ตีปี๊บส่งออก65 ขยายตัว3-4% หลังศก.โลกฟื้น

"จุรินทร์" เป็นประธานประชุม กรอ.พาณิชย์ ประเมินส่งออกปี 64 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 16% ส่วนปี 65 คาดโต 3-4% มูลค่า 9 ล้านล้านบาท หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว คู่ค้ายังนำเข้าเพิ่ม เงินบาทเอื้อต่อการส่งออก ไม่มีปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ นานาชาติคุมโควิด-19 ได้ดีขึ้น และ RCEP เริ่มบังคับใช้

ที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) วันที่ 27 ธันวาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 3/2564 ว่า ได้มีการหารือถึงการสรุปตัวเลขการส่งออกปี 2564 โดยประเมินว่าจะเป็นบวกประมาณ 16% และทำรายได้เข้าประเทศ 8,585,600 ล้านบาท โดยสินค้าหมวดสำคัญๆ ที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นลำดับสูง ประกอบด้วยสินค้าทางการเกษตร, สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมและสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขจะเป็นไปตามนี้ทั้งหมดหรือไม่ต้องรอตัวเลขจริงเดือน ธ.ค.64 อีกครั้ง

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงตัวเลขการส่งออกปี 2565 ซึ่งได้มีการคาดการณ์กันโดยหลายหน่วยงานแล้ว ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้มีการคาดการณ์ว่า การส่งออกปี 2565 จะยังคงมีการขยายตัว คือเป็นบวกประมาณ 3-4% และคาดว่าจะมีตัวเลขการส่งออกประมาณ 9 ล้านล้านบาท หรือ 280,000 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวเลขส่งออกในปี 2565 จะมากกว่าปี 2564 ประมาณ 4 แสนล้านบาท

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในปี 2565 ขยายตัว 3-4% ได้พิจารณาจาก 8 ปัจจัย ได้แก่ 1.เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญย้อนหลังไป 5 ปี 2.อัตราแลกเปลี่ยน 3.ราคาน้ำมันดิบดูไบ 4.ราคาสินค้าเกษตร 5.ราคาวัตถุดิบโลกเฉลี่ย 6.สถานการณ์โควิด-19 7.ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งคาดว่าปี 2565 การผลิตตู้คอนเทนเนอร์ป้อนตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น จะช่วยให้เป็นบวกกับการส่งออกได้คล่องตัวขึ้น 8.การประเมินโดยทูตพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์ทั่วโลก

สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ 4 กลุ่มที่มีแนวโน้มดี ประกอบด้วย 1.สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว, ผลไม้, น้ำตาล, อาหารเลี้ยงสัตว์ 2.สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน เช่น คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 3.สินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์ 4.วัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตสินค้า เช่น เหล็ก, เม็ดพลาสติก, เคมีภัณฑ์, ยางรถยนต์ที่จะนำไปใช้ในการผลิตรถยนต์

ส่วนปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออก ได้แก่ 1.การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวบวก 4.5% 2.การนำเข้าของประเทศคู่ค้า ในปีหน้าคาดว่ายังขยายตัวดี ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น หรือสภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยเสริมการส่งออกและนำเข้า ทำให้โอกาสการส่งออกของไทยจะมีมากขึ้นด้วย 3.ปัจจัยค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่าปีหน้าก็ยังจะเอื้อต่อการส่งออก อยู่ที่ประมาณ 32-33 บาทต่อเหรียญสหรัฐอเมริกา 4.การผลิตตู้คอนเทนเนอร์ป้อนตลาดโลกที่มากขึ้น 5.การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล จะช่วยเรื่องการส่งออกสินค้าด้านไอทีของไทย 6.แผนจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 ที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภาพรวมของโลก และ 7.ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) 15 ประเทศที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.65

ด้านการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 32% สร้างรายได้จากการส่งออกประมาณ 1 ล้านล้านบาท และปี 2565 คาดว่าจะเป็นบวก 5-7% หรือ 1.07-1.08 ล้านล้านบาท โดยมีมูลค่าการค้าทั้งนำเข้าและส่งออกทางชายแดนข้ามแดนประมาณ 1.78-1.82 ล้านล้านบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ชื่นชมทีมจับกุมยาบ้า 4.5 ล้านเม็ด พร้อมเครื่องปั๊ม เตือนทาสยานรก ระวังชักตาย ยาบ้าสูตรใหม่ ส่วนผสมสุดอันตราย เร่งการไฟฟ้า ตรวจสอบการใช้ไฟตามชายแดน หากพบปลายทาง เป็นขบวนการค้ายา ต้องรีบตัดไฟทันที

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ ซึ่ง ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดสุพรรณบุรีพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 4.5 ล้านเม็ด เครื่องปั๊มเม็ด และยานพาหนะ