วัดใจสอบ2นายพลฉาว ‘วินัย’ลั่นทำความจริงปรากฏ นายกฯไม่รับปากได้กลับตร.

"นายกฯ" ขอตำรวจรักสามัคคี ยึด ปชช.เป็นที่ตั้ง รับสั่งเด้ง "ผบ.ตร.-บิ๊กโจ๊ก" ลำบากใจแต่ต้องทำ  วอนจบดรามาไม่อยากให้แตกแยก ไม่รับปาก 60 วันได้กลับคืน ตร. "2 นายพล" รายงานตัว สปน. "บิ๊กต่อ" ยันไม่เครียด ชี้โรงละครเลิกเก็บฉากหอบเสื่อกลับบ้าน "โจ๊ก" ยิ้มรับกลับบ้านเก่าเคยอยู่มา 2 ปี ปัดไม่ใช่เด็กบ้านจันทร์ส่องหล้า "วินัย" ขอเชื่อมั่นสอบปมร้อนสีกากี มั่นใจทำความจริงปรากฏไม่ช่วยเหลือใคร ลั่นใครทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว "บิ๊กต่าย" รอผล กก.สอบข้อเท็จจริงเดินหน้าคดีเว็บพนัน BNKMaster

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 21 มี.ค. เวลา 07.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการทั่วประเทศในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.  ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอต้อนรับ  ภายหลังจากเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา นายกฯ ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อสุรเชษฐ์ หักพาล  รอง ผบ.ตร. มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี

นายเศรษฐามอบนโยบายในช่วงท้ายระบุว่า ประเด็นสุดท้ายขอให้พวกเรากันเองมีความสามัคคี ทุกคนก็เป็นคน มีการรักชอบใคร วันนี้เชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าใจถึงปัญหาเรื่องนี้กันดี ที่เกิดขึ้นเรื่องการสามัคคีเลือกข้าง ใครเป็นลูกน้องใคร ตนเชื่อว่าเราเก็บความรักไว้ในใจตัวเองดีกว่า วันนี้ให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด

 “เรื่องคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์เมื่อวานนี้ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรามีคณะกรรมการแล้ว 3 ท่าน หลังจากที่มีผลสรุปแล้วก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะตัวของผมเองก็ยืนยันไม่ได้ฝักใฝ่ข้างใด เราอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ถ้าเราอยู่ตรงนี้ได้เราก็ดูแลพี่น้องต่อไปได้ องค์กรตำรวจแห่งชาติก็ได้ทำงานได้อย่างสมศักดิ์์ศรี” นายกฯ กล่าว

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังการมอบนโยบายว่า ชัดเจนแล้วว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ไม่อยากให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทุกท่านไปฝักใฝ่กับเรื่องนี้ เรามีภารกิจใหญ่คือการดูแลพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ซึ่งทุกคนก็ทราบดีแล้วว่าเรามีงานหลายด้าน ในเรื่องของความสมัครสมานสามัคคี เรื่องนี้ไม่ต้องไปฝักใฝ่กับคนใดคนหนึ่ง ขอให้เราเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง

ถามถึงการตั้ง 3 คณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ จะมีผลเกี่ยวข้องกับวินัยหรือบทลงโทษที่จะตามมาภายหลังหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ทุกอย่างเรายึดตามกระบวนการยุติธรรม ตามกฎหมาย ชุดนี้เป็นคณะกรรมการเพื่อสืบหาความจริงก่อน ต้องดูว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะทั้ง 2 ท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ก็ต้องให้ให้เกียรติทั้ง 2 ท่านด้วย ซึ่งกรอบระยะเวลาก็ต้องให้เร็วที่สุด ตนไม่แน่ใจว่า 60 วัน แต่ถ้าเร็วกว่านั้นได้ก็ดี เพราะเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ท่านด้วย

"เรื่องดรามาต่างๆ มันจบไปแล้ว ก็ให้กระบวนการยุติธรรม ซึ่งมันได้เดินหน้าของมันไปแล้ว และน่าจะปราศจากการแทรกแซงด้วย ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย ถ้าเรามัวแต่มาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พี่น้องประชาชนจะเดือดร้อน ทุกท่านเองก็จะไม่โฟกัสในการทำงาน" นายเศรษฐากล่าว

ถามว่า ยากหรือไม่ในการตัดสินใจครั้งนี้ ที่ต้องเซ็นให้ ผบ.ตร.ไปช่วยราชการ นายกฯ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ยากครับ ลำบากใจและไม่สบายใจ แต่ต้องทำครับ“

เมื่อถามว่า มูลเหตุนอกจากเรื่องของความขัดแย้งแล้วมีอย่างอื่นแทรกซ้อนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเราพูดกันเยอะมากพอแล้ว และส่วนตัวก็ได้ให้ความกระจ่างกับเรื่องนี้ไปเยอะแล้วเหมือนกัน และพอแล้ว ไม่อยากกลับไปพูดอีก และเชื่อว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้ว

ซักว่ามองอย่างไรที่มีการเด้งตำรวจใหญ่ทั้ง 2 คนพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ได้มองอย่างไร แต่ละเหตุการณ์ก็มีตัวแปรที่แตกต่างกันไป แต่ละคนก็มีหน้าที่ แต่ละผู้นำก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป บริบทต่างๆ ก็ต่างกันไปเช่นกัน รวมทั้งปัญหา เพราะแต่ละยุคแต่ละสมัยปัญหาก็เปลี่ยนไป อย่างเช่นการพนันออนไลน์ เมื่อก่อนก็ไม่มี เดี๋ยวนี้ก็แพร่หลายอย่างมาก

"วันนี้เราเอาเรื่องของประชาชนเป็นหลักดีกว่า และให้กำลังใจกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ปฏิบัติหน้าที่ของเขาอย่างสมเกียรติก็แล้วกัน ส่วนเรื่องคดีความ เมื่อจบไปแล้ว เดี๋ยวท่านก็กลับมาใหม่ อย่าเพิ่งไปทำให้เกิดความแตกแยกเลย อย่าให้เกิดรอยร้าวทางจิตใจดีกว่า  วันนี้เรามาทำงานกันดีกว่า เพราะส่วนตัวเชื่อว่าทุกท่านอยากให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า และประชาชนมีความสุข" นายเศรษฐากล่าว

ไม่รับปาก 60 วันได้กลับ ตร.

ถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่านายตำรวจทั้ง 2 ท่านจะกลับมาภายใน 60 วันถ้าผลสอบเสร็จ นายกฯ กล่าวสวนทันทีว่า “ผมยืนยันอะไรไม่ได้ ถ้ายืนยันได้คงไม่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ก็ต้องรอให้คณะกรรมการท่านได้ดูก่อน สืบหาความจริงทั้ง 2 ท่านก่อน แต่ถ้าเดินหน้าไปแล้ว 30 วัน 60 วัน ถ้าเกิดพิสูจน์แล้วไม่มีปัญหาก็กลับมาใหม่ อย่างที่ผมได้พูดไปแล้วชัดเจน พูดไป 3 หนแล้วว่าถ้าเกิดไม่มีปัญหาก็กลับมาใหม่ เพราะท่านเองท่านไม่ได้ถูกลงโทษ"

ซักว่าจะไม่ถึงขั้นเลวร้ายถึงขั้นต้องเกษียณกันไปข้างหนึ่งใช่หรือไม่ นายกฯย้ำว่า ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับการที่คณะกรรมการฯ จะได้พิสูจน์ทราบว่าผลของการพิสูจน์เป็นอย่างไร ตนถึงได้บอกและย้ำว่า ขอทุกท่านอย่าไปคิดล่วงหน้าว่าถ้าเกิดเป็นอย่างนั้น แล้วจะต้องเป็นอย่างนี้ ขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ ด้วยความยุติธรรมดีกว่า และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายดีกว่า

ถามว่า ในอดีตเคยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในลักษณะนี้ แต่ปรากฏว่ากลับต้องมาใช้คำสั่งของคณะกรรมการของ ตร. เป็นผู้พิจารณาใหม่ นายเศรษฐากล่าวย้อนว่า “สื่อใช้คำถูกแล้วว่าเป็นเรื่องในอดีต แต่อันนี้มันปัจจุบันครับ ผู้นำก็คนละคน”

ขณะที่สำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี เวลา 09.40 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวกับนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกฯ จากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทางมาที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ในเวลา 09.55 น. เพื่อรายงานตัวเช่นกัน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่สังเกตได้ว่าตาทั้งสองข้างแดงบวมไม่เท่ากัน โดยทั้งสองคนใช้เวลารายงานตัวนานกว่า 50 นาที​

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสา ซึ่งตนทำอยู่แล้ว รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลการชุมนุมต่างๆ เนื่องจากเราเป็น ผบ.ตร.มา ซึ่งตนจะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่

ถามว่า นายกฯ มอบนโยบายไม่ให้มีการแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราออกมาแล้วทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น มันไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง ตนพยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่งว่าเราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่มันออกมาในลักษณะนี้ นายกฯ จึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ และตนเชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน นายกฯ ทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง ตนรับและยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารตนก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียดหรืออะไร

"ผมยอมรับเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ มันเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ ยอมรับสภาพ ผมรู้ ผมก็คาใจอยู่ ยังบอกกับบิ๊กโจ๊กว่าเราไม่ได้นั่งคุยกัน ผมพยายามทำสภากาแฟให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่ใช่เจ้านายไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าว

ถามว่า จำเป็นจะต้องมีการทำเอกสารชี้แจงคณะกรรมการฯ ที่ตั้งขึ้นมาสอบเรื่องนี้หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า  ถ้ามีการเรียกก็พร้อมที่จะยื่นเอกสาร

2 นายพลรายงานตัว สปน.

 “วันนี้พี่ถอดหัวโขนอยู่แค่ตำแหน่ง ผบ.ตร. หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก พี่มานั่งที่นี่ ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเราก็เท่านั่น ชีวิตเรามีเท่านี้ คุณจะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อกเพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกฯ จะเรียกเข้าพบด้วย รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว" ผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า ที่โดนเด้งครั้งนี้เป็นเพราะเราจัดการเรื่องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อ​ศักดิ์​กล่าวว่า" ใช่” พร้อมยกนิ้วโป้งขึ้น  

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คุ้นเคยกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รู้ห้องทั้งหมดเหมือนกลับบ้านเก่า เพราะเคยอยู่ที่นี่มาสองปีก่อนหน้านี้ การมาครั้งนี้ไม่กดดัน ทราบว่าเขาเตรียมห้องทำงานไว้ให้แล้ว มีงานอะไรเราก็ทำ ไม่ได้กังวลถึงตำแหน่งในอนาคต เราเป็นข้าราชการ ได้รับมอบหมายอะไรให้ทำ เราก็ต้องทำ และทำให้ดีที่สุด

ถามว่า จากนี้ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่มีอีกแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ก็ต้องยุติ ต้องไม่มีใครขัดแย้งกับใคร เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้ยุติความขัดแย้งที่มีก่อนหน้านี้หรือไม่  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องยุติ ต้องไม่มีความขัดแย้งในองค์กร ต้องเดินหน้าทำงานให้ประชาชน และตนไม่ห่วงงานที่ค้างอยู่ เชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ได้ ซึ่งรักษาการ ผบ.ตร.จะมีการมอบหมายงาน

เมื่อถามว่า เรื่องที่มีการฟ้องร้องระหว่างกันก่อนหน้านี้จะยุติหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เดี๋ยว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์คงนัดคุย มันต้องเริ่มกันใหม่ เพราะคดีความมีหลายส่วน ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอะไร

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไปใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้เหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ว่า ไม่เกี่ยว ที่ตนไป จ.เชียงใหม่ คือไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ เพราะนายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น และการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการแก้ปัญหาของนายกฯ เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน

ถามว่า หลายคนมองว่าเป็นสายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีสายไหน เป็น รอง ผบ.ตร. ตอนนี้เขาให้มาช่วยราชการที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ ก็มา

ผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่า โจ๊กชีวิตที่สิบ สิบเอ็ดมาแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์พยักหน้าทวนคำผู้สี่อข่าวว่า มาอีกแล้ว มาแล้ว และยิ้มพร้อมกล่าวอีกว่า ไม่มีอะไรหรอก ทำหน้าที่ปกติ เขาให้โอกาสทำงานก็มาทำงาน เมื่อถามย้ำว่ารอบนี้จะ Never die หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ ได้รับการมอบหมายให้ไปทำงานที่ไหนก็ต้องไป เราต้องมีวินัย โดยต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความมั่นใจ ศรัทธา คลายทุกข์เขาให้ได้

ย้ำว่ามั่นใจจะได้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้เลย อยู่ที่นายกฯ เขาให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น สบายใจ ทุกที่มีงานให้ทำหมด เขาให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

วันเดียวกัน พล.ต.อ.วินัย ทองสอง กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่นายกฯ แต่งตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบความขัดแย้งบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้จะทำความจริงให้ปรากฏว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างไร ใครทำผิดต้องได้รับผิด ใครทำถูกก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ ใครทำกรรมดีก็ต้องได้รับกรรมดี ใครทำชั่วก็ต้องได้รับกรรมชั่ว จะไม่มีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายรังแกหรือช่วยเหลือผู้ใด รวมไปถึงถ้าประชาชนท่านใดมีเบาะแสหรือข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังตรวจสอบขอให้นำข้อมูลข่าวสารมาพบคณะกรรมการฯ ได้

พล.ต.อ.วินัยกล่าวถึงระยะเวลาการตรวจสอบว่า ตามคำสั่งให้ระยะเวลา 60 วัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และยาว คณะกรรมการฯ จึงต้องพยายามทำงานให้รวดเร็วและรายงานการตรวจสอบให้นายกฯ ทราบเป็นระยะ พร้อมเก็บข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นนำเสนอ

"เรื่องดังกล่าวต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เราจึงมีการขอแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบข้อมูลส่วนใดบ้าง เบื้องต้นคณะกรรมการฯ จะต้องพยายามทำให้ทันภายใน 60 วัน แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องขยายระยะเวลา ซึ่งวันนี้เริ่มทำแล้ว แต่จะตรวจสอบทันก่อนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เกษียณหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ วันนี้ข้อมูลต่างๆ เดินทางมาจนสุดแล้ว ฉะนั้นการดึงข้อเท็จจริงออกมา คิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องยากของคณะกรรมการฯ" พล.ต.อ.วินัยกล่าว

กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ระบุว่า คณะกรรมการฯ ที่จัดตั้งขึ้นครั้งนี้ มีลักษณะการทำงานเหมือนชุดกรรมการพิเศษ ที่นำโดยนายวิชา มหาคุณ ศาสตราจารย์พิเศษสอบเรื่องเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือคดีบอส โดยสุดท้ายมีผลการตรวจสอบ สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้

 เมื่อถามถึงกรณีที่นายพลทั้ง 2 ท่านออกมาแถลงว่าจะมีการปรองดองยุติข้อขัดแย้ง จะมีผลต่อการสอบหรือไม่ พล.ต.อ.วินัยกล่าวว่า ไม่มีผลใดๆ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู เมื่อถามถึงผลการตรวจค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ใช้กรรมการชุดเดียวกันนี้ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ได้ทำการเสนอนายกฯ ไปแล้วว่าการใช้กำลังคน การใช้วิธีควรระมัดระวัง แต่ทั้งนี้การเข้าค้นบ้านของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นไปตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงโอกาสการเป็น ผบ.ตร.ในอนาคตว่า อย่าไปคิดถึงขนาดนั้น ตนไม่เคยคาดหวังหรือมองไปอนาคตถึงขนาดนั้น เราอยู่กับปัจจุบัน แต่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดตามที่ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมาย

ถามว่า ในส่วนคดีสำคัญเช่นคดีเว็บไซต์พนัน BNKMaster จะทำอย่างไรต่อไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ ที่รับผิดชอบอยู่แล้วเป็นผู้พิจารณาและมีความเห็นเสนอมาก่อน.   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' จ่อเคลียร์ใจ 'ปานปรีย์' ชวนนั่งกุนซือพรรค ไม่รู้ 'นพดล' เสียบแทน

'เลขาฯ เพื่อไทย' รับต้องคุย 'ปานปรีย์' หลังไขก๊อกพ้น รมว.ต่างประเทศ แย้มชงนั่งที่ปรึกษาพรรค มั่นใจไม่เกิดแรงกระเพื่อม ปัดวางตัว 'นพดล' เสียบแทน ชี้ 'ชลน่าน-ไชยา' หน้าที่หลักยังเป็น สส.

พท. จัดใหญ่! '10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10' ตีปี๊บผลงาน 'รัฐบาลเศรษฐา'

'เพื่อไทย' เตรียมจัดงาน '10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10' สรุปผลงาน 'รัฐบาลเศรษฐา' 3 พ.ค.นี้ เดินหน้าเติมนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน พร้อมเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.

‘เศรษฐา’ แจงยิบปรับครม. ขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ทำให้ไม่สบายใจ บอกมีคนแทนในใจแล้ว

‘เศรษฐา’ เผย ส่งข้อความผ่านกลุ่มงานต่างประเทศขอโทษ ‘ปานปรีย์’ ถ้าทำให้ไม่สบายใจ บอกได้คุยกันก่อนปรับ ครม.แล้ว ชี้มีทั้งคนสมหวัง-ผิดหวัง พร้อมรับผิดชอบ แย้มมองหาคนใหม่ตั้งแต่เมื่อคืน ดีกรี การทูต-การเมือง ทำงานเบื้องหลัง’เพื่อไทย’ มานาน