โดนใบแดง-ใบดำ พปชร.นครสวรรค์ แจก1หมื่นซื้อเสียง

"เด็กลุงป้อม" โดนแล้ว กกต.แจกใบแดง-ใบดำ "พรวิศิษฐ์" ผู้สมัครสส.นครสวรรค์ พปชร. ปมแจกเงิน-แจกเสื้อซื้อเสียง ซ้ำแลกไม่ร้องทุจริต ชงศาลฎีกาฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิ์พร้อมผู้ช่วยหาเสียง เลขาฯ พปชร.โบ้ยเป็นความผิดส่วนบุคคล ต้องไปแก้ต่างด้วยตัวเอง

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายพรวิศิษฐ์ แจ่มใส ผู้สมัคร สส.นครสวรรค์ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.ณฐณณฑ์ เบญจภิญโญ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 73  (1) ประกอบมาตรา 138 โดยให้ดำเนินคดีอาญาบุคคลทั้งสอง ตามมาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 158 ของกฎหมายเดียวกัน รวมทั้งให้กันผู้แจ้งเหตุ สามีของผู้แจ้งเหตุ พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ถึงคนที่ 4 คนที่ 6 และคนที่ 8 ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี

จากกรณีไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วฟังได้ว่า น.ส.ณฐณณฑ์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของนายพรวิศิษฐ์ ได้มอบเงินจำนวน 10,000 บาทให้แก่ผู้แจ้งเหตุในวันที่ 4 พ.ค.66 เวลา 11.30 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ สาขาตาคลี ตามที่ผู้แจ้งเหตุเดินทางไปทวงเงินค่าจ้างในการไปเข้าร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของนายพรวิศิษฐ์ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.66 โดย น.ส.ณฐณณฑ์บอกให้ผู้แจ้งเหตุนำเงินนี้ไปมอบให้กับบุคคลในครอบครัวของผู้แจ้งเหตุ ได้แก่ ผู้แจ้งเหตุ ตาและยายของสามี ผู้แจ้งเหตุ และสามีของผู้แจ้งเหตุ คนละ 500 บาท พร้อมทั้งขอให้ลงคะแนนให้แก่นายพรวิศิษฐ์ และที่เหลืออีก 4,000 บาท เป็นค่าจ้างเพื่อไม่ให้ผู้แจ้งเหตุไปร้องเรียนต่อสำนักงาน กกต. ตามที่ผู้แจ้งเหตุพูดตอนมาทวงเงินก่อนว่า “จะไปดำเนินการร้องเรียนต่อ กกต.”  ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้แจ้งเหตุได้รับเสื้อสีขาว ที่พิมพ์ชื่อของพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 2 ตัว

ต่อมา ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 20.00 น. ผู้แจ้งเหตุและสามีของผู้แจ้งเหตุได้เดินทางไปรวบรวมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งในชุมชนตาคลี และนอกชุมชนตาคลีได้จำนวน 31บัตร โดยนำไปส่งมอบให้ น.ส.ณฐณณฑ์  ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ สาขาตาคลี ซึ่งมีการคัดถ่ายเป็นสำเนาเอกสารก่อนนำบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวมาคืนให้แก่ผู้แจ้งเหตุ โดย น.ส.ณฐณณฑ์ให้ผู้แจ้งเหตุเขียนชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของบัตรประจำตัวประชาชน ลงในกระดาษเรียงตามลำดับรายชื่อเพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับเตรียมแจกเงินคนละ 500 บาท

ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวของผู้แจ้งเหตุ สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ปรากฏในบทสนทนาผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ระหว่าง น.ส.ณฐณณฑ์กับผู้แจ้งเหตุ ที่มีการชักชวนกัน ไปเดินหาเสียงเลือกตั้งให้นายพรวิศิษฐ์ แสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่ น.ส.ณฐณณฑ์ยินยอมให้ผู้แจ้งเหตุเข้ามาช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้แก่นายพรวิศิษฐ์ 

อีกทั้งเมื่อผู้แจ้งเหตุส่งข้อความว่า “เจ๊หงส์คะ ได้บัตรมาหมดแล้วค่ะ 34 คน” “ชัวร์ทุกคน” “เย็นนี้จะส่ง LINE ส่งงานให้ค่ะ” “เจ๊หงส์จะให้เขียนรายชื่อ หรือเอาบัตรประชาชนไปปรินต์ออฟฟิศคะ” “พอดีว่าได้บัตรประชาชนมาหมดแล้ว” และได้ส่งภาพถ่ายรายชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งดังกล่าวที่ผู้แจ้งเหตุรวบรวมมา ให้แก่ น.ส.ณฐณณฑ์ ซึ่ง น.ส.ณฐณณฑ์ก็ส่งข้อความสนทนากับผู้แจ้งเหตุต่อไปโดยมิได้ปฏิเสธการกระทำดังกล่าวของผู้แจ้งเหตุ ประกอบกับจากการตรวจสอบคลิปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างผู้แจ้งเหตุกับ น.ส.ณฐณณฑ์ ยังปรากฏข้อความตอนหนึ่งว่า “..แล้วคิวของทุกคนมันรออยู่ คืออยากให้แจ้งชาวบ้านว่า เดี๋ยวพี่หงส์รีบจัดการให้ หรือว่าแจ้งชาวบ้านว่าเดี๋ยวจะจัดการให้ อย่าเพิ่งกรูเข้ามา” สอดคล้องกับถ้อยคำของผู้แจ้งเหตุที่ว่า ได้ไปที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ สาขาตาคลี เพื่อทวงถามเรื่องเงินที่จะนำไปจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่รวบรวมรายชื่อและบัตรประจำตัวประชาชนส่งให้แก่ น.ส.ณฐณณฑ์

และสอดคล้องกับถ้อยคำของพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1-8 ซึ่งเป็นเจ้าของบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้แจ้งเหตุกล่าวอ้าง ซึ่งให้ถ้อยคำว่าได้มีผู้แจ้งเหตุและบุคคลอื่นขอเก็บบัตรประจำตัวประชาชนของพวกตน โดยพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2-4 คนที่ 5 และคนที่ 8 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่าบุคคลที่ขอเก็บบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวได้สัญญาว่าจะให้เงินเพื่อลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครหมายเลข 9 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัวผู้สมัครของนายพรวิศิษฐ์ พยานหลักฐานจึงน่าเชื่อว่า น.ส.ณฐณณฑ์ กระทำการ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายพรวิศิษฐ์ตามที่มีการกล่าวหา

นอกจากนี้ ที่ น.ส.ณฐณณฑ์มอบเสื้อที่ตนได้รับจัดสรรให้แก่ผู้แจ้งเหตุจำนวน 4 ตัว ได้แก่ เสื้อยืดสีน้ำเงินที่มีตราสัญลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐ และด้านหลังเสื้อมีข้อความว่า พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 1 ตัว และเสื้อสีขาว ที่มีตราสัญลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐ และด้านหลังเสื้อมีข้อความว่า “รับใช้ใกล้ชิดต้องพรวิศิษฐ์ แจ่มใส” จำนวน 3 ตัว โดยไม่พบว่าผู้แจ้งเหตุพยานคนที่ 1 และคนที่ 2 ของผู้แจ้งเหตุ เป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ

การให้เสื้อดังกล่าวแก่ผู้แจ้งเหตุจึงมีลักษณะเป็นการให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่นายพรวิศิษฐ์ และเมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ที่นายพรวิศิษฐ์ได้แจ้งชื่อ น.ส.ณฐณณฑ์ เป็นผู้ช่วยหาเสียงทำหน้าที่ประสานงานและหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่เทศบาลเมืองตาคลี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ สาขาตาคลี ภาพถ่าย น.ส.ณฐณณฑ์ไปร่วมหาเสียงเลือกตั้งกับนายพรวิศิษฐ์ แสดงให้เห็นว่า น.ส.ณฐณณฑ์มีบทบาทสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งของนายพรวิศิษฐ์

จึงน่าเชื่อว่านายพรวิศิษฐ์รู้เห็นเป็นใจให้ น.ส.ณฐณณฑ์กระทำการดังกล่าว  กรณีจึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่านายพรวิศิษฐ์ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ น.ส.ณฐณณฑ์ให้เงิน เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน รวมทั้งให้เสื้อดังกล่าวซึ่งเป็นทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 และเป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครสวรรค์ เขตเลือกตั้งที่ 5 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายพรวิศิษฐ์ มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนเพิ่งได้รับข้อมูลจากสื่อมวลชน ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรตนไม่สามารถจะเอ่ยได้ แต่ไม่ใช่นโยบายของพปชร. เป็นความผิดส่วนบุคคล เมื่อเป็นความผิดส่วนบุคคล อดีตผู้สมัครก็ต้องไปแก้ต่างด้วยตัวเอง นโยบาย พปชร.เราไม่มีนโยบายที่จะไปให้การสนับสนุนผู้สมัครกระทำการละเมิดกฎหมาย กกต.อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า พปชร.จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบควบคู่ไปกับ กกต.หรือไม่ เนื่องจากอดีตผู้สมัครดังกล่าวยังเป็นสมาชิกของพรรคอยู่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ตนจะนำไปหารือกับคณะกรรมการบริหารพรรค ว่าจะมีมาตรการ และการแก้ไขปัญหาอย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง