ชงอุทธรณ์พักโทษ! คปท.สงสัยป่วยหนักแต่ไปเชียงใหม่ได้/สส.ดี๊ด๊ารอพบนายใหญ่

"สมศักดิ์" ยัน "ทักษิณ" ไปเชียงใหม่ตามระเบียบราชทัณฑ์ ระบุห้ามไม่ได้ใครมองเป็นศูนย์กลางการเมือง "สส.เพื่อไทย" บอกทุกคนดีใจ "แม้ว" กลับบ้าน ปัดอย่าโยงแฝงการเมืองใกล้เลือกตั้งนายก อบจ. "วิสาระดี" หวังไปขอความรู้ประสบการณ์เดินทางรอบโลก "คปท." ข้องใจไหนบอกป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เล็งยื่นอุทธรณ์พักโทษ "เทพไท" ซัด 2 มาตรฐานตลอด  "ชาญชัย" สะกิด ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์คดีโรดโชว์ ชี้รัฐบาลปูทำผิด กม.ชัดเจน

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ซึ่งอยู่ระหว่างถูกพักโทษ มีกำหนดเดินทางไปทำบุญเคารพสถูปบรรจุอัฐิบรรพบุรุษตระกูลชินวัตรที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 14-16 มี.ค.ว่า ขั้นตอนการถูกพักโทษ ถ้าไม่นอนที่บ้านพักที่แจ้งไว้กับกรมคุมประพฤติ ก็ต้องขออนุญาตว่าจะเดินทางไปไหน อย่างไร ถ้าไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ สามารถขออนุญาตได้ โดยมีการกำหนดกรอบระยะเวลา และถ้าร่างกายยังไม่แข็งแรงดี จะต้องมีแพทย์หรือพยาบาลไปด้วย ซึ่งกรมคุมประพฤติมีหน้าที่ดูตามความเหมาะสม

ถามว่า การเดินทางไป จ.เชียงใหม่ของนายทักษิณ จะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือมีนัยสำคัญกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า  แล้วแต่คนถามและสังคมจะคิด แต่ท่านไม่ได้อยู่ประเทศไทย 17 ปี เป็นเรื่องที่คนคิดถึง และท่านคงคิดถึงลูกหลาน โดยปกติเท่าที่จำได้ ท่านมีบรรพบุรุษที่จะต้องไปกราบไหว้เป็นประจำ และที่จำได้เพราะตนเคยไป

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ที่ฝ่ายตรงข้ามหรือกลุ่มเห็นต่างจะนำประเด็นนี้มาโจมตี เพราะเกี่ยวกับรัฐบาลด้วย นายสมศักดิ์กล่าวว่า เชื่อว่าจะตอบคำถามได้ คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร

ซักว่า จะมี สส.พรรคเพื่อไทยนัดหมายเดินทางไปพบนายทักษิณด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่เห็นมีนัดหมายอะไร ส่วนตัวยังไม่ได้พบนายทักษิณ อยากไปพบ แต่ท่านยังไม่ให้พบ เมื่อถามย้ำว่า มีโอกาสที่จะไปพบที่ จ.เชียงใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์หัวเราะก่อนกล่าวว่า คงไม่มีโอกาส

ถามอีกว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย จะมีโอกาสไปรดน้ำขอพรนายทักษิณหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวด้วยเสียงอ่อยๆ ว่า “ก็คงต้องขอไป ไม่รู้จะให้ไปหรือเปล่า” เมื่อถามอีกว่าขอไปแล้วแต่ท่านยังไม่ตอบรับใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า “ยังไม่ตอบรับ”

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นนักการเมืองอาวุโส ประเด็นนายทักษิณควรก้าวข้ามมองเป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่ นายสมศักดิ์อุทานว่า “โอ๊ย อย่าไปขอร้อง ใครเขาจะมองอย่างไร ก็มองไปเถอะ ตอบคำถามได้ก็ชี้แจงกันไป แบ่งความรู้ให้รู้กันทั่วไป ไม่ต้องไปห่วงใครต่อใคร เป็นสิทธิของแต่ละคน อยากจะมอง พูด คิด อย่างไรที่ไม่ได้ละเมิดสิทธิคนอื่นก็ว่าไป เรามีหน้าที่ตอบก็ตอบไป  สนุกดีออก”

เมื่อถามว่า จะเป็นการตอกย้ำหรือไม่ว่ารัฐบาลมีนายกรัฐมนตรี 2 คน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่จะคิด แต่เราไม่รู้ว่าศูนย์กลางอยู่ตรงไหนอะไรอย่างไร แต่วันนี้มีนายกฯ ที่มีกฎหมายเป็นเครื่องมือทำงานอยู่ สั่งการดำเนินการ คนอื่นไม่มีเครื่องมือบริหารทำงานต่างๆ  จะห้ามจะไม่ให้คนอื่นคิดหรือห้ามคนอื่นพูดคงไม่ได้ มันเป็นเรื่องของการเมือง ทำจิตทำใจไว้

ด้านนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์เตรียมจะอภิปรายเรื่องนายทักษิณและกระบวนการยุติธรรมว่า ก็มีการชี้แจงมาเป็นลำดับ ตามระบบกฎหมาย ยืนยันว่าไม่หนักใจ และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ศรีโสภา โกฏคำลือ สส.เชียงใหม่ พรรค พท.  กล่าวถึงการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ของนายทักษิณว่า ส่วนตัวติดภารกิจเป็นตัวแทนรัฐสภาไทยไปร่วมประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น จะเดินทางกลับถึงไทยวันที่ 14 มี.ค. ทำให้ไม่มีโอกาสเดินทางไปพบนายทักษิณในวันดังกล่าว อีกทั้งยังไม่ทราบรายละเอียดกำหนดการว่าจะเปิดโอกาสให้คนไปรับหรือไม่ เพราะการเดินทางไปเชียงใหม่ครั้งนี้อาจเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ส่วนตัวก็อยากเจอนายทักษิณ เพราะยังไม่มีโอกาสได้พบ

ถามว่า มีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตจะเป็นเรื่องการเมืองแอบแฝง เพราะจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.ต้นปีหน้าหรือไม่ น.ส.ศรีโสภากล่าวว่า ไม่อยากให้มองเช่นนั้น เพราะนายทักษิณไม่ได้กลับบ้านมานานกว่า 17 ปี การอยากกลับบ้านเกิดจึงมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ขออย่าเอามาโยงกับประเด็นการเมืองจะดีกว่า แต่ในฐานะคนเชียงใหม่ คิดว่าทุกคนคงดีใจที่นายทักษิณเดินทางไปเชียงใหม่ เพราะที่ผ่านมาท่านทำผลงานให้ประเทศอย่างเห็นได้ชัด และเป็นตัวแทนคนเชียงใหม่ในการเป็นนายกฯ จึงดีใจในการกลับเชียงใหม่ครั้งนี้

ส่วน น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์  สส.เชียงราย พรรค พท. กล่าวว่า ดีใจที่นายทักษิณได้กลับบ้านที่เชียงใหม่ นายทักษิณเป็นคนที่เคยทำประโยชน์ให้ประเทศเป็นอย่างมาก พิสูจน์ได้จากผลงานในอดีต ตอนนี้ท่านอายุมาก การได้กลับมาอยู่กับครอบครัวและสถานที่แรกที่อยากไปคือเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ในใจท่าน จึงดีใจกับการเดินทางครั้งนี้ด้วย

ถามว่าจะไปรอรับหรือไม่ น.ส.วิสาระดีกล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการไปไหว้บรรพบุรุษ ไม่แน่ใจว่ารายละเอียดจะเป็นอย่างไร ถ้ามีโอกาสจะเดินทางไปพบนายทักษิณอย่างแน่นอน

"วันนี้ก็จะเฝ้ารอวันที่นายทักษิณแข็งแรง จะเข้าไปกราบและขอความรู้จากท่านที่เดินทางไปรอบโลก มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย จะได้นำมาปรับใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป" สส.เชียงราย พรรค พท.รายนี้กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางไปเชียงใหม่ของนายทักษิณครั้งนี้มี สส.และสมาชิกพรรค พท.อยากเดินทางไปพบเป็นจำนวนมาก แต่ได้มีการส่งสัญญาณมาว่าไม่อยากให้คนไปพบเยอะ เพราะไม่อยากให้เป็นประเด็น  และตอนนี้อยู่ในช่วงปลายสมัยประชุมสภาฯ อยากให้ สส.ทำหน้าที่ในสภา และดูแลพื้นที่ของตัวเองมากกว่า

วันเดียวกัน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า การที่นายทักษิณจะไปเชียงใหม่ อาจจะขัดกับที่คณะกรรมการพักโทษที่ออกมาระบุว่านายทักษิณป่วยจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สะท้อนให้เห็นว่านายทักษิณใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป  โดยต้องดูว่ากรมคุมประพฤติจะพิจารณาอย่างไรหลังจากนี้ เนื่องจากมีผลคาบเกี่ยวทางการเมือง เพราะมองว่าการเดินทางไป จ.เชียงใหม่เพื่อไหว้บรรพบุรุษเป็นเพียงข้ออ้าง

"ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลก็ลงพื้นที่เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองในการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายทักษิณเดินทางไปครั้งนี้เพื่อกระชับอำนาจของมวลชนคนเสื้อแดง เพราะมวลชนมีการออกมาขานรับว่าจะออกมาต้อนรับนายทักษิณเป็นอย่างดี กรมคุมประพฤติต้องควบคุมเรื่องนี้ให้ดี" นายพิชิตกล่าว

ถามถึงการลงพื้นที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  ที่ตรงกับการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ของนายทักษิณ มีนัยอะไรหรือไม่ แกนนำคปท.กล่าวว่า มองว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐ เพราะนายทักษิณเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ตั้งใจลงไปเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่ ทำให้มองว่าการพักโทษของนายทักษิณ เป็นการพักโทษที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองได้

"คปท.กำลังพิจารณายื่นอุทธรณ์การพักโทษไปยังคณะกรรมการการพักโทษ โดยขอดูก่อนว่าการที่นายทักษิณเดินทางไปในวันที่ 14 มี.ค. จะมีลักษณะอย่างไร หากการเดินทางเป็นไปตามปกติโดยไม่มีผู้อนุบาล ถือว่าการพักโทษครั้งนี้มีปัญหาแน่นอน คปท.จะรวบรวมหลักฐานต่อไป และยืนยันว่าจะยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง" แกนนำ คปท.กล่าว

ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "โรดโชว์การเมือง : พบมวลชนหรือพบญาตติ น.ช.ทักษิณใช้ 2 มาตรฐานตลอดการเป็นนักโทษ"  ตอนหนึ่งระบุว่า ต้องยอมรับความจริงว่านายทักษิณเป็นนักโทษไทยคนเดียวในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ได้รับสิทธิพิเศษ และได้รับการปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐาน เหนือนักโทษคนอื่นๆ ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการยุติธรรม จากหน่วยงานของรัฐอย่างน้อย 2 กรมที่สังกัดกระทรวงยุติธรรม คือ กรมราชทัณฑ์ ได้ปฏิบัติต่อคุณทักษิณเยี่ยงนักโทษเทวดา

 “ถ้าผู้รับผิดชอบหน่วยงานทั้งหมดนี้ ออกมายืนยันว่าคุณทักษิณได้ทำตามระเบียบและข้อกฎหมายทุกประการนั้น ก็อยากจะถามว่ามีนักโทษคนใดได้รับสิทธิ์เช่นเดียวกับคุณทักษิณบ้าง แม้แต่ผมเป็นนักโทษที่มีผู้คนในสังคมรู้จักมากพอสมควรคนหนึ่ง ยังไม่ได้รับสิทธิ์เช่นคุณทักษิณเลย นับประสาอะไรกับนักโทษทั่วไปที่เป็นลูกชาวบ้านคนธรรมดา จะได้รับสิทธิ์เช่นเดียวกับคุณทักษิณด้วย ขอความกรุณาอย่าแถ อย่าออกมาพูดแก้เกี้ยวแบบศรีธนญชัย เพื่อให้รอดพ้นจากข้อครหา และคำวิจารณ์ของสังคมอีกเลย” นายเทพไทระบุ

ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์  อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกายกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโรดโชว์ว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 103/7 ซึ่งเป็นมาตราที่ว่าด้วยเรื่องการประกาศราคากลางขึ้นเว็บไซต์ เพื่อเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วมประกวดราคา แต่รัฐบาลในสมัยนั้นมีการว่าจ้างเอกชนก่อนประกาศราคากลาง และศาลยังไม่มีคำวินิจฉัยเต็มที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าว

 “มาตรา 103/7 เป็นการตรากฎหมายขึ้นเพื่อให้ ป.ป.ช.และทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งต้องเปิดเผยราคากลางก่อน พร้อมนำข้อมูลขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบว่าเงินภาษีถูกนำไปใช้จ่ายเช่นใด และกำหนดราคากลางถูกต้องหรือไม่ ผมยืนยันว่ามาตรานี้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อน สส.ได้ตรากฎหมายให้ ป.ป.ช.ไปดำเนินการ และผมก็เป็นพยานในการฟ้องของ ป.ป.ช.ด้วย จึงอยากให้ ป.ป.ช.ทบทวนและตั้งหลักยื่นอุทธรณ์ต่อไป ทั้งนี้ เมื่อใดที่คำพิพากษาเต็มเกี่ยวกับคดีนี้ออกมาแล้ว หากพบว่ามีอะไรที่ผิดปกติ ผมจะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป” นายชาญชัยกล่าว.