ขู่ก่อPM2.5บอยคอตสินค้า

งัดไม้แข็ง! "สุทิน" บิน   "กัมพูชา" เผยถกใน ครม.เตือนเผาก่อฝุ่นพีเอ็ม 2.5 จ่องัดมาตรการบอยคอตสินค้าเกษตร แต่ต้องห้ามคนไทยเผาให้ได้ก่อน ยัน "อิ๊งค์" ไปคุยผูกสัมพันธ์ อย่าวิตกโยงใยเรื่องพลังงาน-เกาะกูด ไม่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ ไม่เสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ชี้เขมรไม่เคยอ้างสิทธิ์เรื่องพื้นที่

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 ภายหลังการประชุมสภากลาโหม นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 16 ในวันศุกร์ที่ 22 มี.ค.นี้ว่า เป็นการหารือความร่วมมือในการพัฒนาชายแดนให้เกิดประโยชน์กับสองประเทศ และจะเป็นพูดคุยกันเรื่องปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก พีเอ็ม 2.5 การปราบปรามอาชญากรรมผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณตามแนวชายแดนทั้งสองฝั่ง อีกทั้งการร่วมกันเสริมสร้างเศรษฐกิจชายแดน

นายสุทินเผยว่า ปริมาณพีเอ็ม 2.5 ในประเทศช่วงคืนที่ผ่านมาเกิดจากการเผาในฝั่งประเทศกัมพูชาว่า ก็คงจะได้ขอความร่วมมือว่าอย่าเผา ในการประชุมคณะรัฐมนตรีมีการพูดกันในภาพรวมปัญหาว่าจะมีการเรื่องบอยคอตสินค้าเกษตรที่เกิดจากการเผา และจะไม่มีการรับซื้อ แต่มาตรการนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องทำในประเทศให้ได้ก่อน   เพราะมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศระบุไว้ว่า การจะบังคับกับชาติอื่น เราก็ต้องทำภายในประเทศก่อน ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดกำลังเร่งดำเนินการออกมา เมื่อมีผลบังคับห้ามเผาในส่วนของเราแล้ว ต่อไปก็จะบอยคอตได้    ไปกัมพูชาครั้งนี้ก็จะเตือนเขาว่าต้องปรับแก้นะ เราจะไม่อุดหนุนหรือซื้อสินค้าที่มาจากการเผา ถ้ากฎหมายเสร็จก็จะบังคับใช้ได้ทันที

ส่วนกรณีหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกลับจากกัมพูชาก็มีการเผาฝั่งกัมพูชาไล่หลัง   ไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาหารือกันใช่หรือไม่ รมว.กลาโหมตอบว่า เป็นการไปกระชับความสัมพันธ์ ไม่มีในวาระเรื่องอื่น ส่วนคนที่ถามหรือตั้งข้อสังเกตว่าจะไปคุยเรื่องเกาะกูดนั้น เป็นเรื่องของคณะกรรมการในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่กระทรวงกลาโหม 

 “พี่น้องคนไทยที่กังวล ก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งมีสิทธิ์ที่จะกังวลห่วงใยประเทศ ห่วงชายแดน เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ต้องขอบคุณแ ต่อยากจะให้สบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วงมาก อย่าวิตก เพราะเราได้คำนึงอยู่แล้วเรื่องที่เสียเปรียบต่างชาติ ไม่มีทาง อย่าว่าแต่ 1 หรือ 2 ตารางเมตร แค่ตารางนิ้วเดียวก็จะไม่เสีย ผมได้คุยกับกัมพูชาแบบทางการและไม่ทางการ ไม่มีหัวข้อดังกล่าวที่เขานำมาคุยเลย ไม่เคยอ้างสิทธิ์ และไม่เคยมาชี้ว่าตรงนั้นตรงนี้ ส่วนตรงไหนเป็นของเราก็เป็นไปอยู่แล้ว ก็ทำงานของเราไป ไม่ต้องวิตก เรื่องนี้ถ้าวิตกมากก็จะเป็นประเด็น ตนไม่หนักใจเลยว่าเขาจะมาชี้ว่าตรงนี้เป็นของเขา วันนี้ของเราที่มีอยู่เป็นของเรา 100% และไม่มีทางจะเสีย"

ส่วนนโยบายในเรื่องการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ทางทะเลระหว่างกัมพูชาและไทยนั้น นายสุทินกล่าวว่า ในส่วนนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายพลังงานดำเนินการ ทางกระทรวงกลาโหมไม่ได้ไปคิดเรื่องพลังงาน ส่วนการจัดสรรลำดับความสำคัญของรัฐบาลนั้น เรื่องนี้ยังไม่ทราบ ต้องถามฝ่ายเศรษฐกิจ แต่อะไรที่อยู่ในกรอบเศรษฐกิจและเป็นเรื่องปากท้องประชาชน หรือกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งมีทั้งเรื่องเกษตร เรื่องพลังงาน และหลายๆ เรื่อง

สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา จัดขึ้นที่โรงแรมการ์เด้นซิตี้ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกเตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธาน ร่วม ประเด็นหารือมุ่งเน้นการดําเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือชายแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความสงบเรียบร้อยและมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยและกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เมื่อถามว่า จะให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าปฐมนิเทศหลักสูตรมินิ วปอ. วันพรุ่งนี้อย่างไร นายสุทินกล่าวว่า ได้ให้กำลังใจในฐานะที่พรรคเดียวกัน ท่านเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานในพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระพรหม ซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่บริเวณด้านหลังตึก มาไว้ยังบริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการพรรค พปชร. ติดกับถนนรัชดาภิเษก เพื่อเสริมสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองให้แก่สมาชิกพรรค  บุคลากร พนักงาน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง และจุดยืนการเป็นพรรคอนุรักษนิยมทันสมัย โดยมีกรรมการบริหารพรรคและ สส.เข้าร่วมจำนวนมาก

โดย พล.อ.ประวิตรได้ถือฤกษ์เวลา 07.29 น. เริ่มพิธีบวงสรวงพระพรหม ลงไม้ศักดิ์สิทธิ์ ถวายพวงมาลัย จุดธูปและเทียน ปักธูปที่เครื่องสังเวย ตอกเครื่องมงคลที่ฐาน โดยมีพราหมณ์เป็นผู้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ จากนั้นเริ่มพิธีอัญเชิญพระพรหมไว้บนศาล ซึ่งภายในศาลประดิษฐาน ประกอบด้วย องค์พระพรหม 4 พระพักตร์ 8 กร ถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดในคติของศาสนาฮินดู เป็นเทพเจ้าแห่งความสร้างสรรค์ ความเมตตาเป็นพระผู้สร้างโลกและให้กำเนิดสิ่งต่างๆ โดยตลอดช่วงทำพิธีท้องฟ้าเปิด อากาศแจ่มใส และมีลมพัดเย็นตลอดช่วงทำพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอัญเชิญพระพรหมจากด้านหลังอาคารที่ทำการพรรคมายังบริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการพรรคครั้งนี้ เป็นการปรับฮวงจุ้ยยุค 9 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2567 ถึงปี 2586 โดยยุค 9 คือ ธาตุไฟ โดยอัตลักษณ์ของธาตุไฟคือ แสงสว่าง ความสว่างไสว ความร้อน ความรู้ใหม่ ความฉลาด ความกระจ่าง ขณะที่ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐ เคยปรับฮวงจุ้ยยุค 8 มาแล้วไปเมื่อปี 2563 โดยเป็นการสร้างศาลพระพรหมเอาไว้ที่บริเวณด้านหลังอาคารที่ทำการพรรค กระทั่งมีการย้ายมาอยู่ด้านหน้าในครั้งนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 70 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในวันเดียวกันนี้ว่า ได้กราบอวยพรขอให้ท่านแข็งแรง และ พล.อ.ประยุทธ์ให้พรกลับมา ให้ทำงานประสบความสำเร็จ โดย พล.อ.ประยุทธ์ดูสดใส แข็งแรง ดูฟิต ใจดี 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านฝากอะไรถึงบ้านเมืองหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ท่านเป็นห่วงตามความเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ตนก็เล่าให้ท่านฟังว่าการทำงานในรัฐบาลชุดนี้ราบรื่นดี ทุกพรรคร่วมรัฐบาลรักกันดี นายกฯ ก็ทำงานสอดคล้องกัน

ด้านนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม  สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการประชุมวุฒิสภาวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม ที่จะมีการอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ว่า การอภิปรายครั้งนี้ที่มีการแบ่งประเด็นการอภิปรายเป็น 7 หัวข้อ ซึ่งในหัวข้อ ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทาง สว.จะมีการอภิปรายแน่นอน เพราะเรื่องของกระบวนการยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย เป็นประเด็นปัญหาระดับชาติ ที่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ความเท่าเทียม-เสมอภาค ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ในการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมา สว.มีการศึกษาติดตามเรื่องกระบวนการยุติธรรมมาตลอด และเมื่อตอนนี้มีเคสตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง กับกรณีที่ประชาชนมีข้อสงสัยว่าหลักการทางกฎหมายที่ประเทศเราวางไว้ ที่อยากให้กระบวนการยุติธรรมเป็นของประชาชนโดยแท้จริง คือต้องไม่ใช่เครื่องมือพันธนาการที่ให้รัฐบังคับใช้อย่างเลือกปฏิบัติ แต่ต้องมีความรวดเร็ว ทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรมกับทุกคน เป็นเครื่องมือที่จะทำให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นกระบวนการยุติธรรมของประชาชน

 “เมื่อเกิดกรณีของนายทักษิณ ที่เป็นกรณีซึ่งมีการพูดถึงและตั้งคำถามจากประชาชน เรื่องนี้จึงมีประเด็นอยู่ ในแง่เรื่องของกฎ กติกา กฎหมาย มีการบังคับใช้เหมือนกันหรือไม่ ที่เป็นประเด็นใหญ่ที่สุด” นายดิเรกฤทธิ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง