แสดงพลังจงรักภักดี ใส่สีม่วงทั่วไทยจุฬาฯเต็มลานฯ/กองทัพเกาะติดกลุ่มป่วน

ทั่วประเทศใส่เสื้อสีม่วง แสดงพลังปกป้อง-แสดงความจงรักภักดี "  กรมสมเด็จพระเทพฯ" จุฬาฯ นิสิตเก่า-ปัจจุบันพรึ่บเต็มลานพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล น้อมถวายกำลังใจทูลกระหม่อมฯ "เศรษฐา" ย้ำเป็นหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องถวายอารักขาให้ดี "สุทิน" สั่งเหล่าทัพเกาะติดกลุ่มป่วน "ก.ก." ท้าเปิดหลักฐานใครหนุนม็อบทะลุวัง สภาเดือด! ไม่เลิก หวิดวางมวย หลัง “พิเชษฐ์” ปะทะ "ชาดา" ของขึ้นลั่นไม่ใช่นักเลง ไม่ใช่เจ้าพ่อ ท้าเจอข้างนอก

ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เวลา 16.00 น. วันที่ 15 ก.พ. กลุ่มจุฬาฯ รักพระเทพฯ จัดกิจกรรมแสดงจุดยืนปกป้องสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และน้อมถวายกำลังใจทูลกระหม่อมฯ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งประเทศ ซึ่งมีการเชิญชวนนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันจุฬาฯ ออกมาแสดงพลังปกป้องและแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ที่ทรงเป็นนิสิตเก่าคณะอักษรศาสตร์  จุฬาฯ เนื่องจากไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของผู้ที่ลบหลู่พระเกียรติยศของพระองค์ด้วยการพยายามขับรถแทรกเข้าไปในขบวนเสด็จฯ

โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ผู้เข้าร่วมงานต่างใช้ริบบิ้นหรือผ้าพันคอผืนเล็กสีม่วงพันแขนขวา หรือใส่เสื้อสีม่วง พร้อมชูภาพและป้ายข้อความ ซึ่งจะแยกกันยืนตามป้ายคณะของตัวเอง เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงมหาจุฬาฯ  นำโดยนายนิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลง และคณะ พร้อมด้วยตัวแทนนิสิตเก่า คณะละ 1 คน

ต่อมา นายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวแสดงความจงรักภักดีและเปิดงานว่า "วันนี้พวกเราชาวจุฬาฯ ทุกรุ่น ทุกคณะ ได้มารวมตัวกัน ณ ลานพระบรมรูปสองรัชกาล เพื่อรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว แสดงความรักของพวกเราที่มีต่อสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ที่ทรงงานหนักมาก ทรงตรากตรำพระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนคนไทยอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์

พวกเราชาวไทยไม่เคยเห็นพระองค์มีเวลาแสวงหาความสุขส่วนพระองค์เยี่ยงคนอื่นๆ พระองค์ทรงอุทิศ

เวลาตลอดพระชนม์ชีพทรงงานเพื่อชาวไทย และชาวจุฬาฯ ทุกคนจึงมีแต่ความจงรักและภักดีต่อเจ้าฟ้าเดินดินของคนไทย ชาวจุฬาฯ ทุกคนที่อยู่ ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล และที่อยู่ตามที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งคนไทยทั้งประเทศ ขอร่วมกันส่งพลังใจให้พระองค์

พวกเราลูกจุฬาฯ สัญญาว่าจะรักกันมั่น และลูกจุฬาฯ ทุกคนจะขอเดินตามรอยพระดำเนินของพระองค์ตลอดไป ปวงข้าพระพุทธเจ้าชาวจุฬาฯ ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และพระบารมีแห่งสมเด็จบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า ได้โปรดอภิบาลประทานพระพรชัยมงคลให้ใต้ฝ่าละอองพระบาท เจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน  ทรงพระเกษมสำราญ พระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เป็นร่มฉัตรปกเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และพสกนิกรชาวไทยสืบไป"

จากนั้น ผู้แทนนิสิตเก่า 2 คนถวายพานพุ่มพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล   และผู้แทนนิสิตเก่า 1 คนเปิดกรวยหน้าพระฉายาลักษณ์กรมสมเด็จพระเทพฯ  รวมทั้ง รศ.นภาลัย สุวรรณธาดา นักกลอน ได้อ่านบทกลอนด้วย ก่อนที่สุดท้ายตัวแทนคณะผู้จัดงานจะกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ ผู้มาร่วมงาน ผู้มีอุปการคุณ และถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน

ทั่ว ปท.ใส่เสื้อม่วงแสดงพลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานมากมาย อาทิ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.), นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต สว., นายสมชาย แสวงการ สว., พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สว. เป็นต้น

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. จำนวนกว่า 700 คน เข้าร่วมพิธีขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมแกนนำ พปชร. ต่างสวมเสื้อสีม่วง เพื่อแสดงจุดยืนในการปกป้องและถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างลงพื้นที่เยาวราชร่วมกันสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดมังกรกมลาวาศ (วัดเล่งเน่ยยี่) เนื่องในวันตรุษจีน รับปีมังกรทอง

จ.ภูเก็ต นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ภาคธุรกิจเอกชน ประธานองค์กรสตรี ผู้นำกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สมาชิกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย และพสกนิกรชาวไทยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และ 14 จังหวัดภาคใต้ ร่วมพิธีก่อนการประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยสัญจร ครั้งที่ 3 พื้นที่ภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567

จ.ขอนแก่น บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงกว่า 100 คน ในนามกลุ่มชาวขอนแก่นรวมพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์พร้อมใจสวมใส่เสื้อสีม่วงและสีเหลืองผูกโบสีม่วงที่ข้อมือเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์

จ.นครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าฯ นครราชสีมา พร้อมด้วย รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัย และประชาชนภายในชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัย กว่า 500 คน พร้อมใจสวมใส่เสื้อสีม่วง ร่วมพิธีแสดงความจงรักภักดี

จ.สกลนคร นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ผู้ว่าฯ สกลนคร นำข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และพสกนิกรชาวจังหวัดสกลนครทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันใส่เสื้อสีม่วง ร่วมกิจกรรมถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

จ.พังงา นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าฯ พังงา นำชาวพังงากว่า 1,000 คน ร่วมเคารพธงชาติ แสดงพลังแสดงความจงรักภักดี พร้อมแสดงจุดยืนที่จะปกป้องและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง   กล่าวถึงภาคประชาชนสวมเสื้อสีม่วงเพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า พระองค์ท่านทรงทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ และทรงงานอย่างหนักหน่วง อยากให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องดูแลท่านให้ดี รู้อยู่แล้วว่าจุดยืนคืออะไร เรายึดมั่นตามกฎหมายที่เราทำกันอยู่

ก.ก.ท้าเปิดบัญชีหนุนม็อบ

ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุทิน​ คลังแสง​ รมว.​กลาโหม​ กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม​ ครั้งที่​ 2/2567 ถึงกรณีการปกป้องสถาบันว่า ในการประชุมสภากลาโหม มีการพูดคุยถึงกรณีดังกล่าว  และก่อนหน้านี้ก็เฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องนี้มาโดยตลอด พร้อมกับได้สั่งการทุกเหล่าทัพที่มีหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว ได้เกาะติดสถานการณ์และสกัดกั้นไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก

นายสุทินกล่าวว่า ในการถวายอารักขาความปลอดภัย กองทัพถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด​ แต่ยังมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือเจ้าหน้าที่ตำรวจและในส่วนพระองค์​ และทางกองทัพให้การสนับสนุนและเฝ้ามอง​ ถ้าหากเกินกำลังของทั้ง​ 2 หน่วย​ กองทัพพร้อมตลอดเวลา​ ซึ่งวันนี้ทั้งงานด้านการข่าว การสกัดกั้นความเคลื่อนไหวกองทัพทำอยู่ และจะทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก

ถามว่า มีหลายฝ่ายกังวลเหตุการณ์​ดังกล่าวจะนำไปสู่เหตุการณ์​ 6 ตุลาคม​ 2519 นายสุทินกล่าวว่า​ เราก็ระมัดระวังอยู่เรื่องนี้ แม้เราจะต้องถวายอารักขาความปลอดภัยเต็มที่ แต่เราก็ต้องใช้สติปัญญา โดยการนำประสบการณ์ในอดีต หากเราไม่ดูแลและไม่ละเอียดอ่อน อาจจะเกิดผลในอีกทางหนึ่ง และเชื่อว่าอาจมีคนคิดทำเช่นนั้นอยู่ เราก็เฝ้ามองและรู้ทัน​ และจะไม่ตกเป็นเครื่องมือและปล่อยให้สถานการณ์เลยเถิดไปขั้นนั้น

เมื่อถามว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ระบุมีกลุ่มอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มเด็กๆ นายสุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องที่พูดกันมาตลอด ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ ก็มีที่มาที่ไป แต่ก็ต้องแยกเป็นบางเรื่องเอา เชื่อว่าหลายเรื่องมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง ไปดูเป็นเรื่องๆ  เอา

ต่อมาภายหลังการให้สัมภาษ​ณ์เสร็จสิ้น นายสุทินได้นำคณะทำงานที่สวมเนกไทสีม่วง​ ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มายืนโชว์สื่อมวลชน​ พร้อมทั้งระบุว่า​ การสวมเนกไทวันนี้ไม่ได้เป็นการแสดงจุดยืนหรือแสดงอะไร​ แต่เป็นการถวายกำลังใจมากกว่า และอยากให้กระตุ้นเตือนคนไทยทุกคน​

​พล.ร.ต.​ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า  ปัจจุบันไม่มีการปิดการจราจรเมื่อมีขบวนเสด็จฯ นานแล้ว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากขบวนเสด็จฯ ทั้งขบวนเสด็จฯ ของพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จึงมีพระบรมราโชบายมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดแนวทางอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้มีความเหมาะสม มีการจัดช่องทางให้เสด็จฯ ในส่วนของพระองค์และช่องทางของประชาชน ในส่วนของฝ่ายความมั่นคง ก็จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2557 และ 2560 และดำเนินการถวายพระเกียรติต่างๆ ในการปฏิบัติภารกิจ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์

ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกรณีนายชาดาเปิดสมุดกลางสภาพร้อมระบุมีผู้ช่วย  สส.ของพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเยาวชนว่า ขอให้เปิดได้เลย เพราะต้องยอมรับว่ามีความพยายามเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาหลายครั้งว่ามีพรรคการเมืองและนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของเยาวชน ดังนั้นขอให้เปิดได้เลย และเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน ว่ามีพรรคการเมืองไหนบ้างที่เคยสนับสนุนงบประมาณให้กับการเคลื่อนไหวของเยาวชน

"ผมอยากเห็นเหมือนกันว่าจะมีกลุ่มการเมืองไหนบ้าง ที่หวังจะใช้กระแสความนิยมจากการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวเพื่อสร้างความนิยมให้กับตนเอง โดยการสนับสนุนงบประมาณ ขอยืนยันเราไม่กังวล ขอให้เปิดได้เลย อาจจะมีพรรคอื่นก็ได้" หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าว

ด้านนายชาดา โต้ตอบนายชัยธวัชที่ท้าให้เปิดหลักฐานมีใครอยู่เบื้องกลุ่มทะลุวังว่า เปิดอยู่แล้วไม่ต้องกลัว แต่ขอให้ถามมาในระบบ ตนจะตอบในระบบ เนื่องจากต้องอ้างอิงบุคคลที่สาม ส่วนจะเป็นพรรคไหนนั้น ใครอภิปรายชัดเจนก็คนนั้นแหละ และย้ำว่าไม่มีพรรคอื่น

 “ใครพูดมาว่าจะเป็นพรรคอื่น ผมก็ตอบไปว่าไม่มีพรรคอื่น ผมไม่อยากทะเลาะกับคนพวกนี้ แต่อยากสกัดกั้นคนที่ทำไม่ดี” นายชาดากล่าว

เดือด! พิเชษฐ์ปะทะชาดา

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายพิเชษฐ์ชี้แจงกรณีนายชาดาตำหนิการทำหน้าที่ไม่เป็นกลางในการเป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ว่า สิ่งที่นายชาดาพูดในที่ประชุม มีลักษณะใส่ร้าย เสียดสี ข่มขู่ประธานในที่ประชุมอย่างรุนแรงว่าทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ขอให้ประธานขอโทษ ตนบอกว่าขอไปตรวจสอบคลิปต่างๆ ที่นำเสนอก่อน  เพราะสภามีคณะกรรมการตรวจสอบและวินิจฉัยการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ประกอบการอภิปราย มีหลักเกณฑ์ว่าข้อมูลที่ไม่ต้องปกปิดหรือเบลอภาพคือภาพ ครม. คณะกรรมาธิการ บุคคลในวงงานรัฐสภา หนังสือเวียนต่างๆ ประกาศหรือระเบียบหน่วยงานราชการที่เปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว 

"การที่มีภาพรัฐมนตรีไม่ได้เบลอหน้าเป็นเงื่อนไขที่ใช้มาตลอด จึงขอทำความเข้าใจ เราให้เกียรติสมาชิกทุกคน ไม่ว่าอายุเท่าไร ทุกคนมีเอกสิทธิ์เท่ากัน ผมทำหน้าที่ดำเนินการประชุม พยายามรักษาความยุติธรรม ไม่มีประโยชน์จะไปลำเอียงเข้าข้างใคร ขอชี้แจงกับรัฐมนตรี ถ้ามีปัญหาก็คุยข้างนอกได้" นายพิเชษฐ์ชี้แจงในที่ประชุม

ต่อมา เวลา 17.20 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการพิจารณารายงานเรื่องแลนด์บริดจ์ กำลังเข้าสู่วาระการพิจารณาเรื่องใหม่  โดยมีนายพิเชษฐ์ทำหน้าที่ประธานการประชุม ปรากฏว่านายชาดาได้ลุกขึ้นตำหนิการกระทำของนายพิเชษฐ์ในช่วงเช้าวันที่ 15 ก.พ.ที่ระบุว่า ทำหน้าที่เป็นกลางในการอนุญาตให้นายรังสิมันต์นำรูปนายชาดาที่ถ่ายคู่กับกลุ่ม ศปปส.มาประกอบการอภิปรายในญัตติด่วน เรื่องมาตรการรักษความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ

นายชาดากล่าวว่า ไม่เคยต่อว่านายพิเชษฐ์ลำเอียงในการทำหน้าที่ สิ่งที่ตนพูดไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ถือว่าจบแล้ว แต่นายพิเชษฐ์ไม่จบ มาพูดต่อในที่ประชุมตอนเช้าวันที่ 15 ก.พ. การที่นายพิเชษฐ์อ้างว่าระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาฯ ให้นำภาพของตนมาอภิปรายได้นั้น ได้พิจารณาหลักเกณฑ์เรื่องกฎหมายพีดีพีเอหรือไม่ หรือจะลองให้ตนฟ้องดู คำพูดนายพิเชษฐ์แสดงว่า ไม่ต้องการจบ

อย่างไรก็ตาม นายพิเชษฐ์ไม่สนใจ ดำเนินการประชุมต่อ ทำให้นายชาดาสวนมาทันทีว่า “ประธานอยากคุยกับผมข้างนอกใช่ไหมครับ” ซึ่งนายพิเชษฐ์ตอบกลับว่า “เดี๋ยวผมทำหน้าที่ของผมก่อน ผมไม่ใช่นักเลง ไม่ใช่เจ้าพ่อ” จนมีเสียงฮือดังขึ้นจาก สส.ในห้องประชุม

จากนั้นนายชาดาตอบโต้กลับว่า ประธานพูดเอง แล้วใครนักเลง ขณะที่นายพิเชษฐ์ก็โต้กลับว่า "เดี๋ยวผมทำหน้าที่เสร็จแล้วเจอกันข้างนอก” ซึ่งนายชาดาก็ตอบกลับว่า “ครับ ตอนไหนก็ได้ สำหรับผม แต่ประธานพูดเองว่าเจอกันข้างนอก”  พร้อมกับขอให้นายพิเชษฐ์ถอนคำพูด “นักเลง” ซึ่งนายพิเชษฐ์ยอมถอนคำพูด แต่ยังพูดต่อไปว่า “แล้วไปเจอกันข้างนอก” ก่อนจะตัดบทเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป ระหว่างนั้น สส.รวมไทยสร้างชาติ เสนอให้ปิดประชุม เพราะบรรยากาศห้องประชุมไม่ดี แต่ สส.พรรคก้าวไกลไม่ยอมขอให้ประชุมต่อ ซึ่งนายพิเชษฐ์ก็ดำเนินการประชุมต่อไป

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึงการขยายผลคดี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ กลุ่มทะลุฟ้า และเพื่อน มีพฤติการณ์ขวางขบวนเสด็จฯ ว่า จากแนวทางการสืบสวนและการตั้งข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอาจจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม แต่ต้องดำเนินการรอบคอบจนกว่าจะมีพยานหลักฐานชัดเจน

"ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดว่ามีบุคคลใดอยู่เบื้องหลังชัดเจน แต่ย้ำว่าได้กำชับให้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดูความเชื่อมโยงทุกมิติ ไม่ต้องเร่งรีบจนทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าว

ผบ.ตร.กล่าวถึงมาตรการอารักขาดูแลถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ ว่า การถวายความปลอดภัยเป็นหน้าที่สูงสุดของตำรวจ ต้องทำด้วยชีวิต ส่วนในเรื่องข้อกฎหมาย จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุด เรื่องขบวนเสด็จฯ  ว่าเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง