ม็อบบี้ทักษิณมาตามนัด นอน30วันข้างทำเนียบฯ

คปท.มาตามนัด ชุมนุมข้างทำเนียบฯ ทวงคืนระบบยุติธรรม ขอ สน.นางเลิ้งปักหลัก 30 คืนจนกว่า “ทักษิณ”  กลับเข้าคุก “พิชิต” ไล่บี้ “เศรษฐา” อย่าลอยตัว เตรียมทวงผู้ตรวจการแผ่นดินหลังลุยชั้น 14 มาแล้ว “ชัยชนะ” ลั่นวันนี้ต้องเดินหน้านิรโทษฯ แต่ย้ำไม่เอาเรื่องโกง-มาตรา 112

เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ก.พ.2567 เวลา 10.00 น. บริเวณด้านหน้าศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ข้างทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ได้นัดรวมตัวมวลชนทำกิจกรรมใส่รองเท้าผ้าใบไปสะพานชมัยมรุเชฐ # save กระบวนการยุติธรรม ปักหลักชุมนุมค้างคืนข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยนายพิชิต ไชยมงคล  แกนนำ คปท. นำมวลชนสักการะศาลกรมหลวงชุมพรฯ ก่อนเริ่มกิจกรรมเปิดเวที ในขณะที่มวลชนได้จัดเตรียมอุปกรณ์สัมภาระต่างๆ เพื่อเตรียมตั้งเวทีบริเวณฟุตปาธหน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ หันหลังให้ถนนพระราม 5 ยาวต่อเนื่องไปทางแยกนางเลิ้ง โดยกลุ่มได้ขออนุญาตจาก สน.นางเลิ้งปักหลักค้างคืนไว้เป็นเวลา 30 วัน

นายพิชิตกล่าวว่า คปท.ยืนยันติดตามตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในเรือนจำ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะชุมนุมในวันที่ 2 ก.พ. เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการนำนายทักษิณกลับสู่เรือนจำ รวมถึงตรวจสอบดำเนินการกับข้าราชการที่เข้าข่ายร่วมกันกระทำผิดนำนายทักษิณออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ โดยยืนยันว่าจะปักหลักชุมนุมยาวไม่มีกำหนด เพื่อให้ทราบถึงความชัดเจน โดยระหว่างการชุมนุมจะไปติดตามตรวจสอบกับเรื่องที่เคยไปยื่นไว้ยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงสัปดาห์หน้า จะไปติดตามสอบถาม เนื่องจากกรมราชทัณฑ์เคยออกแถลงการณ์ว่า มีตัวแทนจากผู้ตรวจการแผ่นดินไปตรวจสอบนายทักษิณยังชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

เมื่อถามว่า มีหน่วยงานใดได้ตอบรับกลับมาแล้วหรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า ยังไม่มี แม้มีการทำหนังสือถามไปยังกรมราชทัณฑ์หลายรอบ ก็มีเพียงคำชี้แจงว่าเป็นไปตามระเบียบ ซึ่ง คปท.มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดระเบียบตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2566 ดังนั้นการอ้างระเบียบช่วงหลัง เป็นเพียงข้ออ้าง เพราะไม่มีแพทย์ตรวจอาการนายทักษิณตั้งแต่ต้น

ถามต่อว่า จะมีมวลชนเข้ามาร่วมชุมนุมครั้งนี้มากน้อยเพียงใด นายพิชิตกล่าวว่า มีการตอบรับจากประชาชนเป็นส่วนมาก และคาดว่าจะมากกว่าครั้งที่ผ่านมา ที่มีการทดลองการชุมนุม เนื่องจากช่วงที่พักการชุมนุม คปท.เดินสายไปยังหลายจังหวัด ก็ได้รับเสียงตอบรับว่าจะเดินทางเข้ามาร่วมในเย็นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่ารายชื่อ 20,000 รายชื่อ  ส่วนจะมีการยกระดับการชุมนุมหรือไม่  หากไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ ต้องหารือกันต่อ แต่ที่แน่ๆ จะปักหลักยาวไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีความชัดเจน หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยไม่ตอบรับ ก็ต้องวัดกันไปอีกข้าง เนื่องจากประชาชนพร้อมชุมนุมอยู่ที่นี่

ต่อมาในเวลา 16.45 น. นายพิชิตให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขอเรียกร้องให้นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้นำรัฐบาล รีบดำเนินการรักษาไว้ซึ่งระบบนิติรัฐ​ นิติธรรม เนื่องจากก่อนหน้านี้มีประกาศนโยบายว่าจะยึดการบริหารประเทศผ่านระบบนิติรัฐ​อย่างมั่นคง​ แต่กลับปล่อยให้นายทักษิณ​รักษาตัวนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายบริหารจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ขออย่าลอยตัวเหนือปัญหา รวมไปถึงเรียกร้องไปยังกรมราชทัณฑ์รีบรับตัวนายทักษิณ​กลับสู่เรือนจำ

“ขอเรียกร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง​ ไม่ควรเงียบ​ และสังคมต้องการคำตอบว่า การเฝ้าระวังอาการพิเศษของนายทักษิณ อยู่ที่ความเหมาะสมที่จะนอนนอก รพ.ราชทัณฑ์หรือไม่ โดยคณะจะเดินทางไปสอบถามความคืบหน้ากับสำนักงานผู้ตรวจการฯ ในช่วงสัปดาห์หน้า และเรียกร้องคณบดีคณะนิติศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย​ นักวิชาการ ทนาย​ อัยการ​ ผู้พิพากษา​ และบุคลากรด้านกฎหมาย ร่วมกันแสดงจุดยืนเพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งระบบนิติรัฐนิติธรรม พิทักษ์ไว้ซึ่งกฎหมายของประเทศไทย กรณีของนายทักษิณเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง”นายพิชิตกล่าว และว่า ขอเรียกร้องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนข้อเท็จจริง​ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่​ เนื่องจากจะเป็นตัวอย่างและบรรทัดฐานให้กับข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ มิใช่เอียงเอนไปกับฝ่ายการเมืองใด

ขณะที่ นายนัสเซอร์ ยีหมะ กล่าวว่า  การชุมนุมครั้งนี้เราได้แจ้งกับ สน.นางเลิ้ง ว่าจะชุมนุมจนกว่าจะมีความชัดเจนกรณีนายทักษิณ และขอฝากเตือนตำรวจที่ให้ข้อมูลประชาชนว่า อย่ามาชุมนุมกับ คปท.เพราะผิดกฎหมายนั้น ขอยืนยันว่า เราดำเนินการถูกกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ

วันเดียวกัน นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในฐานะที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการวิสามัญพิจารณานิรโทษกรรมศึกษาพิจารณาแนวทางนิรโทษกรรม ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า 1.จุดยืนพรรค ปชป.และตน เห็นว่าในการนิรโทษกรรม  เราจะไม่นิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่กระทำความผิดในการที่จะแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 หรือหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.บุคคลที่กระทำความผิดในการทุจริต หรือรวมไปถึงทุจริตการเลือกตั้ง และ 3.บุคคลที่กระทำความผิดอาญาอย่างร้ายแรง

นายชัยชนะกล่าวอีกว่า ประเทศไทยวันนี้ต้องมีการนิรโทษกรรม วันออก แต่การกระทำความผิด 3 ข้อนั้นไม่ควรมีการนิรโทษกรรมให้ แต่ในส่วนของการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชน นักศึกษา คนหนุ่มสาวที่ร่วมต่อสู้ตามอุดมการณ์ตามวิถีประชาธิปไตย  ตนและพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยที่จะต้องมีการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มคนเหล่านี้

“ประเทศไทยวันนี้เรามาถึงทางออกทางหนึ่งที่ควรหันหน้าจับมือและเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรพึงระวังว่าสิ่งไหนที่ควรนิรโทษกรรม สิ่งไหนไม่ควรนิรโทษกรรม เราต้องพิจารณาร่วมกัน จุดยืนทั้งหมดและความเห็นทั้งหมดเหล่านี้ ผมจะนำไปเสนอต่อที่ประชุม กมธ.วิสามัญฯ” นายชัยชนะระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' รับ 'ทักษิณ' คุยชนกลุ่มน้อย เพราะอยากช่วยประเทศไทย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ ได้