งการคอร์รัปชัน 2.การขาดความโปร่งใส และอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูล 3.กฎหมายปิดปาก การคุกคามสื่อ และการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก 4.การใช้อำนาจขององค์กรอิสระที่ขาดการตรวจสอบถ่วงดุล 5.กฎหมายที่ล้าสมัย ที่เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ 6.การบังคับใช้กฎหมายอย่าง 2 มาตรฐาน 7.ความไม่จริงจังในการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามคอร์รัปชัน 8.การตอบสนองต่อการทุจริตคอร์รัปชันที่ล่าช้า จับได้แต่ราชการชั้นผู้น้อย และ 9.การที่สังคมมองว่าการรีดไถ ส่งส่วย เป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับ

“หากประเทศไทยยังอยู่ในระบบนิเวศแบบนี้ ประเทศไทยไม่มีทางดีขึ้นได้เลย ปัจจุบันปัญหาคอร์รัปชันประเทศไทย การโกง แทรกซึมอยู่ทุกอณู จนเป็นรากฐานของปัญหาที่ร้ายแรงของสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ธุรกิจผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น จีนสีเทา และมาเฟียข้ามชาติ”

นายวิโรจน์ระบุอีกว่า การคอร์รัปชันในประเทศ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การซื้อขายตำแหน่ง, การเรียกรับส่วย, การใช้ช่องทางทางกฎหมาย และดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการรีดไถ และการล็อกสเปก ซึ่งนายกฯ ต้องแก้ไขที่โครงสร้าง ตลอดจนแก้ไขข้อกฎหมายที่ล้าสมัยคู่กันไป โดยสิ่งที่ทำได้เลย เช่น การจัดการพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คนเข้าเมือง, พ.ร.บ.โรงแรม, พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง, พ.ร.บ.มาตรการการฟ้องปิดปาก  เป็นต้น

“สภาพของความขึงขังเรียกข้าราชการไปนั่งบ่นนั่งด่าก่อนขึ้นเครื่องบิน หรือเรียกจัดอีเวนต์ในการปราบปราม อย่างดีที่สุดก็ทำให้การทุจริตคอร์รัปชันหายไปช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก สิ่งโสโครกเหล่านี้ก็จะผุดกลับขึ้นมาใหม่ ด้วยวิธีการที่แยบยลตรวจสอบได้ยากกว่าเดิม ถ้าบ้านเมืองยังเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน  ผมกังวลว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศต้องสาปที่ไม่มีการพัฒนาได้ดีกว่านี้ หรือประเทศพัฒนาได้แค่นี้” นายวิโรจน์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ยินดีผลตรวจสอบตัวอย่างข้าวค้างสต๊อก 10 ปี ไม่พบสารก่อมะเร็ง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังผลตรวจสอบตัวอย่างข้าว 10 ปีที่ส่งตรวจจากห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่พบสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็ง(อะฟลาท๋อกซิน)

นายกฯ นำคณะ สวมชุดผ้าขาวม้า เดินโชว์กลางเมืองมิลาน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะใส่ชุดผ้าขาวม้า เดินโชว์กลางเมืองมิลาน ซึ่งเป็นเหมือนแห่งแฟชั่น เพื่อให้เจ้าของแบรนด์และชาวอิตาลี รวมทั้งนักท่องเที่ยว ได้เห็นถึงความสวยงามของผ้าขาวม้าและผ้าไทย