ซักฟอก6เดือนรบ.ไร้นํ้ายา

ฝ่ายค้านลุยชำแหละ 6 เดือนรัฐบาลเศรษฐา นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริง ไร้ประสิทธิภาพเพิกเฉยต่อความเดือดร้อน ปชช. ขณะ "ชัยธวัช" ลั่นพร้อมตรวจการบ้านชุดใหญ่ อุบลากทักษิณเข้าวง บอกให้รอฟัง สภาอืดต่อเนื่อง กม.ควบคุมเหล้า รัฐบาลถ่วงเวลารอร่างฉบับ ครม.กมธ.การทหารฯ เงียบเป่าสาก ไม่แตะสอบ "จิรัฏฐ์" หนีทหาร โยนลูกคดีอยู่ที่ตำรวจ “วิโรจน์” ออกตัวแรงสุ่มเสี่ยง หากเข้าแทรกแซง “เรืองไกร” เขย่าหนัก ปูหญ้าหน้าทำเนียบฯ ลามนายกฯ ครม.หลุดเก้าอี้ทั้งยวง

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบผู้บริหารบริษัทเอกชนสำคัญของประเทศเยอรมนี โดยเวลา 08.45 น. (เวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน) นาย Thomas Schäfer, Member of the Board บริษัท Volkswagen Group และ CEO ของ Volkswagen Brand ผู้ผลิตยานพาหนะรายใหญ่ของโลก รวมทั้งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี โดยนายกฯ เชิญชวนบริษัทมาลงทุนในไทย long term investment

จากนั้น เวลา 09.10 น. (เวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน) ผู้บริหารบริษัท Infineon Technologies AG เป็นบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และติดอันดับ Top 10 ของโลก มีการดำเนินธุรกิจใน 25 ประเทศ มีลูกค้าหลักในกลุ่มยานยนต์ บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ สำหรับยานยนต์และระบบอุตสาหกรรม ระบบเซ็นเซอร์ คอมพิวเตอร์ ขนาดเล็กที่ใช้สำหรับควบคุมระบบ ปัจจุบันบริษัทนี้ใช้พลังงานสีเขียวในกระบวนการ

โดยนายกฯ กล่าวชื่นชมบริษัทที่ไม่ได้ลงเงินอย่างเดียว แต่เน้นการลงทุนใน research และ training ให้กับคนไทยด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีแนวโน้มจะลงทุนในไทยเพิ่ม และมีแผนร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัย เพื่อสร้างบัณฑิตใหม่ที่มีทักษะเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านโครงการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Co-op) โครงการ Sandbox และโครงการวิจัยร่วม

หลังจากนั้น เวลา 10.30 น. ณ STATION Berlin นายเศรษฐา กล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงรับรองประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเยอรมนี (German Association for Small and Medium-Sized Businesses : BVMW) โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองประจำปี และพบปะกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นเสมือนกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจเยอรมนี และนับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่าง SMEs ไทยและเยอรมนี นำเสนอศักยภาพของไทย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ SMEs เยอรมนีในการที่จะเข้ามาลงทุนในไทย

ลุยชำแหละ 6 เดือน

ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคใหม่, นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย, นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม และนายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยธวัชระบุใจความญัตติขออภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 มีเนื้อหาว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่มิได้ดำเนินการ หรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตนเองที่ได้ให้ไว้ต่อรัฐสภา ขาดประสิทธิภาพ หรือความชัดเจนแน่นอน ยังไม่ได้มีการขับเคลื่อนนโยบาย หรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

 “นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริงกับการดำเนินการของรัฐบาลตามนโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้สินในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานของประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาความเห็นที่ต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศล้วนขาดยุทธศาสตร์ และการปฏิบัติที่ตรงเป้าหมาย” นายชัยธวัชระบุ

นายชัยธวัชระบุด้วยว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรียังมีพฤติกรรมที่ทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเอารัดเอาเปรียบประชาชน ระบบราชการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือเกิดการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย แทนที่จะเร่งฟื้นฟูหลักนิติรัฐ นิติธรรม กลับเกิดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม ทำลายหลักความเสมอภาค เท่าเทียมทางกฎหมาย

อุบลาก "นายใหญ่” เข้าวง

นายชัยธวัชกล่าวว่า แน่นอนเราหวังว่าจะเป็นการตรวจการบ้านครั้งสำคัญ หลังจากที่ประชาชนคาดหวังมาก ว่าเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ หลังรัฐบาลจากการยึดอำนาจพ้นจากตำแหน่งแล้ว เมื่อเราเห็นว่า 6 เดือนที่ผ่านมา นโยบายของรัฐบาลไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน จึงหวังว่าการอภิปรายจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาส

นายชัยธวัชยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเต็มที่และมีกำลังใจ ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยึดศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล แต่ยิ่งต้องตั้งใจอย่างเต็มที่มากกว่าปกติ พร้อมย้ำว่า เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่น พรรคก้าวไกลเองเตรียมต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมาย

เมื่อถามถึงประเด็นที่จะอภิปราย นายชัยธวัชตอบเพียงว่า "รอฟัง ไม่เฉลยการบ้าน" ส่วนจะรวมเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นายชัยธวัชยืนยันว่า นโยบายเรือธงต่างๆ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องอภิปรายแน่นอน

เมื่อถามว่า จะรวมประเด็นของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่นั้น นายชัยธวัชย้ำว่า เดี๋ยวรอฟัง

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า หลังจากนี้จะจัดให้มีการประชุมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และตัวแทนรัฐบาล เพื่อกำหนดวันที่ชัดเจนและเวลาที่อภิปราย ซึ่งการดำเนินการจะมีเวลากำกับ คาดว่าคงดำเนินการเสร็จสิ้นภายในต้นเดือน เม.ย.

ส่วนจะการันตีได้หรือไม่ว่ารัฐบาลจะมาตอบการอภิปราย นายวันมูหะมัดนอร์ระบุว่า เท่าที่ทราบอย่างไม่เป็นทางการ ทาง รัฐบาลอยากจะใช้เวลาในช่วงต้นเดือน เม.ย.เพื่อจะอธิบายให้เสร็จสิ้นก่อนจะปิดสมัยประชุมสภา เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลจะมาตอบอภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภาอยู่แล้ว ในวันที่ 25 มี.ค.ที่จะถึงนี้

ด้านนายชัชวาลระบุว่า ในการอภิปรายเรามีหลายเรื่องที่จะเตือนสติรัฐบาล แต่หนึ่งในเรื่องสำคัญคือการชี้แนะรัฐบาลให้ทบทวนโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะจนถึงตอนนี้ยังตกลงไม่ได้ว่าจะดำเนินการแบบไหน อย่างไร อีกทั้งยังเสี่ยงขัดกฎหมาย เป็นภาระงบประมาณระยะยาว พรรคไทยสร้างไทยจะเรียกร้องผ่านการอภิปรายทั่วไป ให้เปลี่ยนจากการแจกเงินหมื่น มาแจกเครดิตให้ประชาชนตั้งตัวได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาส สร้างรายได้อย่างยั่งยืน

อืดยาว กม.คุมเหล้า

วันเดียวกัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่…) พ.ศ…..ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย อดีตประธานวิปรัฐบาล ซึ่งเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ภายหลังเข้ารับการรักษาอยู่กว่า 3 เดือน เนื่องจากป่วยด้วยโรคมะเร็ง ได้ลุกขึ้นอภิปรายด้วยว่า "ผมอดิศร เพียงเกษ กลับมาแล้วครับ" ท่ามกลางเพื่อนๆ สส.เข้าไปทักทาย พร้อมให้กำลังใจ  และถ่ายรูปเป็นระยะๆ

จากนั้นเวลา 14.30 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่กำลังเข้าสู่วาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน 3 ฉบับ เป็นฉบับของภาคประชาชน 2 ฉบับ และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล 1 ฉบับ  มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่วาระการประชุมดังกล่าว นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขานุการกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เสนอขอให้เลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวไปก่อน เพื่อรอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับ ครม.เข้ามาพิจารณาไปพร้อมกัน โดยนายอรรถกรกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้ง 3 ฉบับที่เข้าพิจารณาวันที่ 13มี.ค. บางฉบับตึงเกินไป บางฉบับหย่อนเกินไป ถ้ายืนยันพิจารณาวันนี้ อาจโหวตไม่รับทั้ง 3 ร่าง ขอให้รอร่างที่มีความเป็นกลางเข้ามา จะได้รับร่างทุกฉบับของภาคประชาชน นายเท่าพิภพและ ครม.พิจารณาไปพร้อมกัน เพื่อหาจุดลงตัวเชิงพาณิชย์กับสาธารณสุข

ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะเลขานุการกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสียเวลาไปแล้ว 60 วัน เพื่อส่งกลับไปให้รัฐบาลพิจารณาให้เกิดความรอบคอบ แต่ถึงเวลาร่างฉบับของ ครม.ก็ยังไม่เสร็จ เท่าที่เห็นเนื้อหาเบื้องต้นก็ไม่เห็นจะประนีประนอมอะไร ขณะนี้การพิจารณากฎหมายในสภาเหลือเวลา 2 สัปดาห์ อยากขอคำยืนยันจากรัฐบาล จะส่งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ ครม.เข้าสภาได้ทันวันที่ 27 มี.ค.หรือไม่ เพื่อพิจารณาทั้ง 4 ฉบับไปพร้อมกัน

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่าจะเร่งรัดให้เร็วที่สุด เพื่อส่งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ ครม.เข้าสภาให้ทันภายในวันที่ 27 มี.ค.นี้

กระทั่งในที่สุดฝ่ายค้านยินยอมให้เลื่อนวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกไป และนายพิเชษฐ์สั่งปิดประชุมในเวลา 14.45 น.

ร้องปูหญ้าหลุดเก้าอี้

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจับใบดำใบแดงของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ว่า ตนเองเข้าใจว่า ผู้บัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) มีการดำเนินคดีไปแล้ว อยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนเองเข้าใจว่ามีการเชิญตัวนายทหาร 5 คนที่ลงนามมาชี้แจง ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ก็คงอยู่ในกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 “เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่นายจิรัฏฐ์และ ผบ.นรด.ต้องรับผิดชอบและคงต้องขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ยุติ การดำเนินการของ กมธ.การทหาร สุ่มเสี่ยงมากๆ ว่าจะเข้าไปแทรกแซงอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเดาก็คงระมัดระวังให้ทุกอย่างเป็นไปตามข้อบังคับของ กมธ.” นายวิโรจน์ระบุ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีการยื่นตรวจสอบการใช้งบประมาณ ปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและปูหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า 138 ล้านบาท ว่า งบประมาณที่นำมาใช้ดำเนินการปรับปรุงทำเนียบฯ เป็นงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำปี 2567 ซึ่งถูกเสนอเข้าสู่ การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 มีทั้งหมด 12 รายการ โดยไม่เคยปรากฏอยู่ในปีงบประมาณ 2566 มาก่อน ดังนั้นหากจะนำเงินมาใช้ปรับปรุงทำเนียบฯ ต้องเป็นงบผูกพันในงบประมาณปี 2566 เท่านั้น จะนำมาใช้ไปพลางก่อนไม่ได้ เพราะเป็นรายจ่ายลงทุน ไม่ใช่รายจ่ายประจำ อย่างเงินเดือนข้าราชการ

“ดังนั้นการปลูกหญ้าหน้าทำเนียบฯ โดยใช้งบปี 2567 ล่วงหน้า จึงส่อว่าจะผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 141 และ 144 วรรค 3 ซึ่งหาก ครม.รู้แล้วไม่ระงับยับยั้ง ให้แจ้งเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบในทางลับ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยภายใน 15 วัน แม้จะโต้แย้งว่าการดำเนินการปรับปรุงในส่วนอื่นยังไม่เสร็จสิ้น แต่การปูหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าถือว่าเสร็จสิ้นเป็นที่ประจักษ์แล้ว” นายเรืองไกรกล่าว

 นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า วันนี้ตนเองได้เสนอคำแปรญัตติ ขอปรับลดงบประมาณทั้ง 12 รายการ จำนวน 138 ล้านบาท ออกจากงบประมาณรายจ่ายปี 2567 และจะอภิปรายในวาระ 2 และแม้ว่าจะได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร การดำเนินการปูหญ้าก็ยังถือว่ามีความผิด ตามมาตรา 144 อยู่ เพราะงบประมาณยังไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา และไม่มีที่มาของงบที่นำมาปรับปรุงทำเนียบฯ

 “หากการแปรญัตติเสนอขอปรับลดงบประมาณเสร็จสิ้นในวันนี้ (13 มี.ค.) ก็จะส่งเอกสารให้ ป.ป.ช.ทางไปรษณีย์ในวันที่ 14 มี.ค. เพื่อให้ทันต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2567 วาระ 2 วาระ 3 หากพบว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญจริงก็จะมีความผิดทั้ง ครม. ทำให้จะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ดังนั้นจะต้องรอดูว่าหญ้าจะเขียว หรือใครจะหน้าเขียวกันแน่” นายเรืองไกรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เศรษฐา’ ลุยสวน ชิมทุเรียน 3 สายพันธุ์

เมื่อเวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางด้วยรถยนต์อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ถึงสวนนวลทองจันทร์ ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการผลิตทุเรียนคุณภาพปลอดภัยมูลค่าสูง และรับฟังปัญหาจากเกษตรกร