ฟัน‘บิ๊กโจ๊ก’ม.157-149 ผบ.ตร.ปัดแกล้งคดีมินนี่

"บิ๊กเต่า" ยันแจ้งข้อหา 157-149 กับ "บิ๊กโจ๊ก" เรียบร้อยแล้ว   พบหลักฐานเส้นทางเงินจากเว็บพนันไปใช้จ่ายค่าน้ำ-ไฟ-บ้าน แจงไม่ขัดแย้ง  ป.ป.ช. แต่ตำรวจอยากทำคดีเองเพื่อให้จบเร็ว ขณะที่ "ผบ.ตร." ปัดไม่มีการกลั่นแกล้ง จริงคือจริง เท็จคือเท็จ ยันไม่มีรอยร้าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567   พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มาดูแลในคดีนี้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สำนวน คือสำนวนแรกที่มีผู้ต้องหาจำนวน 61 ราย สำนวนที่ 2 มีผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อีกทั้งสำนวนนี้ยังมีผู้ต้องหาเป็นตำรวจทั้งในและนอกราชการด้วย โดยมีการร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดตามมาตรา 157 กับ 149 และได้ส่งให้  ป.ป.ช.พิจารณาแล้วว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการหารือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ทำสำนวนคดีดังกล่าว  เนื่องจากนายตำรวจที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และต้องการให้สำนวนมีความรวดเร็ว โปร่งใส   เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เขาบอกว่า การที่ตำรวจต้องการนำสำนวนคดีนี้กลับมาดำเนินการเองนั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวได้มีการสืบสวนสอบสวนมาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนก่อน อีกทั้งคดีหลักที่มีผู้ต้องหา 61 รายนั้น ยังมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

พล.ต.ต.จรูญเกียรติเผยต่อว่า ทั้งนี้ตำรวจมีพยานหลักฐานเป็นเงินจากบัญชีม้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งเงินจากบัญชีม้าดังกล่าวยังเชื่อมโยงไปถึงญาติพี่น้องของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ซื้อบ้าน ซื้อรถ ค่าเทอม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายผล และเชื่อว่ายังมีเว็บไซต์พนันออนไลน์อื่นที่เกี่ยวข้องกับตำรวจคนนี้ด้วย และหากพบพยานหลักฐานก็จะถือว่าเป็นคดีใหม่ ซึ่งหากทาง ป.ป.ช.ได้มีมติว่าจะส่งสำนวนในคดีกลับมาให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการก็จะแจ้งข้อกล่าวหาฐานฟอกเงินเพิ่มเติมทันที ส่วนเรื่องระยะเวลาที่ ป.ป.ช.ใช้พิจารณานั้น ปกติแล้วใช้เวลาไม่นานก็จะมีผลการพิจารณาออกมาทันที

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจและ ป.ป.ช.ต้องการทำสำนวนนี้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเองหรือไม่นั้น   พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามพยานหลักฐาน อีกทั้งตำรวจและ ป.ป.ช.ได้ทำงานโดยเป็นอิสระต่อกัน ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งหรือเล่นนอกเกม แต่ต้องการให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว เพราะมีหลายฝ่ายนำเรื่องนี้มาโจมตีสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำให้เกิดความเสียหาย  

สำหรับในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามมาตรา 157 และ 149 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดวินัยร้ายแรง โดยหลังจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะมอบหมายให้ “พล.ต.อ.” ที่มีชั้นยศเท่ากันตามกฎหมายเป็นประธานในการตรวจสอบ

กรณีที่มีคลิปเสียงพนักงานสอบสวนพยายามเกลี้ยกล่อมผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ให้ยอมกลับคำให้การนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกับทั้งสองคดีข้างต้น และเกิดขึ้นในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน แต่ต้องขอชื่นชมพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวที่มีสติในการชี้แจงกับคู่สนทนาโดยไม่หลงกลการล่อซื้อ เพราะหากชี้แจงพลาดไปนิดเดียวก็อาจตกเป็นจำเลยสังคม และขอเตือนว่าไม่ควรทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก เพราะข้อเท็จจริงนั้นชัดเจนอยู่แล้ว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนในคดีนี้ถูกฟ้องจำนวนมากว่า ไม่มีความกังวล เพราะที่ผ่านมาการเป็นตำรวจนั้นมีความสุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นคดีเล็กหรือใหญ่ ซึ่งจากการประชุมกับพนักงานสอบสวนเมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) ทุกฝ่ายยังคงมีขวัญและกำลังใจที่ดี ยังคงมีเสียงหัวเราะ ตำรวจทำตามพยานหลักฐาน

"ที่ผ่านมาผมเองก็ถูกดำเนินคดีมาหลายคดีแล้ว ซึ่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจคือสืบหาพยานหลักฐานอย่างละเอียด เป็นการเสริมเกราะป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีอำนาจหรืออิทธิพลฟ้องกลับได้ เป็นการทำให้พื้นที่สีดำในสำนักงานตำรวจแห่งชาติกลายเป็นพื้นที่สีขาว เพื่อให้เหลือตำรวจน้ำดีอยู่ในสังคม ตำรวจคอยดูแลพี่น้องประชาชน ส่วนที่ด่างพร้อยต้องกำจัดออกไปให้หมด แม้จะเป็นร้อยพันคนก็ตาม"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 เจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่  และมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด  หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เผยว่า ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งกันแน่นอน จริงคือจริง  เท็จคือเท็จ ใครทำไม่ถูกกฎหมาย ทีมพนักงานสอบสวนทำพยานเท็จ ก็ว่าไป  ทุกอย่างตรวจสอบได้ในทางวิทยาศาสตร์ ถ้าเกิดการกลั่นแกล้งให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ผมเป็นหัวหน้าหน่วย ต้องอยู่เหนือความขัดแย้ง จะไปเทใครไม่ได้ ว่าไปตามพยานหลักฐาน กลั่นแกล้งไม่มี ไม่มีการทะเลาะกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรอยร้าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ตอบว่า ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวมีมาทุกยุคทุกสมัย แต่ทุกอย่างอยู่ที่การพูดคุยกัน เรื่องที่เป็นคดี ป.ป.ช.ก็ชี้ไป ถ้าพนักงานสอบสวนทำไม่ได้ ป.ป.ช.ก็สั่งยุติ เป็นไปตามกระบวนการ คุยกันทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งทีมสอบสวนและ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คุยกันทุกเรื่อง ไม่มีการขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเราทำงานเพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพี่น้องประชาชน

ถามต่อว่า เหมือน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ น้อยใจที่ไม่ได้ดูไซเบอร์ ผบ.ตร.ตอบว่า ไม่หรอก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เขาเป็นอย่างนี้ แต่เวลาคุยกับผมไม่ได้เป็นแบบนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องไซเบอร์ เรื่องไซเบอร์มีตั้งหลายเรื่อง เอาเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อน เรื่องคอลเซ็นเตอร์ ถามต่อถึงประเด็นเอาเรื่องพนันออนไลน์มาเป็นเรื่องการดิสเครดิต ผบ.ตร.ตอบว่า ไม่อยากให้มองว่าดิสเครดิต จริงคือจริง ถ้ามองว่าเป็นวงจรอุบาทว์แล้วยังทำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ไม่ได้ แค่นี้ยังขัดแข้งขัดขาหรือพยายามใส่ร้าย แล้วประชาชนจะเอาความยุติธรรมจากไหน

"จริงคือจริง เท็จคือเท็จ พยานหลักฐานถึงก็ถึง ที่สุดแล้วมันอยู่ที่พยานหลักฐาน ปั้นแต่งอย่างไรก็พิสูจน์ได้ ถ้าสมมุติว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ผิดจริงต้องรับสภาพ แต่ถ้าเขาไม่ผิดทีมพนักงานสอบสวนก็ต้องรับสภาพไป ซึ่งก็มีองค์กรที่คอยตรวจสอบคือ ป.ป.ช. และขั้นตอนอีกตั้งเยอะ" ผบ.ตร.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง