แฉสปก.ทับซ้อน2แสนไร่ ปลัดทส.ลั่นยกเลิกหมด!

นายกฯ ลั่นปมพิพาทที่ดินต้องเป็นไปตามกฎหมาย "ธรรมนัส" ส่งที่ปรึกษายื่น "บิ๊กเต่า" ฟันข้าราชการ ส.ป.ก. "ปลัด ทส." ย้ำทับพื้นที่อุทยาน-ป่าอนุรักษ์ต้องยกเลิกทั้งหมด "ชัยวัฒน์" แฉทับซ้อนทั่วประเทศถึง 2 แสนไร่ "จตุพร" จับตาลามดึง "กษ." ภายใต้กำกับ พท. ให้ "พัชรวาท" สั่งการ

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ   กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุจากการตรวจสอบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 142 แห่ง จาก 157 แห่งทั่วประเทศ พบมีพื้นที่ทับซ้อนกับ สปก.4-01 ประมาณ 2 แสนไร่ว่า จะเป็นเท่าไหร่ต้องถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปตามไกด์ไลน์ที่เราคุยกันเมื่อวันที่ 21 ก.พ.

ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า จากกรณีมีประเด็นข้อพิพาทระหว่างเจ้าหน้าที่  ส.ป.ก.จังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ในพื้นที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้เตรียมจัดทำข้อตกลงร่วมกับกรมอุทยานฯ  และกรมป่าไม้ เพื่อกำหนดแนวทางการออกเอกสาร สปก.4-01 ในพื้นที่ที่แนวเขตตามแผนที่ยังทับซ้อนกันระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าสงวนและป่าไม้ถาวร  โดยจากนี้จะไม่จัดสรรที่ดินให้เกษตรกรเข้าทำกินในพื้นที่รอยต่อ รวมถึงพื้นที่ที่ยังมีสภาพป่า

  โดยวันนี้ (22 ก.พ.) ร.อ.ธรรมนัส มอบหมายให้นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ เข้าแจ้งความต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับข้าราชการ ส.ป.ก.นครราชสีมา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขต สปก.4-01 ในพื้นที่ทับซ้อนกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วน ส.ป.ก. อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นจึงจะไปสู่การตั้งคณะกรรมการสวนสวนทางวินัยในขั้นตอนต่อไป

สำหรับกรณีบ้านเหวปลากั้ง ตำบลหมูสี ได้เพิกถอน สปก.4-01 ที่ออกไปแล้วทั้ง 5 ฉบับแล้ว ส่วนที่รังวัดและขึ้นรูปแปลงไว้ ให้ระงับทั้งหมด ซึ่ง ส.ป.ก.จะใช้กรณีบ้านเหวปลากั้งเป็นบรรทัดฐานในการตรวจสอบการออกเอกสาร สปก.4-01 บริเวณรอยต่อกับป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศเพื่อเซตซีโรการออก ส.ป.ก.โดยมิชอบ หากทุจริตจะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งทางอาญาและวินัย ส่วนผู้ครอบครองที่เป็นเกษตรกร หากถูกเพิกถอน สปก.4-01 จะจัดสรรที่ดินให้ใหม่ แต่ถ้าไม่ใช่เกษตรกรต้องสิ้นสิทธิและอาจถูกดำเนินคดี ทั้งนี้ต้องการให้การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (วันแมป) ทั่วประเทศให้เสร็จโดยเร็ว          

ขณะที่ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า การแถลงเมื่อวันที่ 21 ก.พ. เป็นข้อตกลงระหว่างกรมอุทยานฯ กับสำนักงาน ส.ป.ก. ว่าจะกลับไปสำรวจทั้งหมดที่ ส.ป.ก.ไปปักหมุด แล้วรายงานกลับเข้ามา ขณะนี้ขอให้หยุดปักหมุดเพิ่มก่อน ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ทั้งสองหน่วยงานจะหารือกัน และหากเป็นการออกประกาศทับพื้นที่อุทยานจะต้องยกเลิกและคืนให้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ออกไม่รอบคอบ การเมืองไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง

 เมื่อถามว่า การแถลงข่าวร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับ ทส. หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าจะไม่จบ เพราะนายชัยวัฒน์ไม่ได้มานั่งแถลงด้วย  นายจตุพรกล่าวว่า “ไม่มี เพราะอธิบดีกรมอุทยานฯ มาร่วมแถลง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายชัยวัฒน์ไม่น่ามีปัญหาอะไร จากนี้ต้องยึดถือมาตรการที่วางร่วมกัน”

เมื่อถามย้ำว่า หลังจากนี้นายชัยวัฒน์ยังสามารถเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ได้อยู่ใช่หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะเราพูดชัดว่าให้สำรวจพื้นที่ ส.ป.ก.ที่ออกไปแล้ว และพื้นที่ติดแนวเขตอุทยาน หากเป็นป่าอนุรักษ์มันไม่สามารถออกเป็น ส.ป.ก.ได้อยู่แล้ว ส่วนที่มีปัญหาก็ให้คณะกรรมการกลางดูอยู่

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า จาการตรวจสอบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 142 แห่ง จาก 157 แห่งทั่วประเทศ พบเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับ สปก.4-01 ประมาณ 205,000 ไร่ เฉพาะแค่พื้นที่อุทยานฯ ทับลาน มีประมาณ 7-8 หมื่นไร่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังรอข้อมูลจากสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์อีก 2 สำนัก อุทยานประมาณกว่า 10 แห่ง คาดว่าจะพบพื้นที่ทับซ้อนมากกว่านี้อีก เบื้องต้นได้ส่งข้อมูลจากทุกอุทยาน  ให้ ส.ป.ก.ในจังหวัดนั้นๆ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลว่าพื้นที่ซ้อนทับกันอย่างไร และพบว่าพื้นที่ ส.ป.ก.บางแห่งได้มาโดยมิชอบ ไม่ตรงตามเงื่อนไข และพื้นที่ ส.ป.ก.บางแห่งเป็นทำเลทอง

นายวิทยา สกลเจริญเวช ผู้ประสานงานเครือข่าย 22 องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เปิดเผยว่า เครือข่าย 22 องค์กรปกป้องเขาใหญ่ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในปัญหาหมุดปริศนารุกผืนป่าเขาใหญ่ รวมถึงขอบคุณ รมว.ทส. รมว.เกษตรฯ ที่แก้ปัญหาข้อพิพาทดังกล่าวให้จบลงได้ด้วยดี และอยากให้มีการตรวจสอบทั่วประเทศเพื่อความโปร่งใสและชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างเขาใหญ่ รวมทั้งหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีด้วย  ทั้งนี้ ในวันที่ 24-26 ก.พ.นี้ เครือข่ายฯ จะมีการจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตปกป้องเขาใหญ่

วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน  เฟซบุ๊กไลฟ์ตอนหนึ่งว่า เมื่อนายกฯ เรียกรัฐมนตรีมาคุยเพื่อแก้ไขปัญหา ส.ป.ก.ในเขตเขาใหญ่ แต่มีเพียง ร.อ.ธรรมนัส คนเดียวมาคุย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทส. ไม่มาร่วมวงด้วย กรณีนี้ในทางการเมืองไม่ปกติ ซึ่งปัญหาการเมืองเริ่มตั้งแต่ตั้งรัฐบาลแล้ว เพราะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้รัฐมนตรีว่าการสองกระทรวงคือ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวง ทส. แต่รองนายกฯ กลับได้คุมเพียง ทส.เท่านั้น ส่วนเกษตรฯ ไปขึ้นกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย จึงผิดวิสัย ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้รัฐมนตรีว่าการสองกระทรวง คือ รมว.พลังงานและอุตสาหกรรม แต่ได้รองนายกฯ คุมในสายกระทรวงของตัวเองทั้งหมด ทั้งที่ พปชร. มีเสียง สส.มากกว่า กระทั่งเกิดปรากฏการณ์ที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่ จึงสำแดงศักดิ์ศรีของพรรคร่วมขึ้น

สำหรับปรากฏการณ์เขาใหญ่ ถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว สู้กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าของและชอบธรรม เมื่อกระทรวงเกษตรฯ สั่งถอย ให้ยกเลิก ส.ป.ก. จึงเป็นทางเลือกเดียว ถ้ายังดื้อดึงไปจะนำพาให้รัฐบาลพังได้เหมือนในอดีต

"แม้ รมว.เกษตรฯ สั่งยกเลิกที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่ไปก่อนก็ตาม แต่มีกลิ่นว่า การเมืองในพรรคเดียวกันมีปัญหาขึ้น อีกอย่างต้องไม่ลืมว่าระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สร้าง 3 ป. และ พปชร. มา จึงไม่ควรประมาท กรณีนี้ส่อถึงอาการเสือที่เลียแผลเสร็จ ตั้งหลักได้ก็เริ่มสำแดงเดช แล้วเลือกลงมือในประเด็นที่เขาได้เปรียบทั้งทางกฎหมาย ประชาชน และกระแสสังคมกับสื่อสารมวลชน ดังนั้น ปัญหาครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงอาการร้าวลึกใน พปชร.” นายจตุพรระบุ.