ทนายตั้มลุยต่อ ฟ้องบิ๊กต่อ-เมีย ข้อหา‘ฟอกเงิน’

“ษิทรา” ยอมรับไม่ใช่คนดี   100% แต่จะทำให้ลูกภูมิใจ หอบเอกสารเรื่องส่วยเข้า บก.ปปป.อีก 175 รายการ  โดยเฉพาะเส้นทางการเงินตั้งแต่ยศ พล.ต.อ.-ชั้นประทวน ดีเดย์ 1 เม.ย.ฟ้อง “บิ๊กต่อพร้อมภรรยา” อีกดอก “สุรเชษฐ์”  บอกไม่รู้เรื่องทนายตั้ม

เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2567 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด  หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาแฉเส้นเงินของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนายษิทราโพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่ใช่คนดี 100% มีขาว มีดำ มีเทา เหมือนกับทุกคนบนโลกใบนี้ แต่ดรามาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้เรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่สมควรทำ อะไรที่ดีกับประเทศชาติบ้านเมือง อยากส่องกระจกแล้วภาคภูมิใจในตัวเอง อยากให้ลูกภูมิใจ พวกคุณไม่ชอบตนเองไม่เป็นไร แต่ขอให้ติดตามดูความเปลี่ยนแปลงกันต่อไป

ต่อมาที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายษิทราเข้าให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวน พร้อมเอกสารหลักฐานเรื่องส่วยรวม 175 รายการ โดยก่อนให้ปากคำนายษิทราระบุว่า มาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยได้นัดหมายกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ซึ่งการให้ปากคำจะเกี่ยวกับหลักฐานที่เคยยื่น และมาให้การเพิ่มเติม รวมทั้งให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ได้ระบุอย่างละเอียดในคำให้การ และให้ตรวจสอบหลักฐานการโอนเงินว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับไหนบ้าง ตั้งแต่ระดับชั้น พ.ต.อ. ชั้นประทวน ไปจนถึงระดับชั้น พล.ต.อ. นอกจากนี้ ในวันที่ 1 เม.ย. จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ภรรยา ของ ผบ.ตร. และบัญชีม้า 2 ราย ที่ สน.เตาปูน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินตามที่เคยนัดหมายไว้

ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอเสียงสนทนาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายซึ่งได้โพสต์ลงเพจนั้น นายษิทราระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค.2565 และเป็นการพูดคุยกันของชุดทีมแม่บ้านตำรวจคอมมานโด และตำรวจ ปคม. ในการเก็บส่วยคาราโอเกะย่านลาดพร้าว ซึ่งปกติทาง ปคม.เก็บอยู่แล้ว อัตราร้านละ 1,000 บาท 3 ร้านก็ 3,000 บาท แต่ภายหลังมีตั๋วคอมมานโดเพิ่มเข้ามา ขอให้เก็บอย่างน้อยร้านละ 500 บาท รวมเป็น 4,500 บาทต่อร้าน

สำหรับประเด็นให้การกับพนักงานสอบสวนนั้น นายษิทราระบุว่า เกิดขึ้นมาจากบัญชีม้าของ น.ส.พิมพ์พิไล ที่ถูกจับกุมในคดีเว็บพนัน BNK Master และเว็บพนัน VENUS Master รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับดาบยาว หรือ ด.ต.อภิชาติ สุวรรณเพ็ชร สังกัด กก.1 บก.สอท.2 และรองฟาง หรือ พ.ต.ท.สุรกุล ธัญสิริดำรง รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.2 สองตำรวจไซเบอร์ ลูกน้องคนสนิทของ ผบ.ตร. ที่ได้เคยเผยแพร่ไว้ วันนี้มาให้การเพื่อไปสู่การตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินและเลขบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ปรากฏในรูปของสำนวนคดี

เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้สั่งทีมกฎหมายถอนแจ้งความหมิ่นประมาทฯ มองอย่างไรนั้น นายษิทราระบุว่า พวกเขาคงกังวลว่าจะไปเรียกเอกสารสำคัญอะไรมา ก็เลยไปถอนฟ้อง ทำให้ไม่สามารถเรียกเอกสารอะไรโดยใช้หมายศาลได้ แต่ไม่เป็นไร ได้ระบุกับตำรวจไปแล้วว่าจะมีการเรียกทุกอย่างที่ได้มีการขอไป ซึ่งการไปถอนฟ้องของคู่กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้ไปขอให้เขาถอนฟ้อง มันไม่เกี่ยวกับการต่อรองอะไรกัน ดังนั้นการที่เขามาฟ้องเองแล้วถอนฟ้องเองก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราก็จะดำเนินการต่อไป

“ต้องเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจัดการ อย่านิ่งเฉย เพราะทุกคนรู้เรื่องกันหมด เพราะเป็นผู้นำรัฐบาล แต่ไม่คิดมาแก้ไขอะไรเลย ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีดีลลับ รับรองเลยว่าที่นัดหมายทุกคนไว้ว่าพรุ่งนี้จะแจ้งความก็จะไปแจ้งตามเดิม ถ้ามีดีลลับคงไม่ไปแจ้งความ” นายษิทรากล่าว และว่า นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ประสานมาขอหลักฐานเผื่อช่วยอะไรได้ ซึ่งเห็นถึงความตั้งใจของผู้นำฝ่ายค้านฯ ซึ่งในวันที่ 1 เม.ย. จะไปพบนายชัยธวัชที่รัฐสภา เพื่อให้ท่านดูหลักฐานต่างๆ ส่วนมันจะไปเชื่อมโยงกับการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในวันที่ 3-4 เม.ย.นี้หรือไม่นั้น ไม่ทราบ

ด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.นั้น เมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 มี.ค. ที่โรงเรียนวิเชียรชม ต. บ่อยาง อ.เมืองฯ จ.สงขลา มีการจัดงานเพชรคืนถิ่น ครั้งที่ 1 กิจกรรมรวมใจเป็นหนึ่ง คนใต้ไม่ทิ้งกัน โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทางมาเป็นประธานพิธี ซึ่งภายในงานมีพี่น้องทั้งศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงพี่น้องชาวปักษ์ใต้มาร่วมให้กำลังใจบิ๊กโจ๊กกันเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงเรื่องหมายเรียกครั้งที่ 3 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ว่าไปตามกฎหมาย มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ก็ให้กระบวนการยุติธรรมทำงาน และเมื่อถามถึงกรณีทนายตั้ม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่า ไม่รู้เรื่องเลย เป็นเรื่องของเขาเอง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ตอนหนึ่งว่า นายเศรษฐาแสดงออกมาชัดเจนว่าหมดสภาพกับการแก้ไขปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างการเปิดศึกกันของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กรณีแบ่งฝ่ายตอบโต้กล่าวหาพัวพันส่วยบ่อนพนันออนไลน์ ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหายังลุกลามไปถึงเงินบริจาคทำบุญให้กับวัดอีกด้วย ส่วนใครจะขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่นั้น ขึ้นอยู่กับความร้อนแรงของสถานการณ์ แต่คนที่คาดว่าจะได้ยังไม่ชัดเจน

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงนโยบายเดินหน้าปราบเว็บพนันออนไลน์ว่า นายประเสริฐ  จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้ความสำคัญในการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้ง และปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1 ต.ค.2566-5 มี.ค.2567 ทำการระงับข้อมูลที่ไม่เหมาะสมทุกประเภทไปแล้วจำนวน 60,681 รายการ โดยปิดกั้นเว็บไซต์เกี่ยวกับพนันออนไลน์ 25,571 รายการ เพิ่มขึ้น 13 เท่าตัวจาก 2,059 เว็บ ในช่วงเวลาเดียวกันปี 2566.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง