นายใหญ่เมินห่วงปมเศรษฐา

“ทักษิณ” ไม่ห่วง “เศรษฐา”  ปมศาล รธน. มั่นใจพา พท.กลับมาผงาดได้ ไม่ขอแตะ “ลุงตู่” หลังมีกระแสคิดถึง  บอกอย่าทำท่านเสีย ด้าน “อีสานโพล”  ยก “พิธา” นักการเมืองแห่งปี เจ้าตัวไม่เห็นด้วยใช้องค์กรอิสระสอยนายกฯ-ยุบพรรค

 เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในวันที่ 14 ส.ค.ว่า ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นข้อกังวล  เพราะนายกฯ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ  ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน เชื่อว่านายกฯ จะชี้แจงได้หมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องวางแผนสำรองหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ตนก็เป็นนายกฯ ไม่ได้แล้ว แก่แล้ว หมดเวลาทำงาน นอกเหนือจากคุณสมบัติก็หมดเวลาทำงาน มีหน้าที่ให้คำแนะนำให้กำลังใจ

เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องเร่งเครื่องทำงานอะไรหรือไม่ เพราะตอนนี้มีกระแสเพลงคิดถึงลุงตู่ นายทักษิณย้อนถามกลับสื่อว่า ใครเปิด โดยสื่อมวลชนได้ตอบว่า น่าจะเป็นระบบเอไอทำขึ้นมา นายทักษิณ จึงกล่าวว่า ไม่เป็นไร พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา เป็นองคมนตรีแล้ว ท่านไม่กลับมาการเมืองแล้ว อันนี้อย่าไปทำให้ท่านเสีย

เมื่อถามอีกว่า ผลงานรัฐบาลในปัจจุบันจะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลก็ทำไปเยอะแล้ว แต่ทำแล้วยังปิดไม่ได้ ไม่ลงตัว หลังจากนี้ไปจะเริ่มทยอยปิดงานและเมื่อปิดงานแล้ว ผลงานจะชัดเจนขึ้น และเมื่อแก้ไขปัญหาดีขึ้นจะกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งได้ไม่ยากนัก ตนใช้คำว่าได้ไม่ยากนักดีกว่า ไม่อยากให้กองเชียร์ต้องกังวล

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงคดีนายเศรษฐาว่า ไม่มีอะไร ตนคิดว่าเป็นไปตามกระบวนการ รอผลจากกระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามถึงกรณีมีการเชื่อมโยงภาพปฏิญญาเขาใหญ่ของนายทักษิณ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ว่าจะเกี่ยวกับคำตัดสินในวันที่ 14 ส.ค.นี้ นายภูมิธรรม ตอบว่า อย่ามองชีวิตธรรมดาของคนให้เป็นการเมืองไปหมด มันไม่ดี

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตั้งแต่อดีต สว. 40 คน เริ่มต้นกระบวนการยื่นคำร้องให้วินิจฉัยกรณีนายกฯ แต่งตั้งนายพิชิต ซึ่งนายเศรษฐาแสดงความพร้อมรับกระบวนการตรวจสอบและให้ความเคารพ ไม่เคยไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญ นายกฯ มั่นใจว่าการแต่งตั้งนายพิชิตถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแนะนำ เชื่อมั่นว่ากระทำอย่างถูกต้อง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ สส.พรรคเพื่อไทยทุกคนส่งกำลังใจ ขอให้คำวินิจฉัยเป็นบวกต่อนายเศรษฐา เพื่อจะได้ให้ประเทศไทยได้ไปต่อ พายุหมุนทางเศรษฐกิจกำลังจะหมุนไป ดิจิทัลวอลเล็ตกำลังจะเปิดลงทะเบียน และเงินดิจิทัลจะเข้ากระเป๋าประชาชนในไม่ช้าเชื่อว่าท่านจะผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี เพื่อบริหารประเทศชาติก้าวข้ามวิกฤตต่างๆ ต่อไปได้

วันเดียวกัน อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง รางวัลแห่งปีของคนอีสาน ปี 2567 ครึ่งปีแรก โดยการสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานเกี่ยวกับบุคคล องค์กร และผลงานที่มีความโดดเด่นที่สุดแห่งปี ในสาขาต่างๆ 13 รางวัล โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-23 ก.ค.67 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,117 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด และจะทำการสำรวจอีกครั้งในช่วงปลายปีเพื่อสรุปคะแนนทั้งปี

การสำรวจนี้ จะให้ชาวอีสานเสนอชื่อ บุคคลหรือองค์กรหรือผลงานที่สมควรได้รับรางวัลแห่งปีในสาขาต่างๆ 13 รางวัล (แบบปลายเปิดไม่มีตัวเลือกให้) ซึ่งจากการประมวลผล พบว่า คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก แต่ละรางวัลมีดังนี้ นักการเมืองแห่งปี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 28.3, แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 19.6,   เศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 18.0

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า ยังมั่นใจในข้อเท็จจริง และความสม่ำเสมอของระบบยุติธรรม สิ่งที่พรรคก้าวไกลต่อสู้คือ ข้อกฎหมาย โดยพรรคก้าวไกลได้ชี้ให้เห็นว่า กรณีของพรรคก้าวไกลต่างจากการยุบพรรคการเมืองอื่นในอดีต เพราะมีระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปี 2566 ซึ่ง กกต.ต้องดำเนินการตามระเบียบ แต่ กกต.ไม่ได้ดำเนินการเช่นนั้น จึงทำให้พรรคก้าวไกลเสียโอกาสในการชี้แจงตั้งแต่ต้นทางของระบบยุติธรรม

นายพิธาเชื่อว่า หาก กกต.ทำตามระเบียบ มีโอกาสให้รับทราบข้อเท็จจริง และต่อสู้ ตั้งแต่ชั้นของ กกต.เอง ก็อาจจะไม่มีคดีนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อวันนี้ตัวเองเสียโอกาสนี้ไป และเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเป็นปลายทางของกระบวนการยุติธรรม แล้ว กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร

นายพิธายังกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในคดีที่ 40 สว.ยื่นถอดถอนนายกฯ ด้วยว่า หากมองในมุมระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง สิ่งที่ทำลายสมาธิ ทั้งพรรคก้าวไกลและนายกฯ เองไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้ใช้เวลาไปกับการเสียสมาธิ กับการแย่งชิงอำนาจและการเข้าสู่อำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาของประชาชน หมักหมม คาราคาซังมานาน

นายพิธาระบุว่า หากพรรคการเมืองจะเกิดการยุบสลายไป ก็ต้องเกิด เพราะไม่มีคนเลือก ประชาชนสร้างขึ้นมา ต้องเป็นผู้พิพากษาพรรคการเมือง เช่นเดียวกับนายกฯ ที่มาจากนโยบาย ก็ต้องรับผิดชอบด้วยมาตรฐานทางการเมือง หากรู้ว่าผิดควรจะลาออกแล้วเปิดทางให้คนอื่น   แต่ไม่ควรที่จะให้องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย ไม่ใช่มีหน้าที่ทำลายประชาธิปไตย ควรจะให้เป็นไปตามระบบครรลองคลองธรรมของประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งไม่เห็นด้วยที่นายกฯ จะต้องหลุดเพราะกระบวนการที่เกิดขึ้น

ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลยังกล่าวถึงกระแสความคิดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จนมีเพลงในโซเชียลมีเดียว่า ยังไม่ทราบ ไม่ได้ตามในโซเชียลฯ ก็เลยไม่เห็น เรื่องนี้เป็นหน้าที่นักการเมืองปัจจุบันรวมถึงตนเองด้วย ที่ต้องสร้างศรัทธา หาทางออกให้กับประชาชนในการแก้ปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เพลงคิดถึงลุงตู่ดังมากในติ๊กต๊อก มียอดการเข้าชมเป็นล้าน นายพิธาถามกลับว่า "จริงหรือเปล่าครับ  ผมไม่ได้มีเวลาเล่นโซเชียลฯ ขนาดนั้น เดี๋ยวต้องกลับไปดู"

ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวด้วยว่า ต้องการผลักดันการแก้ปัญหาการเช่าที่ดินกับรัฐ มองว่าควรจะได้เช่าระยะยาว เพราะขนาดคนต่างชาติยังได้เช่า 99 ปี และ กทม.นั้นทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ ระหว่างท้องถิ่น สามารถทำงานร่วมกับ สส.ในการผลักกันปัญหาในระดับชาติได้

"ผมเสียดายที่ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาล  ไม่ได้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  ไม่มีรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจบริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่เช่นนั้นก็พอจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้” เขาระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง