ลั่นควง‘นช.ทักษิณ’ ‘เศรษฐา’ไม่แคร์จ่อลงพื้นที่คู่/รุมจวกต่างคนต่างอยู่

“เศรษฐา” แย้มมีโอกาสควง “ทักษิณ” ลงพื้นที่พบ ปชช. ไม่แคร์ถูกมองมีนายกฯ ซ้อน โวมีอำนาจตัดสินใจภายใต้ รธน.เต็มที่ "พิธา" ไม่เห็นด้วย "ทักษิณ" บอกวิกฤตหนักกว่าต้มยำกุ้ง หวั่นรัฐบาลจ่ายยาผิด เตือนอย่ามองแค่ GDP จนละเลยความเหลื่อมล้ำ "อมรัตน์" ฉะ "ทักษิณ" ลากประเทศถอยหลังเสร็จบอกขอความเห็นใจให้ต่างคนต่างอยู่ โฆษก ปชป.ยัน ปชช.ขัดแย้งกับการกระทำไม่ถูกต้อง ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่บริษัท อย่าทำตามอำเภอใจ "เทพไท" สวนกลับ ไม่ใช่เรื่องไม่ชอบหน้ากัน แต่เป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติรัฐ

ที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่รีสอร์ท วันที่ 17 มีนาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึง เป้าประสงค์การจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จังหวัดพะเยา ว่า ยังไม่มีอะไรพิเศษ เป็นการประชุม ครม.นอกสถานที่ธรรมดา และดูเรื่องของพื้นที่ โดยมีการลงพื้นที่เพื่อดูว่าทางพื้นที่มีความต้องการอะไร อย่างที่บอกเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะเดินทางลงพื้นที่ในทุกๆ ภาคและเวียนไปตามจังหวัดต่างๆ จากนี้ต่อไปจนถึงกลางเดือน พ.ค. ตนไม่มีกำหนดการที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศเลย ซึ่งจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์หน้าวันเสาร์ที่ 23 มี.ค. จะเดินทางไปจังหวัดพิจิตร และวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. จะไปโคราช ก็มีอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้เห็นภาพนายกฯ ลงพื้นที่คู่กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ เพราะเวลานายทักษิณลงพื้นที่ดูเหมือนประชาชนจะมาให้การต้อนรับ และปฏิเสธไม่ได้ว่านายทักษิณเป็นเนื้อหนึ่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐากล่าวว่า อ๋อ แน่นอน ท่านเป็นผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อไทยมา และเป็นจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยด้วย และเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความเป็นป๊อปปูลาร์สูงมาก ตนพูดไปหนที่ 10 แล้ว

 “ตรงนี้ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่ดึงท่านมาช่วยตรงนี้ประเทศไทยก็จะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ แต่ส่วนที่นัดกันไปหรือเปล่า ยังไม่ได้นัด แต่ถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้ไหม มีโอกาสอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ คนไหนก็ตามที อดีตนายกฯ คนไหนที่อยากจะลงพื้นที่ด้วยผมก็ยินดี” นายเศรษฐากล่าว

เมื่อถามว่าไม่สนคำพูดหรือสิ่งที่มองว่ามีนายกฯ ทับซ้อนใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เคยคิดเลย เราก็ทราบดีอยู่ว่าอดีตนายกหลายๆ ท่านมีความนิยมชมชอบสูง และเชื่ออย่างหนึ่งจะเป็นอดีตนายกฯ จากพรรคไหนก็ตามที ทุกท่านมีความหวังดีกับประเทศชาติ จะวิธีการคิดหรือนโยบายต่างๆ ก็มีความแตกต่างกันไป

 “วันนี้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงนี้ ผมก็ต้องบริหารความคาดหวังของพี่น้องประชาชนทุกคน อดีตนายกรัฐมนตรีก็เป็นหนึ่งในประชาชนคนหนึ่งเหมือนกัน ผมเชื่อว่ามีความหวังดี แต่ในส่วนที่มีความเป็นไปได้ในข้อแนะนำหรือเปล่า เราก็ต้องมาดูในการบริหารจัดการทางราชการ ดูในเรื่องของงบประมาณและความเหมาะสมที่จะถูกจับออกมา ไม่ได้คิดอะไรครับ ยินดีรับฟังเสมอ” นายกฯ กล่าว

ลั่นมีอำนาจเต็มตาม รธน.

เมื่อถามว่า นายกฯ คิดจะขจัดคำนี้หรือไม่ ที่ถูกมองว่ามีนายกฯ 2 คน นายเศรษฐากล่าวว่า “โอ๊ย ผมไม่มีความคิดที่จะขจัดหรอกครับ จะมี 2 คน 3 คน 4 คน 5 คน ผมไม่ได้ใส่ใจตรงนี้ มันไม่ได้เป็นคอร์รัปชัน หรือไร้ประสิทธิภาพในการทำงานที่มันต้องขจัด แต่เรื่องข้อวิจารณ์นี้ประเทศเราเป็นประเทศที่มีสิทธิเสรีภาพในการพูดได้ อยู่ภายใต้กฎหมาย ฉะนั้นตรงนี้ถ้าอยากจะพูดก็แสดงว่าเป็นข้อที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ หน้าที่ของผมก็ต้องตอบ และหน้าที่ผมก็ต้องบริหารราชการแผ่นดินต่อไปเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเดียว ไม่ได้เป็นการบั่นทอนกำลังใจเลย และไม่ได้รำคาญที่จะตอบด้วย“

เมื่อถามว่า แต่การวิจารณ์มองไปถึงอำนาจการตัดสินใจด้วย ตรงนี้ยังยืนยันหรือไม่ว่าอำนาจยังอยู่ที่ตัวนายกฯ นายเศรษฐากล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความมั่นใจว่า “ยืนยันครับ ผมนายเศรษฐา ทวีสิน คือนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ภายใต้รัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไปร่วมดินเนอร์กับนายทักษิณที่กรีนวัลเลย์อำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ มองว่าจะเป็นการหวนกลับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า พรรคการเมืองยังอีกนาน ก็เป็นการร่วม มีรัฐมนตรีก็ไปหลายท่าน ตนอยู่ในพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านนายกฯ ชวนไปก็เลยไป

เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวปรับ ครม.ที่พรรคเพื่อไทยอยากได้กระทรวงเกษตรฯ คืน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า การปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกฯ และโควตากระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นโควตาของ พปชร.

เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ในรอบนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.จะกลับมาหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ครับ ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐไม่มีเปลี่ยนแปลง

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตั้งแต่นายทักษิณได้รับการพักโทษมาพักรักษาตัวที่บ้านพัก ตนยังไม่มีโอกาสได้พบ จากการเห็นนายทักษิณกลับไปเยี่ยมบ้านที่ จ.เชียงใหม่ เห็นว่าร่างกายเริ่มฟื้นตัว หลังจากนี้จะสอบถามไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่านายทักษิณจะพร้อมให้เข้าพบหรือไม่ เพราะอยากเข้าไปเยี่ยมเยือนคนที่ตนเคารพนับถือ เป็นคนที่มีพระคุณตามวัฒนธรรมไทย เรื่องความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากเข้าไปคารวะ

ศก.ไม่วิกฤตอย่าจ่ายยาผิด

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นหลังนายทักษิณ ระบุว่า วิกฤตของประเทศไทยตอนนี้หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 จะเป็นตัวเร่งให้รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเร็วขึ้นหรือไม่ว่า คำว่าเศรษฐกิจไม่ดีมีหลายระดับ ตั้งแต่เศรษฐกิจซึม จนถึงเศรษฐกิจแบบวิกฤต จะมีนิยามออกมาว่าวิกฤตไหน GDP ต้องถอยเท่าไหร่ หรือ ค่าเงินต้องหายเท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเคยเล่าให้ฟังแล้ว ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีจริง โตช้าจริง ซึม และการฟื้นฟูหลังจากผ่านสถานการณ์โควิด ก็ยังช้าและแย่มากเป็นอันดับท้ายๆของโลก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาโครงสร้างทั้งหมด ไม่ใช่ว่าวิกฤตแล้วเศรษฐกิจหายไป 20% หรือตลาดหุ้นหายไปเกินครึ่งเหมือนตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือค่าเงินบาทปรับเป็น 50 บาทจาก 25 บาท

"ฉะนั้นตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกันแล้ว เราดันไปบอกว่าเหมือนกัน เราจ่ายยาผิดทันทีนะ คุณจะจ่ายยาผิด เพราะคุณวินิจฉัยอาการผิดตอนนี้เศรษฐกิจมันซึม แล้วมันซึมยาว ซึมยาวมาเป็นปี และซึมมาเป็น 10 ปี แต่ปัญหาโครงสร้างในการส่งออกยังเหมือนเดิม เรื่องเกี่ยวกับภาคการผลิตยังเหมือนเดิม"

นายพิธากล่าวต่อว่า ที่สำคัญที่สุดที่อยากจะชวนรัฐบาลหรือคุณทักษิณด้วย คือเวลาวัดเศรษฐกิจ ถ้าคุณวัดผิดก็จะเป็นเข็มทิศที่ผิด ถ้าคุณไปวัดแค่ GDP ว่าโตเท่าไหร่ มันไม่ได้วัดความเหลื่อมล้ำ จึงอยากขอให้ลองหาตัววัดเศรษฐกิจใหม่ๆ ในการดูแล เช่น การเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจตอนนี้เป็นอย่างไร หรือการวัดความร่ำรวยของประชาชน (GDP per capita) ไม่ได้ดูแค่ระดับประเทศ แต่ดูระดับในจังหวัด ก็จะทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น เพราะเราเชื่อว่าไม่ใช่เป็นการบริหารเศรษฐกิจแบบน้ำหยดอย่างที่เคยชิน แต่เป็นการบริหารเศรษฐกิจแบบฐานรากขึ้นมา จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตและเท่าเทียม

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายทักษิณให้สัมภาษณ์ว่าใครที่ไม่ชอบหน้า ขอให้ต่างคนต่างอยู่ โดยโพสต์แรกได้แชร์ข่าวพร้อมระบุว่า ดีลของคุณมันเห็นแก่ตัวเกินไป เมื่อเลือกที่จะเห็นแก่ได้จนกระทบความรู้สึกผู้คนทั้งสังคม ต่อมาได้โพสต์คลิปและข้อความอีกว่า เป็นคน "มาสว่างไปมืด" ไปเสียแล้ว ก็ควรน้อมรับเสียงก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์ แหงนหน้าก็อายฟ้า ก้มหน้าก็อายดิน และโพสต์สุดท้ายเป็นข้อความว่า "ลากประเทศถอยหลังเสร็จบอกขอความเห็นใจให้ต่างคนต่างอยู่"

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของนายทักษิณที่กล่าวว่า ถ้าไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่ ว่า หลักการสำคัญของเรื่องนี้คือการตรวจสอบท้วงติง การดำเนินการที่ไม่ชอบมาพากลของปลายทางกระบวนการยุติธรรม เพราะประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมาย ฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายมีความสำคัญ ไม่ได้มีการขัดแย้งกับนายทักษิณเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่การไม่ชอบหน้ากันแล้วมาสร้างเรื่องดรามาอย่างที่ให้สัมภาษณ์ แต่คนที่คิดเพื่อบ้านเมืองเขาขัดแย้งกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องต่างหาก

โต้ "ทักษิณ" เรื่องการบังคับใช้กม.

 “ถ้าต่างคนต่างเห็นด้วยกับความไม่ถูกต้อง เห็นด้วยกับการไม่เคารพหลักกฎหมาย แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ต้องมีการตรวจสอบท้วงติงตามครรลองในระบอบประชาธิปไตย ที่นี่ประเทศไทย ไม่ใช่บริษัทของนายทักษิณ อย่ามุ่งเห็นแต่อำนาจ นายทักษิณคงไม่ต้องกังวลอะไร เพราะคนที่ต้องตอบคำถาม ถูกตรวจสอบ คือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรมที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว และสุดท้ายรัฐบาลก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้” นายราเมศกล่าว และว่า ขอท้าว่าถ้าคิดว่ามีอำนาจในประเทศนี้แล้วจะทำอะไรก็ได้ ก็ให้ทำทุกอย่างไปให้สุด ไม่ต้องคิดว่าหลักการความถูกต้องเป็นอย่างไร

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้เฝ้าติดตามตรวจสอบอาการป่วยของนายทักษิณผ่านภาพข่าว ด้วยความห่วงใยของแต่ละวัน  ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ตื่นตี 4 เตรียมตัวไหว้ศาลหลักเมือง นั่งเครื่องบินเจ็ตลงสนามบินเชียงใหม่ เดินชมสวนพืชสวนโลก พบมวลปลูกต้นไม้ รดน้ำ ใช้มือปักป้ายด้วยตัวเอง ถ้าเป็นคนมือเส้นเอ็นมีปัญหา ก็ไม่สามารถใช้แรงปักป้ายได้ คนเพิ่งฟื้นจากการป่วยวิกฤต ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลียเลย ผิดธรรมชาติของคนฟื้นไข้ใหม่ๆ เป็นอย่างมาก

วันที่ 15 มีนาคม ตื่นตั้งแต่เช้าขึ้นดอยสุเทพ ได้พบมวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมากมาย จับมือถือแขน สวมกอดกันตามสบายเหมือนคนปกติทั่วไป ตอนเย็นถอดเฝือกอ่อนที่คอ พูดจา สนทนา หันซ้ายหันขวา พูดคุยกับคนรอบข้างอย่างคล่องแคล่ว ไม่เห็นร่องรอยอาการปวดคอใดๆ ทั้งสิ้น วันที่ 16 มีนาคม ออกจากบ้านตอนเช้า ถอดเฝือกคอทิ้ง ไม่ใส่เข็มขัดรัดเอว ไม่ใส่เป้สะพายคล้องแขน ดูนายทักษิณทะมัดทะแมง เดินเหินคล่องตัวมากที่สุด

"ขอทำความเข้าใจกับคุณทักษิณ ที่บอกว่า ถ้าใครไม่ชอบหน้า ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่นั้น ขอชี้แจงว่า สิ่งที่ผมวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องการไม่ชอบหน้ากัน แต่เป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมของบ้านเมือง ส่วนตัวผมกับคุณทักษิณไม่มีอะไรโกรธเคืองกันเลย ถ้าเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว “ต่างคนต่างอยู่” เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เมื่อเป็นเรื่องของส่วนรวม ผมมีส่วนได้เสีย ในฐานะนักโทษคนหนึ่งที่ไม่ได้รับสิทธิ์เท่ากับคุณทักษิณ จึงจำเป็นต้องวิพากษ์วิจารณ์ นำความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณชน” นายเทพไทกล่าว

 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ไม่เอาเพื่อไทย จะเอาใครมาสู้” ระบุว่า ก็เห็นพูดกันว่าก้าวไกลถูกยุบแน่ แล้วก็บอกว่ายิ่งยุบยิ่งโต เลือกตั้งครั้งหน้าชนะขาดลอย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแล้วจะเอาใครมาสู้กับก้าวไกลล่ะ หันไปมองภูมิใจไทยของเสี่ยหนู พลังประชารัฐของลุงป้อม รวมไทยสร้างชาติของน้าพีระพันธุ์ หรือ ประชาธิปัตย์ของเสี่ยต่อ ก็ไม่มีวี่แววอะไรเลยที่จะสู้กับเขาได้ แค่สู้กับตัวเองก็ยังลำบากเลย ก็เหลืออยู่แต่เพื่อไทยกับคุณทักษิณเท่านั้น ไม่เลือกเขา เราก็คงจะแพ้

ตกลงกลัวก้าวไกล ไม่เอาเพื่อไทย แล้วบ้านเมืองมันจะเดินไปอย่างไร หรือจะรอการปฏิวัติรัฐประหารอีก จะเอาอย่างนั้นหรือ ลองบอกมาหน่อยซิว่าถ้าไม่เอาเพื่อไทย ไม่เอาคุณทักษิณ จะเอาใครมาสู้ จะได้รู้กันไปเลย ก็เปิดหน้ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว เลิกได้ควรเลิก จบได้ควรจบ เรามาตั้งต้นกันใหม่ไม่ดีกว่าหรือ บ้านเมืองจะได้เดินหน้าต่อไป หรือจะรอให้ก้าวไกลชนะ ถึงเวลานั้นตัวใครตัวมันก็แล้วกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เริ่มฮั้วยึดเก้าอี้สว. กกต.จับตาพวกไร้คะแนน-ท็อปไฟว์/‘ทักษิณ’ส่ง‘สมชาย’ดันนั่งปธ.

ประเดิมสมัคร สว.วันแรก มีทั้งพื้นที่คึกคักและกร่อย สะพัด! กทม.เริ่มมีเรื่องฮั้ว รวมกลุ่ม “กกต.” จับตาพวกไร้คะแนนและบรรดาท็อปไฟว์

ขาสั่น 'เศรษฐา' รับกังวล ปมถูกยื่นถอดถอน

สาธารณรัฐอิตาลี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 40 วุฒิสมาชิก ยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วงกับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเป็น 50 ต่อ 50 หรือ 40 ต่อ 60 และเมื่อ