นายร้อยจปร.ขยับ! ถวายกำลังใจทูลกระหม่อมอาจารย์/เศรษฐาผวามือที่สาม

"นายร้อย จปร." ขยับ จัดกิจกรรมถวายกำลังใจทูลกระหม่อมอาจารย์-กรมสมเด็จพระเทพฯ แฉ! กลุ่มของ "ตะวัน" ใช้ดิ้วเหล็กเป็นอาวุธฟาดปากประธาน ศปปส.แตกเย็บ 4 เข็ม  บาดเจ็บระนาว ประณามพฤติกรรมถ่อยสถุล "ดร.ไชยันต์" เตือนม็อบอย่ายั่วยุซ้ำรอย 6 ตุลา 19 นายกฯ หารือ ผบ.ตร.กำชับ รปภ.บุคคลสำคัญ หวั่นถูกโยงเป็นเครื่องมือการเมือง-มือที่สามป่วน  ตร.จ่อถอนประกันตะวันผิดเงื่อนไขศาล   "รทสช." ยื่นญัตติด่วนต่อสภาเร่งหาแนวทางการป้องกัน จวก "พิธา" อย่าปลุกระดม "ก.ก." แผ่นเสียงตกร่องอ้างไม่มีพื้นที่ให้คนเห็นต่าง โทษกลุ่ม ศปปส.ป่าเถื่อน เชื่อนิรโทษกรรมจะระบายความขัดแย้ง จัดพื้นที่พูดคุยที่รัฐสภา 14 ก.พ.นี้

เมื่อวันอาทิตย์ "ทีมโฆษกกองทัพบก" แจ้งกำหนดการทำข่าวสื่อมวลชนในกรุ๊ปไลน์ว่า “โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ขอเรียนเชิญสื่อมวลชนร่วมทำข่าว กิจกรรม “ถวายกำลังใจ ทูลกระหม่อมอาจารย์” พลเอกหญิง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดยมีกำลังพลของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนปิยชาติพัฒนา ร่วมทำกิจกรรม ในวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.30 น. ณ หอประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อ.เมืองฯ จ.นครนายก”
 แหล่งข่าวโรงเรียน จปร.ระบุว่า    สำหรับการจัดกิจกรรมของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในครั้งนี้ เพื่อเป็นการถวายกำลังใจต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ทูลกระหม่อมอาจารย์ พลเอกหญิง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายในห้องประชุม โดยจะมีข้าราชการ นักเรียน จปร. 1,600 นาย รวมถึงมวลชนในพื้นที่
 พร้อมทั้งยอมรับว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว มีสาเหตุมาจากกรณีขบวนของทูลกระหม่อมอาจารย์ พลเอกหญิง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถูกนักกิจกรรมบีบแตรและพยายามขับรถแทรกขบวนในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในช่วงที่ผ่านมา

จากกรณีที่เกิดเหตุวุ่นวายบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม บริเวณทางออกไปยังศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาคดี 112 พร้อมพวก จัดกิจกรรมทำโพล "คุณคิดว่าขบวนเสด็จสร้างความเดือดร้อนหรือไม่" ขณะชี้แจงสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีบีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ  สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก่อนที่จะไปทำกิจกรรมที่ลานน้ำพุ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ปรากฏว่า ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว เข้ามาปะทะ เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย รวมทั้งตำรวจที่ไประงับเหตุ ภายหลัง น.ส.ตะวันเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.ปทุมวัน ให้ดำเนินคดีกลุ่ม ศปปส. แต่เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น

แอปพลิเคชัน X  "เจ๊จุกคลองสาม" โพสต์ภาพกลุ่มของ น.ส.ตะวันที่ใช้อาวุธดิ้วเหล็กทำร้ายร่างกายกลุ่ม ศปปส. พร้อมข้อความว่า "ไอ้ตัวที่ใช้ดิ้วเหล็กตี ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แบงค์ ณัฐพล เหล็กแย้ม เพิ่งออกคุกคดีเผารถยนต์ตำรวจใต้ทางด่วนดินแดงมาได้ไม่นานนี่เอง และเพิ่งโดนหมายคดี 112 ไปหมาดๆ อีกคดี แต่ศาลให้ประกันตัวเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง

ด้านเฟซบุ๊ก "วสัน ทองมณโฑ" ของนายวสัน ทองมณโฑ แกนนำกลุ่มนักรบเลือดสีน้ำเงิน และแนวร่วมกลุ่ม ศปปส.  ที่ได้รับบาดเจ็บถูกดิ้วเหล็กของฝ่าย น.ส.ตะวันแทงเข้าที่สันจมูก โพสต์ข้อความว่า "เพื่อปกป้องสิ่งที่เรารักและบูชา โดนแค่นี้ไม่เป็นอะไร" ต่อมาได้โพสต์ภาพคู่กับนายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่ม ศปปส. พร้อมข้อความว่า  "พี่ชายกูยิ้มได้ก็สบายใจ" ทั้งนี้ นายนพดล พรหมภาสิต อดีตแกนนำกลุ่ม ศชอ. กล่าวฝากถึงนายวสันว่า ค่ารักษาพยาบาลให้ไปเอากับตน และ น.ส.วริษนันท์ ศรีบวรธนกิตติ์ หรือแอดมินเจน ชี้ว่ากลุ่มทะลุวังมีการใช้อาวุธ

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เหตุชุลมุนที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทำให้นายอานนท์ได้รับบาดเจ็บปากแตก เย็บไป 4 เข็ม นายวสันโดนดิ้วฟาด มีรอยแผลแตกบริเวณด้านจมูก เจ็บแขนบริเวณที่โดนฟาด บริเวณศีรษะและหน้าผากบวม มีอาการมึนงงและปวดศีรษะ มีอาเจียนบ้าง และสมาชิกอีกหนึ่งคนมีบาดแผลบริเวณใบหน้า ส่วนที่เหลือบาดเจ็บเล็กน้อย หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน ปรากฏว่าตำรวจได้ให้ไปแจ้งความที่ สน.บางรัก ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันแทนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ เนื่องจากกลุ่มทะลุวังเข้าไปแจ้งความอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ไปลงบันทึกประจำวันให้ และให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

นายกฯกำชับผบ.ตร.หวั่นมือที่สาม

กลุ่ม ศปปส.ออกแถลงการณ์ ประณามการจัดการชุมนุมของทานตะวันและกลุ่มทะลุวัง เนื่องจากเป็นการจัดการชุมนุมที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นการจัดการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยทานตะวันและพวกไม่ได้จัดการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ดังจะเห็นได้จากคลิปเหตุการณ์จากสื่อต่างๆ ว่าการ์ดของทานตะวันใช้กระบอกเหล็กหรือคิ้วที่พกมาด้วยเป็นอาวุธทำร้ายร่างกาย ทุบตีไปที่ศีรษะ, ใบหน้าและท่อนแขนของสมาชิก ศปปส.หลายต่อหลายครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยังทำให้ประธาน ศปปส.ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย จึงขอประณามว่าเป็นการกระทำที่ถ่อยสถุลที่สุด และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้มงวดและจัดการขั้นเด็ดขาดกับทานตะวันและกลุ่มทะลุวัง

ด้าน ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความหลายข้อความ เพื่อเตือนสติเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในการเคลื่อนไหวกับกลุ่มที่มีพฤติกรรมต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น ระวังการยั่วยุให้ใช้ความรุนแรงต่อพฤติกรรมบางอย่าง, ไม่พอใจได้ โกรธได้ แต่ต้องหนักแน่น ไม่ใช้กำลังความรุนแรง สนับสนุนกระบวนการยุติธรรม, ม็อบปี 63 ถึงวันนี้ยังใช้ยุทธวิธีเดิม คือยั่วยุเพื่อให้เกิด 6 ตุลาอีกครั้ง เมื่อไม่ได้ผลก็ยั่วแรงขึ้น พร้อมคอมเมนต์ว่า อย่าติดกับดักที่มันสมองเขาเคยใช้เมื่อ 6 ตุลา 2519 และสังหารโหด 6 ตุลา ไม่มีใครจำและหาตัวประชาชนที่ลงมือ เอาแต่กล่าวหาพระองค์ท่าน เป็นต้น

ช่วงค่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ได้โพสต์ X   Srettha thavisin ว่า ผมหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เรื่องที่ผมเป็นห่วงและขอกำชับคือเรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญ เพื่อไม่ให้ประเด็นนี้กลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้โจมตีทางการเมืองของทุกฝ่าย หรือมือที่สามมาฉวยสร้างสถานการณ์

"ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และของผมในฐานะนายกฯ  ขอย้ำครับว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐบาลมีหน้าที่ถวายการอารักขาและรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสถาบัน ผมเชื่อว่าเราคนไทยเห็นตรงกันในเรื่องนี้" นายเศรษฐา ระบุ

มีรายงานว่า ภายหลังที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เดินทางไปที่ บช.น.เพื่อหารือกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., รองผู้บัญชาการที่กำกับดูแลกิจการความมั่นคงและสืบสวนสอบสวน และผู้เกี่ยวข้อง ถึงแนวทางการดำเนินคดีกับ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และพวก ที่มีพฤติกรรมพยายามขับรถแซงขบวนเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในขณะที่ขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน พร้อมบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จฯ ผ่านทางร่วม พร้อมกำชับให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ว่ามีการตระเตรียมการมาก่อนหรือไม่ อีกทั้งกำชับทางพนักงานสอบสวน หากพบว่ามีการเข้าข่ายการกระทำความผิด ให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมพร้อมเร่งรัดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า

ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ในส่วนประเด็นที่มีการตั้งคำถามว่าการกระทำของ น.ส.ทานตะวัน เข้าข่ายความผิดเงื่อนไขของศาลจนต้องถอนประกันหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นพบว่า เข้าข่ายความผิด ซึ่งตามขั้นตอนหากตัวของตะวันมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ทางพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดี ก็จะสรุปความเห็นพร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน ทำรายงานเสนอเพื่อยื่นคำร้องขอถอนประกันต่อศาลอาญา จากนั้นศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าผิดเงื่อนไขจนเป็นเหตุให้ต้องถอนประกันหรือไม่

รทสช.ชงญัตติเข้าสภา

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากปีที่แล้วที่ตะวันและ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ได้ไปขอถอนประกันตัวเอง เเละถูกส่งตัวเข้าไปในเรือนจำ ซึ่งทั้งคู่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 ต่อมามีการอดอาหารและป่วยหนัก จนต้องเข้าไปรักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เป็นเหตุให้ศาลอาศัยอํานาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่า เห็นว่าจิตใจร่างกายของคนป่วยที่อยู่ในภาวะอันตราย ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ หากศาลหรือผู้ควบคุมหรือผู้รักษาพยาบาลเห็นว่าผู้ต้องขังทางอาญา จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตก็สามารถไปใช้สิทธิขอให้ศาลพิจารณาแล้วถอนหมายขังได้ ศาลก็อนุญาต การคุมตัวจึงไม่ได้อยู่อำนาจการดูแลของศาล ดังนั้นสถานะการเป็นนายประกันของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จึงหมดไป ส่วนที่มีข่าวว่าทางตำรวจจะไปขอถอนประกันตะวันจำไม่ได้ว่าคดีใดแน่ชัดแต่เกี่ยวกับคดี 112 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ตะวันได้รับการปล่อยชั่วคราวจากหลักทรัพย์ของกลุ่มราษฎรไม่มีนายประกัน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ X  ว่า เรื่องพฤติกรรมไปรบกวนขบวนเสด็จฯ ค่อนข้างชัดเจนว่า ฝ่ายต่างๆ ก็ออกมาประณาม แม้กระทั่งกลุ่มที่ไปยุยงกันเองแต่ต้นก็แห่กันตัดหางประณามพฤติกรรมดังกล่าว เพราะค่านิยมการให้ร้าย ข่มขู่ ท้าทาย ไม่ให้เกียรติพระบรมวงศานุวงศ์นั้น เป็นการกระทำที่ด้อยค่าสังคม ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสื่อมถอย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลความปลอดภัย ถวายการอารักขา ฝ่ายข่าว ส่วนล่วงหน้า ส่วนติดตาม ควรจะทบทวนแผนและแนวทางการปฏิบัติ (Protocol) ให้รัดกุม และเร่งรัดการนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว

"วันอังคารนี้ผมจะนำประเด็นเข้าที่ประชุมพรรค ขอมติให้ยื่นญัตติด่วนต่อสภา และให้ สส.รทสช.เสนอเรื่องต่อกรรมาธิการฯ ทุกคณะที่เกี่ยวข้องทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยฯ รวมถึงแนวทางการป้องกันปราบปรามพฤติกรรม ข่มขู่ ท้าทาย ให้ร้าย ในลักษณะเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" นายเอกณัฏระบุ

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า เข้าใจถึงความไม่พอใจของกลุ่มศปปส.ที่ไม่เห็นด้วยกับการขับรถบีบแตรรบกวนขบวนเสด็จฯ และกิจกรรมทำโพลในเรื่องดังกล่าว โดยเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงตนเองนั้นก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่การใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี จึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความขัดแย้ง ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คนส่วนกลุ่มทะลุวังออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าว ทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำ

เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้ตักเตือนกลุ่มทะลุวัง แต่ยังมองว่าควรเปิดพื้นที่ให้เยาวชนแสดงความเห็นและโยงไปถึงการเสนอนิรโทษกรรมคดีด้วย นายธนกรกล่าวว่า แม้ว่านายพิธาจะเคยเป็นนายประกันให้ น.ส.ทานตะวัน ในคดีทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 และปัจจุบันจะถอนจากการเป็นนายประกันก็ตาม ทั้งนายพิธาและนายชัยธวัชควรตักเตือนกลุ่มดังกล่าวให้หยุดก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจใหม่ ให้มีการแสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์และถูกต้องตามกฎหมายจะดีกว่า

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรค รทสช. กล่าวว่า ได้ฟังนายพิธาให้สัมภาษณ์แล้วรู้สึกไม่สบายใจที่พยายามใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่มาแบ่งแยกคนในสังคม  เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมาย และเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นสิ่งที่นายพิธาควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นอดีตนายประกันให้กับ น.ส.ทานตะวัน และเคยอภิปรายสนับสนุน น.ส.ทานตะวันในสภา ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้กับการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนไทยเป็นจำนวนมาก และขอให้เลิกใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่กับคนทุกรุ่นได้แล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมาย อย่าใช้วาทกรรมมาปลุกระดมคนรุ่นใหม่  เพราะคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วย และรังเกียจกับการกระทำของ น.ส.ทานตะวัน

ก.ก.ฉวยดันนิรโทษกรรม

น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ตอบโต้นายอัครเดชว่า   ถ้านายอัครเดชฟังสิ่งที่พิธาสื่อสารแล้วไม่สบายใจ นั่นอาจเป็นปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับตีความของนายอัครเดชเอง  เพราะสิ่งที่นายพิธาพูดคือการพยายามเชิญชวนให้สังคมมองกรณีคุณทานตะวันและเหตุการณ์ขบวนเสด็จฯ โดยไม่แยกขาดจากการเมืองภาพใหญ่คือความขัดแย้งทางการเมืองของสังคมไทย โดยเฉพาะที่ต่อเนื่องจากการชุมนุมที่นำโดยคนรุ่นใหม่เมื่อปี 2563 วันนี้ยังคงอยู่โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงก็คือสิ่งที่นายพิธาเรียกว่า “ความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ”

 “สิ่งที่น่าไม่สบายใจ ไม่ใช่คำพูดของนายพิธา แต่คือการที่สังคมไทยยังไม่มีพื้นที่ให้แต่ละฝ่ายที่เห็นต่างกันได้พูดคุยเพื่อหาทางออกจากความขัดแย้ง กลับใช้นิติสงครามกดปราบ ผลักไสอีกฝ่ายเป็นคนไม่รักชาติ หรือเลวร้ายกว่านั้นคือลุกลามเป็นการใช้กำลัง หวังให้อีกฝ่ายไม่เหลือที่ยืน" น.ส.ภคมนกล่าว

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เราต้องหันกลับมาทบทวนหลักการสำคัญของสังคมประชาธิปไตย นั่นคือธรรมชาติของทุกสังคมย่อมมีความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความเห็นที่แตกต่างกันเหล่านั้น ต้องไม่ถูกจัดการด้วยการใช้กำลัง การล่าแม่มด หรือการผลักไสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไปต้องใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย เพื่อลดช่องว่างทางความเข้าใจโดยไม่ใช้ความรุนแรง

ในกรณีกลุ่มทะลุวัง ผมเข้าใจดีถึงความคับข้องใจที่พวกเขาแสดงออก ไม่ว่าวิธีการที่แต่ละคนแต่ละฝ่ายเลือกใช้คืออะไร เส้นที่เรา “ต้อง” ไม่ข้ามไป คือการใช้ความรุนแรงตอบโต้ หรือเจตนาทำลายล้างคนที่คิดไม่เหมือนตนให้หมดไปจากสังคม การกระทำของกลุ่ม ศปปส. ที่สยามพารากอนในวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

สังคมไทยทุกฝ่ายต้องเรียนรู้จากความรุนแรงทางการเมืองในอดีต การปลุกระดมสร้างความเกลียดชังจนนำมาสู่การใช้ความรุนแรง ไม่อาจคลี่คลายความขัดแย้งได้อย่างยั่งยืน เชื่อว่าการนิรโทษกรรมจะเป็นการ “เจาะหนอง” ระบายความขัดแย้งทางการเมืองที่เรื้อรัง ให้ทุกฝ่ายเย็นลงมากพอที่จะมานั่งคุยกัน หาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมายาวนาน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ที่ลานประชาชนรัฐสภา เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน จะมีการจัดพื้นที่พูดคุยเพื่อนำไปสู่การลดความขัดแย้งของสังคม ผมจะเข้าร่วมกิจกรรมด้วย

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก้าวไกล แชร์โพสต์จาก X ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เกิดบรรยากาศความกลัวกลับมาอีกครั้ง และไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ผมทราบดีว่าหลายท่านก็ไม่ได้เห็นด้วยกับทะลุวัง แต่หากเรายังปล่อยให้การใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายเราก็จะจบลงด้วยการใช้รุนแรงที่มากขึ้น และการนองเลือดอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งควรใช้พื้นที่สภาในการแก้ปัญหา ไม่ใช่ความรุนแรง จึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการกระทำที่เกิดขึ้น และหวังว่าสภาของเราจะกล้าหาญมากพอที่จะคุยกันในเรื่องนี้เสียที

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความว่า  การใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่น โดยอ้างว่าทำเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำเพราะจงรักภักดี เป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมาก หากรัฐปล่อยให้กลุ่มคนกักขฬะป่าเถื่อนเหล่านี้ลอยนวล มีอำนาจบาตรใหญ่ สามารถอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปทำร้ายคนที่คิดต่างอย่างไรก็ได้ โดยที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ หรือสมยอมเอาผิดเพียงลหุโทษ ในระยะยาว มีแต่จะเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องบังคับใช้กฎหมายจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างจริงจัง ไม่ให้เหิมเกริมกล้านำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้คนตามใจชอบได้อีกต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง