ทนายแดงไขก๊อกหักป้อม พรรครัฐบาลยื่น2กม.ลูก

“จุรินทร์” ยัน 2 ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมพร้อมมากสมัคร 23 ธ.ค.นี้ ปัดตอบสัญญาใจลูกหมีย้ายซบพลังประชารัฐ "บิ๊กป้อม” แจงให้ “สุชาติ” คุมสงขลาแทน “ธรรมนัส” แค่เปลี่ยนคน ยังมั่นใจชนะได้ “ทนายแดง” ผิดหวังร่อนใบลาออกสมาชิกผ่านเฟซบุ๊ก โวยปิดทางเลือกคนชุมพรอยู่ร่วมต่อไม่ได้แล้ว นายทะเบียน พปชร.ระงับไขก๊อก อ้างอาจทบทวนส่งเลือกตั้งอีกรอบ พรรคร่วมรัฐบาลได้ฤกษ์ยื่น 2 ร่าง กม.ลูก รับยังมีปมเห็นต่าง เชื่อเคลียร์ได้

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 6 แต่ไม่ได้ส่ง จ.ชุมพร เขต 1 ว่า ไม่ขอพูดถึงพรรคอื่น สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ในเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.สงขลา และในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชุมพร ทั้ง 2 คนนี้มีความพร้อม และจะไปสมัครในวันที่ 23 ธ.ค.นี้

เมื่อถามว่าจะไม่มีการพูดคุยกันถึงมารยาททางการเมืองกันแล้วใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คงไม่คุยกันแล้ว เราทำหน้าที่ของเราในการเสนอตัวให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้ง 2 เขตนี้ได้พิจารณา

ส่วนที่พรรคกล้าส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งซ่อม จะมาแบ่งคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ เพราะทั้ง 2 พรรคนี้มีฐานเสียงเดียวกันนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ขอพูดถึงพรรคอื่น เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูแลภาคใต้คนใหม่ มีความมั่นใจว่าพรรคจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้ง 2 เขต

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ส่งลงสมัครในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ชุมพร เพราะต้องการหลีกทางให้นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีสัญญาใจว่าจะย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ จะต้องสอบถามข้อเท็จจริงจากนายชุมพลหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะเรามั่นใจในคนของเรา ส่วนเรื่องสัญญาใจนั้น ไม่ทราบ

เมื่อถามย้ำว่า เกรงว่าฐานพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.ชุมพรจะถูกดูดหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า มั่นใจในคนของเรา และไม่มีข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่านายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตส.ส.อุบลราชธานี จะย้ายไปพรรคใหม่ พร้อมจะนำทีมงาน และนายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหลานของนายวิฑูรย์ไปด้วยว่า สำหรับนายวุฒิพงษ์ยังยืนยันเหนียวแน่น และจะทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมสงขลา เขต 6 แต่ไม่ส่งผู้สมัครชุมพรเขต 1 ว่า โฆษกพรรคได้ชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว ส่วนจะส่งผลกระทบกับพรรคหรือไม่นั้น ไม่เป็นไร และการให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กรรมการบริหารพรรคที่ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออก ไปเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้นั้น ไม่มีปัญหาอะไร

ป้อมมั่นใจคว้าชัยสงขลา

เมื่อถามว่า เหตุใดไม่ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ซึ่งเดิมรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ดูแลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอกเปลี่ยนคนบ้าง เมื่อถามย้ำว่านายสุชาติ จะทำให้ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ได้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายสุชาติไม่คุ้นชินพื้นที่ภาคใต้ การไปเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ว่า สื่อรู้ได้อย่างไรว่าไม่คุ้นชิน เขาลงพื้นที่หาดใหญ่บ่อยจะตาย ความคุ้นชินไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่การทำงานของผู้อำนวยการเลือกตั้ง ผู้สมัคร และกระแสความนิยม มีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่ผู้อำนวยการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว

เมื่อถามว่าเป็นห่วงจะเสียสถิติชนะเลือกตั้งซ่อมทุกครั้งหรือไม่ นายชัยวุฒิ ตอบว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ได้ ยังไม่ได้เลือกตั้ง ส่วนที่ให้นายสุชาติไปคุมการเลือกตั้ง แทน ร.อ.ธรรมนัส ต้องไปถามหัวหน้าพรรค เพราะเป็นความคิดของหัวหน้าและที่ประชุมพรรค

เมื่อถามย้ำว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การให้นายสุชาติไปคุมเลือกตั้งเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะไม่เชี่ยวชาญพื้นที่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ไม่เกี่ยว การเลือกตั้งซ่อมแพ้หรือชนะไม่ได้มีผลอะไรทางการเมือง การเลือกตั้งมีโอกาสแพ้ชนะได้หมด และขอย้ำว่าผลการเลือกตั้งไม่ได้ขึ้นกับหัวหน้าทีม เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ได้มองที่ตัวคนดำเนินการเพียงอย่างเดียว ใครดำเนินการก็ไม่ต่างกัน เพราะพรรคเราช่วยกันทำงานอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าส่งไปคนเดียว เพราะต้องไปกันทั้งหมดไปช่วยกันในนามพรรค อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และเท่าที่ดูตัวผู้สมัครที่คัดเลือกมาก็ดูดี ดูโปรไฟล์มีคุณภาพ เป็นความหวังของคนสงขลาที่จะทำงานการเมืองให้ต่อไปในอนาคต ถ้าได้เป็น ส.ส. เชื่อว่าจะทำงานให้คนสงขลาได้ดี
 
ส่วนที่พรรคไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งชุมพร เพราะมีสัญญาใจกับนายชุมพล ที่จะย้ายมาพรรคพลังประชารัฐนั้น ไม่ทราบ ต้องไปถามคนที่มีสัญญาใจ เพราะตนไม่ได้มีด้วย

ผู้สื่อข่าวจังหวัดชุมพรรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายชลิต อาจหาญ หรือทนายแดง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 62 ซึ่งได้คะแนนเป็นอันดับสองกว่า 3 หมื่นคะแนน และได้แสดงความจำนงจะลงเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ ได้โพสต์ภาพเปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ตำบลครน อำเภอสวี และมีการติดป้ายรูปตนเองเป็นสมัครสมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 และเว้นช่องใส่หมายเลขผู้สมัครไว้ แต่ภายหลังพรรคพลังประชารัฐมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้

ล่าสุดเวลา 12.15 น. นายชลิตได้โพสต์หนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ลงวันที่ 22 ธ.ค.64 ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ข้าพเจ้านายชวลิต อาจหาญ สมาชิกเลขที่ 00000464 ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พร้อมกันนี้ นายชลิตได้โพสต์ข้อความด้วยว่า “วาระสุดท้ายกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่อาจยอมรับได้กับการไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมชุมพร เขต 1 โดยไม่ปรากฏเหตุผลอันสมควร ทั้งๆ ที่พรรคมีมติไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ซึ่งการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มี.ค.62 แทบจะหาตัวผู้สมัครไม่ได้ ตนอาสาลงสมัคร และพรรคได้ส่งมาแล้ว ได้ลำดับที่ 2 ด้วยคะแนน 32,219 คะแนน นอกจากนี้ พรรคได้ส่งทุกๆ การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ตนทำเต็มที่กับการเลือกตั้งทั่วไปและทำต่อเนื่องจนถึงวันนี้ในนามพรรค โดยใช้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวทุกบาททุกสตางค์ เป็นผู้สมัครคนเดียวและคนสุดท้ายในจังหวัดชุมพรที่ทำงานให้พรรคในขณะนี้

อยู่ร่วม พปชร.ไม่ได้แล้ว
 
"การไม่ส่งเท่ากับปิดทางเลือกและโอกาสที่ดีที่สุดของพี่น้องประชาชนชาวชุมพรในการสร้างสังคมที่ดีกว่าเดิมเพื่อลูกหลานในอนาคต ในทางกลับกัน ผมมองว่าพรรคกลับส่งเสริมสังคมแบบเดิมๆ ที่ชาวชุมพรไม่ต้องการ ในสายตาของผม เมื่อพรรคเป็นเช่นนี้ จึงเป็นที่พึ่งของชาวชุมพรไม่ได้อีกต่อไป พรรคไม่เหมือนที่ผมคิดและหวังตั้งแต่แรก ผมจึงไม่อาจอยู่ร่วมกันกับพรรคการเมืองนี้ได้อีกต่อไป จึงขอลาออกนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอขอบคุณผู้ใหญ่ในพรรคที่สนับสนุน ขอกราบขอโทษพี่น้องชาวชุมพร ผมได้ทำเต็มที่และดีที่สุดแล้ว ความตั้งใจของพี่น้องชาวชุมพรจะต้องไม่เสียเปล่า ผมขอสัญญา” นายชลิตระบุ

ต่อมา นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตอนนี้พรรคระงับใบลาออกไว้อยู่ เขาน้อยใจ ซึ่งพรรคมีเหตุผล ทางทนายแดงก็มีเหตุผล และตอนนี้พรรคกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะทบทวนเรื่องการเลือกตั้งซ่อมของชุมพรหรือไม่ เพราะการรับสมัครเลือกตั้งซ่อมเริ่มวันที่ 23 จนถึงวันที่ 27 ธ.ค. ยังมีเวลาที่จะทบทวนอยู่ ต้องรอคุยกันภายใน

วันเดียวกัน นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมยื่นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในวันที่ 23 ธันวาคม เวลา 11.00 น. โดยเนื้อหาถือว่าเรียบร้อยได้ข้อยุติในภาพรวม แม้มีบางประเด็นที่ยังเห็นไม่ตรงกันในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล แต่จะใช้กลไกของกรรมาธิการฯ เพื่อแปรญัตติแก้ไข อย่างไรก็ดี จากการหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ทราบถึงแนวทางพิจารณา และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติในประเด็นที่ ส.ส.เห็นต่างจากร่างพ.ร.ป.ที่เสนอโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

สำหรับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ กกต.ยกร่างและทำความเห็นนั้น ยอมรับว่าแก้ไขเพียงรายละเอียดตัวเลขของ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แต่ไม่พบการแก้ไขปัญหาของนายทะเบียนพรรคการเมืองและพรรคการเมือง ดังนั้นหากให้ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองของรัฐบาล ที่เสนอรัฐสภา โดยการยกร่างของ กกต. เป็นร่างหลักในการพิจารณา เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาในกระบวนพิจารณา และ ส.ส.สามารถเสนอแก้ไขได้ โดยเฉพาะประเด็นการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัคร ส.ส. (ไพรมารีโหวต) ที่เสนอให้แก้ไขให้ใช้ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดเป็นผู้แสดงความเห็นต่อรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ที่พรรคการเมืองจะส่งลงเลือกตั้ง โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งต่างจากกฎหมายฉบับเดิม ทั้งนี้การแก้ไขประเด็นดังกล่าาวพรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสอดคล้องกับ มาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญ วรรคสอง ที่กำหนดให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองในการกำหนดนโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง

นายนิกรกล่าวด้วยว่า ประเด็นที่ยังเห็นต่างคือ หมายเลขผู้สมัคร ส.ส. ที่ กกต. และพรรคเพื่อไทยเสนอให้ใช้หมายเลขเดียวกัน ทั้งการสมัครแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ แต่ของพรรคร่วมเสนอให้แยกคนละเบอร์ โดยเหตุผลสำคัญที่พรรคร่วมเสนอดังกล่าว เพื่อไม่ให้ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 สำหรับปฏิทินทำงานต่อการแก้ร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ คาดว่าภายในกลางเดือน ม.ค.65 รัฐสภาจะพิจารณาในวาระรับหลักการ และตั้งกรรมาธิการพิจารณา โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้พิจารณาให้เสร็จภายใน 180 วันนับจากวันที่รับหลักการ ดังนั้นเชื่อว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.65.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง