แมลงวันVSแมลงหวี่ เปิดฉากถล่ม‘รบ.เพื่อใคร’สอนนายกฯหัดบินเหมือนเหยี่ยว

เปิดซักฟอกรัฐบาล ม.152  วันแรก "ชัยธวัช" ซัด "นายกฯ" ไร้ภาวะผู้นำ ออกนโยบายสับสนทำ ปชช.ไร้ศรัทธา   พาประชาธิปไตยไหลย้อนกลับ ย่ำยีนิติธรรมไม่ต่างจากรัฐประหาร "จุรินทร์"  ซ้ำอีกดาบ ตีหน้าซื่อกลางแดด ใช้งบฯ  ล่วงหน้ากลับบอกไม่ได้ใช้ เปรียบ "เศรษฐา" แมลงวันบินอีเวนต์แต่พลาดเป้า   อัดเอื้อนักโทษเทวดาสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน "ทวี" โยนรัฐบาลเก่าเปิดทาง "ทักษิณ" ฉุนหาติดคุกทิพย์ คำเลวร้ายมาก "เสี่ยนิด" เย้ยคืน "อู๊ดด้า" ฝ่ายค้านอย่าทำตัวเป็นแมลงหวี่จ้องขอเข้าร่วมรัฐบาล "ศิริกัญญา" ชี้แจกเงินดิจิทัลเลือดเข้าตา รบ.ทำโครงการเละเทะ

ที่รัฐสภา วันที่ 3 เม.ย. เวลา 08.25 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152   ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าพร้อมในการอภิปรายครั้งนี้

ต่อมาเวลา 09.40 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ได้เริ่มขึ้น

โดยนายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สส.บัญชีรายชื่อ  และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ยื่นญัตติขอเปิดการอภิปราย อ่านแถลงเปิดการอภิปรายว่า ครม.ภายใต้การนำของนายเศรษฐาได้บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่มิได้มีการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา หาผลงานไม่ได้ หลักนิติธรรมถูกทำลาย ด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน บริหารราชการอย่างไร้จริยธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความจริง

นายชัยธวัชยกตัวอย่างรูปธรรม เช่น  แถลงนโยบายจะกระตุ้นเศรษฐกิจไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถด้วยนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลอวดอ้างว่าจะเป็นตัวจุดชนวนกระตุ้นเศรษฐกิจให้แพร่หลาย เป็นความผิดพลาดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ และหากจะดำเนินการต่อ ก็จะสร้างหนี้สินของประเทศมากขึ้น แถลงนโยบายลดรายจ่าย แต่สุดท้ายค่าครองชีพกลับเพิ่มขึ้น อวดอ้างสร้างโอกาสให้ประชาชน แต่กลับมีนโยบายที่สร้างโอกาสให้กับกลุ่มทุน วาทกรรมชูลดความเหลื่อมล้ำ แต่กลับบริหารราชการแผ่นดินที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนมากขึ้น ขายฝันสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น แต่รัฐบาลยังไม่มีปัญญาทำได้แต่อย่างใด

"รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ไร้ซึ่งหลักนิติธรรม ไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ทำให้สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สภาวะสังคมล้มเหลว เลือกปฏิบัติ ไร้มาตรฐาน สร้างความเหลื่อมล้ำ เหยียบย่ำประชาชน เศรษฐกิจย่ำแย่ สังคมเสื่อมถอย ประชาชนยากไร้ รับใช้พวกพ้อง สนองกลุ่มทุน" นายชัยธวัชกล่าว

หลังอ่านแถลงญัตติเสร็จ นายชัยธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า เราคาดหวังว่าจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างจากผู้นำรัฐประหาร  แต่ปรากฏว่าเรากลับได้นายกรัฐมนตรีที่ไร้ภาวะผู้นำ หลายคนสับสนว่าเป็นใคร มีอำนาจทำอะไรได้บ้าง แต่นายกฯ ขาดความเป็นผู้นำ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความชัดเจนของทิศทางรัฐบาล ซ้ำร้ายยังมีวิธีคิดในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแบบเดิมๆ ที่จัดสรรตามโควตาสมบัติผลัดกันชม แทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมในการเข้ามาบริหารกระทรวงต่างๆ

ชัยธวัชซัดดุเศรษฐาลุกโต้

นายชัยธวัชกล่าวว่า ประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลชุดใหม่ตอนเริ่มจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนก็อยากเห็นการจัดทำประชามติโดยเร็ว แต่ก็ยังวกไปวนมา พี่น้องประชาชนไม่แน่ใจว่าตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อการปฏิรูปการเมือง มิหนำซ้ำเมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วกลับพบว่าหากมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทัน เราก็อาจจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่แม้จะใหม่ แต่ไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่ากระบวนการยุติสงครามยังดำเนินการต่อไป ไม่ต่างจากหลังรัฐประหาร  สถานการณ์ปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่างในนามกฎหมาย สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเริ่มเห็นสัญญาณว่าถูกคุกคาม แทรกแซง พี่น้องประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เห็นการฟื้นฟูนิติธรรมนิติรัฐที่รัฐบาลแถลง

"ประชาชนคาดหวังระบบการเมืองที่เดินไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เราเจอกลับเป็นประชาธิปไตยแบบไหลย้อนกลับ ที่ผู้นำทางการเมืองผู้มีอิทธิพลทางการเมืองลุแก่อำนาจ ได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในมือของชนชั้นนำไม่กี่คน แทนที่เราจะเห็นการยกระดับทางการเมืองเดินไปข้างหน้า แทนที่จะ Disrupt การเมืองแบบเก่าเพื่อสร้างการเมืองแบบใหม่ เรากลับเจอกับการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า" นายชัยธวัชกล่าว

ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า  สภาวะทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้เราตกอยู่ในสภาพการเมืองที่ไม่สามารถตอบสนองความคิดใหม่ๆ ของประชาชน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการแบบใหม่ นี่คือสถานการณ์ที่พวกตนในสภาผู้แทนราษฎรจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์วิจารณ์ ตั้งคำถามเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี

จากนั้นนายเศรษฐาลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า มีความยินดีที่หากมีประเด็นไหนที่ไม่ชัดเจนพร้อมจะให้ความกระจ่าง หากมีข้อเสนอแนะ บางเรื่องเชื่อว่าจะนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และในเวลา 2 วัน จะพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ ให้ประชาชนได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

 “เริ่มต้นก็พูดแรงพอสมควร ทั้งสิ้นหวัง  ล้มเหลว ปฏิรูป ถอยหลัง ทำลาย แต่ก็มีอีกด้านคือมีหวัง พัฒนา ก้าวหน้า เราก็เดินหน้าไป บอกว่าปิดบัง เราก็โปร่งใส  หลายอย่างที่รัฐบาลพยายามทำเป็นเรื่องบวก เป็นเรื่องของแสงสว่าง หากยังมีเรื่องกังขาก็ขอให้บอกมา รัฐมนตรีพร้อมชี้แจงหลังทำงานมา 6 เดือน และสภาเพิ่งอนุมัติงบ เชื่อมั่นว่าทำงานอย่างซื่อสัตย์ โปร่งใส พร้อมชี้แจง” นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญของประชาชนทุกคน ตนเดินทางบ่อย รวมเกือบ 10 กว่าครั้ง การเดินทางกว่าครึ่งคือควรต้องไป ทั้งเวทีอาเซียน และเราเป็นน้องใหม่ เพิ่งรับตำแหน่ง ต้องไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบายเพื่อให้ไทยมีตัวตนในเวทีโลก การไปแต่ละครั้งมีคุณภาพ รวมถึงการเจรจา FTA  เพื่อยกระดับชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา เพราะเพิ่งเข้ามาแค่ 7 เดือนเท่านั้น หากสมาชิกมีข้อเสนอแนะอะไรที่ดี ยินดีรับฟัง

เวลา 10.08 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลุกขึ้นอภิปรายว่า การที่รัฐบาลพยายามสร้างกระแสว่าอภิปรายไปทำไม เพราะยังไม่ใช้งบประมาณนั้น ตนขอเรียกว่าตีหน้าซื่อกลางแดด เนื่องจากรัฐบาลสามารถใช้งบปี 67 ไปพลางก่อนได้ตามกฎหมาย โดยขณะนี้รัฐบาลใช้เงินไปแล้ว 1.524 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการที่บอกว่ายังไม่ใช้งบถือเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตา คำถามคือทำไม 7 เดือนรัฐบาลใช้เงินไปจำนวนมาก แต่ยังสอบตก คำตอบมี 2 ข้อ หนึ่ง เพราะรัฐบาลมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร เอาแต่สร้างภาพ หลังภาพทุกวงการลงมติเกือบเอกฉันท์ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันๆ เอาแต่อีเวนต์ เช้าอีเวนต์ สายอีเวนต์  เที่ยงอีเวนต์ เย็นอีเวนต์ ดึกๆ ยังอีเวนต์  จนกระทั่งคนไทยสำลักอีเวนต์

เปรียบแมลงวันอีเวนต์

นายจุรินทร์กล่าวว่า 6 เดือนบินไปบินมา ไปอยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนแซวว่าไปทำการตลาดหรือทำการตลก ก่อนขึ้นเครื่องบินบอกเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤต แต่พอลงเครื่องไปเที่ยวเชิญเขามาลงทุน มหาเศรษฐีโลกที่ไหนที่จะป่วยถึงขั้นเอาเงินแสนล้านมาลงทุนในประเทศที่มีเศรษฐกิจวิกฤต แต่ถ้าเขาจะมาแสดงว่าเขาไม่ได้เชื่อมั่นในนายกฯ แต่เชื่อมั่นในความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยที่สั่งสมมานาน นายกฯ ทำตัวเป็นเซลส์แมน ถามว่าปิดการขายได้บ้างหรือไม่ หรือได้เพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ดอกไม้ สายลม แสงแดด กลับถึงประเทศคนรู้ทันถึงบอกว่าเอาฝันมาฝาก

  “อยากบอกว่าคนไทยอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรที่ยังไม่ใช่ ยังไม่ต้องตีปี๊บก็ได้ มันเสียเหลี่ยม และคนไทยก็ไม่ได้กินแกลบ พูดอะไรที่ยังไม่ใช่เขาจับได้ คนไทยอยากเห็นนายกฯ ของเขาบินเหมือนเหยี่ยว มากกว่าแมลงวันที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไร นอกจากได้สร้างภาพว่าบินโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เหยี่ยวบินทีไรไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด ดังนั้น 7 เดือนรัฐบาลจึงมีปัญหาทุกมิติ" นายจุรินทร์กล่าว

สส.ประชาธิปัตย์กล่าวว่า ปัญหาที่หนึ่ง ตราบใดที่รัฐบาลนี้ไม่ก้าวข้ามคนชอบอวดบารมี รัฐบาลนี้จะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และขอความกรุณาคนในรัฐบาลอย่าโทษคนอื่นว่าทำไมก้าวไม่พ้นบุคคลคนนี้เสียที เรียนว่าคนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายกฯ นายกฯ ลงทุนนั่งรถไปสโลว์ซบถึงบ้าน แถมออกมาให้สัมภาษณ์ยินดีเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมคารวะ  ถามว่าแบบนี้ก้าวข้ามหรือไม่ ปัญหาที่สอง คือปัญหานายกฯ หลายคน สะท้อนความไม่เชื่อมั่น สะท้อนการด้อยค่านายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความเข้าใจว่านายกฯ ไม่ได้มีคนเดียว ปัญหาที่สาม คือปัญหาที่มีรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีรัฐมนตรีโลกเซ็งอย่างน้อยก็ รมว.การคลัง จ้องแต่จะแยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ แต่งานในหน้าที่ทำไม่ได้ 

ปัญหาที่สี่ ปัญหาเศรษฐกิจมหภาค จีดีพีโตต่ำกว่าเป้าหมายเดิม ปัญหาที่ห้า  ปัญหาดิจิทัลวอลเล็ต คนไทยเลิกเชื่อเบื่อทวง เพราะเจอลูกหนี้ประเภทไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ปัญหาที่หก ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทกลายพันธุ์ และปัญหาที่เจ็ด ปัญหาพืชผลการเกษตร ปาล์ม ข้าวโพดไม่ดีขึ้น ราคาทรงๆ ส่วนราคายางที่สูงขึ้นนั้น ไม่อยากให้รัฐบาลเข้าใจเพียงแค่ว่าราคาขึ้นเพราะปราบยางเถื่อนเพียงอย่างเดียว

"ปัญหาใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมให้รัฐบาลมากที่สุด เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลนี้มากที่สุด นั่นคือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลทำเร็วที่สุด สำเร็จเป็นรูปธรรม จับต้องได้มากที่สุด และตรงนี้เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร นั่นคือการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ ที่แม้แต่เทวดายังต้องยอมให้ใช้ชื่อ นับตั้งแต่คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ ไปจนกระทั่งได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวา เชื่อว่าคนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ตอบแทนส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน คนหนึ่งได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ อาจเป็นความยุติธรรมของสองคน แต่ไม่ยุติธรรมกับประเทศ และหลักนิติธรรมของประเทศที่สั่งสมมา นายกฯพยายามบอกทุกอย่างเป็นตามกฎหมาย หันไปทำการเกษตร เอาหูไปนา เอาตาไปไร่" สส.ประชาธิปัตย์ระบุ

นายจุรินทร์กล่าวว่า คนไทยไม่อยากเห็นรัฐบาลนี้ก่อกรรมเพิ่ม ในฐานะเป็นสส. ขอใช้โอกาสตรงนี้ถามนายกฯ 3 ข้อ  มีนโยบายจะปล่อยให้เกิดการนำคุกทิพย์โมเดลมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมกำลังจะเข็น เรื่องคุณสมบติผู้มีสิทธิ์คุกขังนอกเรือนจำ ซึ่งมีประชุมไปแล้วครั้งหนึ่ง การกำหนดกฎระเบียบนี้นโยบายจากฝ่ายบริหารย่อมมีส่วนสำคัญ ถามว่าระเบียบนี้รวมคดีทุจริต คดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ มาตรา 157 ให้ไปติดคุกที่บ้านได้ด้วยหรือไม่ ขอความกรุณาอย่าตอบว่าขึ้นอยู่กับคณะกรรมาการฯ เพราะนี่มันคือลิงหลอกเด็กและดูถูกประชาชน เพราะสุดท้ายอยู่ที่นโยบายของรัฐบาล

"ถ้าเปิดโอกาสให้นักโทษคดีทุจริต และคดี ม.157 เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมการทุจริตมุมกลับ หลักนิติธรรมของไทยอาจต้องเผชิญวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่ และอยากถามด้วยถึงการนิรโทษกรรมที่เป็นดาบสองคม ถ้าใช้ถูกสร้างความปรองดองให้ประเทศ แต่ถ้าใช้ผิดทางก็จะสร้างความแตกแยกให้ประเทศครั้งใหม่ รัฐบาลนี้มีนโยบายนิรโทษกรรมคดีทุจริต และคดี ม.157 หรือไม่ ที่ถามเพราะต้องการส่งสัญญาณไปยังนายกฯ และพวกพ้อง อย่าคิดได้คืบเอาศอก เคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว ถึงวันนี้มีผู้ไปยื่นร้องต่อองค์กรต่างๆ เฉพาะกรณีนักโทษเทวดารวม 24 เรื่อง พูดมาทั้งหมดเพื่อเตือนนายกฯ และรัฐบาล ว่าสิ่งที่ได้ทำกับหลักนิติธรรม เป็นระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกันด้วยเถิด" นายจุรินทร์กล่าว

โยนรัฐบาลเก่าเอื้อทักษิณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายที่มีการพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มี สส.เพื่อไทย อาทิ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม และน.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ ลุกขึ้นประท้วงประธานการประชุมให้ควบคุมการประชุม อย่าปล่อยให้นายจุรินทร์พูดถึงบุคคลที่สามอย่างต่อเนื่อง

เวลา 10.55 น. พ.ต.ต.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ลุกอภิปรายตอบโต้นายจุรินทร์เรื่องกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐานกรณีนายทักษิณ ตอนหนึ่งระบุว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา หรือสภาชุดนี้ไม่ได้เป็นผู้ออก แต่ออกในยุค สนช. และเป็น พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ที่ออกในยุค สนช. นายทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนรัฐบาลนี้มาบริหารประเทศ  ซึ่งคือรัฐบาลนายจุรินทร์เป็นผู้บริหารประเทศร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ รัฐบาลในขณะนั้น ในวันเดียวก็อนุญาตให้นายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถ้าเป็นยุคของท่าน ท่านใช้คำพูดอีกแบบหนึ่ง แต่พอเหตุการณ์ต่อเนื่องมาในยุคปัจจุบัน  ท่านกล่าวว่าเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม และที่ท่านบอกว่า ติดคุกทิพย์นั้น ตนถือว่าเลวร้ายมาก

"ไม่อยากให้สังคมสับสน ไม่ว่าจะการพักโทษ การไปอยู่โรงพยาบาล หรือการไปอยู่ที่ไหน ท่านยังถูกลงโทษอยู่ กรมราชทัณฑ์ไม่ได้เป็นผู้กำหนด แต่กฎหมายกำหนด” รมว.ยุติธรรมกล่าว

ต่อมาเวลา 12.20 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงที่มาเงินที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยคาดว่าจะมาจาก 3 ส่วน ประกอบด้วย งบประมาณประจำปี 67 กู้ชดเชยเต็มเพดาน 10,000 ล้านบาท โดยเอาไปใส่ไว้ในกองทุน เพราะสามารถหยิบมาใช้เมื่อใดก็ได้ ไม่ต้องส่งคืน ซึ่งประเมินว่าน่าจะนำเงินดังกล่าวไปไว้ในกองทุนประชารัฐเพื่อสวัสดิการ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีฐานะยากจนตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่ก็ยังไม่พอแจก ฉะนั้นจึงจะต้องไปเอาจากงบกลางอีก 40,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ คิดว่ารัฐบาลจะเอามาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 ที่ ครม.เพิ่งทบทวนไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติให้เบ่งงบปี 68 เพิ่มงบเป็น 3.75 ล้านล้านบาท กู้ชดเชยขาดดุลเพิ่มอีก 150,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้กับโครงการ รวมทั้งจะกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  โดยให้ ธ.ก.ส.ดำเนินนโยบายแทนก่อน อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ดำเนินธุรกิจของ ธ.ก.ส. จะต้องทำเพื่อพัฒนาชนบท สร้างผลผลิต ลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร แต่เกษตรกรในระบบก็มีเพียง 8 ล้านคน จึงอาจจะต้องมีการตีลังกาตีความ เพื่อใช้กับโครงการและจ่ายให้ครัวเรือนของเกษตรกรด้วยหรือไม่ 

 “ตอนนี้เรียกว่าเลือดเข้าตา จากที่พายเรือในอ่าง วันนี้กำลังออกทะเล ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเละเทะ เปลี่ยนแหล่งเงินอย่างน้อย 5 ครั้ง เลื่อนแจกอย่างน้อย 4 ครั้ง เปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้ เปลี่ยนจำนวนคนที่จะแจก ทำให้ชวนคิดว่ารัฐบาลนี้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศจริงๆ ใช่หรือไม่ การที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแสดงให้เห็นว่าไม่มีความพร้อม จึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ การที่สัญญาแล้วทำไม่ได้ตามนั้น จะเกิดความเสียหาย การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลคาดไว้จะไม่เกิดขึ้น” น.ส.ศิริกัญญาระบุ

เวลา 12.55  น. นายจุลพันธ์ชี้แจงเรื่องเงินดิจิทัลที่ น.ส.ศิริกัญญาถามตอนหนึ่งว่า บางอย่างก็เป็นสิ่งซึ่งท่านผู้อภิปรายก็เป็นผู้คาดเดา แต่ไม่ได้มีการออกมาจากคณะกรรมการฯ ไม่ได้มีการออกจากนายกฯ หรือผม ทำให้สับสนบ้าง แต่ทุกคนก็เป็นห่วง ผมอยากให้ลดการคาดเดาลง เพราะอีกเพียงแค่ไม่กี่วันก็ถึง 10 เม.ย.แต่วันนี้ยังพูดไม่ได้ เพราะกลไกทางกฎหมายจำเป็นจะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ ยืนยันว่านโยบายนี้ตรวจสอบเข้มข้น แม้ยังไม่ได้แจกเงินให้ประชาชน

จากนั้น เวลา 13.05 น. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายเรื่องนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ขณะนี้เกิดความสับสนเชิงนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ทำให้ไม่มีใครเข้าใจแล้วทำได้ถูกต้อง แผนการใช้งบไม่ตอบโจทย์นโยบายหาเสียง และการตั้งโครงการขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของบางคนหรือบางกลุ่มหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานที่ล่าช้าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้

เย้ยแมลงหวี่จ้องร่วม รบ.

กระทั่งเวลา 15.35 น. นายเศรษฐาชี้แจงการอภิปรายของนายจุรินทร์ ตอนหนึ่งระบุว่า เรื่องการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทุกครั้งที่ออกไปต่างประเทศเพื่อเปิดโอกาส และสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตนมั่นใจว่าผลจะตามมา ไม่มีหรอกที่นายกฯ จะบินไปเหมือนกับแมลงวัน ขณะเดียวกันตนก็ไม่อยากเห็นว่าฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ที่จ้องจะเล่นแต่การเมือง ทั้งที่รัฐบาลเองก็พยายามเดินหน้าที่จะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์พี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรามั่นใจว่าเราไม่มี แต่หากมีก็นำข้อมูลหลักฐานมา ยินดีที่จะให้ความกระจ่าง และยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมทำงานเพื่อประชาชนต่อไป

"ที่บอกว่ายังไม่เห็นมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดจริงๆ ถ้าท่านทำงานท่านจะรู้ถ้าจะลงทุนระดับหลักแสนล้าน ต้องใช้เวลาบ้าง ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าสัญญาณที่เราเห็นเป็นบวกๆ ผมเชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าเราจะเห็นเงินลงทุนเข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาล ผมขอใช้คำว่าสึนามิแห่งการลงทุน ตรงนี้ขอให้ท่านมั่นใจ เพราะผมก็มั่นใจ" นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ ตอบโต้เรื่องที่บอก รมว.การคลังเป็น รมว.ที่โลกเซ็งว่า ตนเป็นเจ้ากระทรวง ดังนั้นที่ท่านบอกก็ไม่จริง เพราะการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของตน มั่นใจว่าตนจะเป็น รมว.การคลังที่แก้จนให้กับพี่น้องประชาชน

 “ผมขอฝากไว้ว่า ท่านอย่าเป็นฝ่ายค้านที่ทำให้โลกงง วันหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันก็มีข่าวว่าจะขอเข้าร่วมรัฐบาล ผมกลัวพี่น้องประชาชนจะงงมากกว่า” นายกฯ กล่าว

เวลา 17.00 น. น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเป็นยุคตกต่ำ จากสมรภูมิแย่งชิง ผบ.ตร.ของนายตำรวจเบอร์ 1 และเบอร์ 2 เป็นศึกช้างชนช้าง เกิดความวุ่นวายใน ตร. เพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ของนายกฯ ทำไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ นอกจากนี้ น.ส.ศศินันท์ยังกล่าวถึงเรื่องส่วย เรื่องตั๋วขึ้นตำแหน่งที่ต้องใช้เงินหลักล้านในแต่ละตำแหน่ง เรื่องที่นายกฯ สั่งเด้ง 2 นายตำรวจใหญ่มาช่วยราชการ ว่าเป็นแค่การกวาดปัญหาไว้ใต้พรม

"รัฐบาลปล่อยให้ปัญหาตำรวจคาราคาซัง ไม่ตั้งใจแก้ปัญหาระบบตั๋วตำรวจ อย่าให้ใครปรามาสนายกฯ ได้ว่า เป็นแค่เหรียญอีกด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี หรือแก้ปัญหาแบบฉบับบ้านจันทร์ส่องหล้า" สส.ก้าวไกลรายนี้ระบุ

เวลา 17.45 น. นายเศรษฐาชี้แจงกรณีการแต่งตั้งตำรวจ ยืนยันว่าไม่อาจใช้อำนาจแต่งตั้งได้เพียงลำพัง แต่อำนาจเป็นหน้าที่ของ ก.ตร.ไม่เคยใช้อำนาจครอบงำทั้งทางตรงและอ้อม รวมทั้งเรื่องที่ สตช.มีปัญหา นายกฯ ยืนยันไม่เคยนิ่งเฉย  แก้ปัญหาทันที โดยสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง วันนี้รักษา ผบ.ตร. ก็ได้แถลงดำเนินการกับข้าราชการตำรวจรายดังกล่าว ยืนยันจะเร่งรีบแก้ไขและกอบกู้ภาพพจน์ สตช. และจะกวดขันให้แก้ปัญหาสังคมที่มีอยู่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ โดดป้อง 'อุ๊งอิ๊ง' ปมแบงก์ชาติ อ้างแค่สะท้อนความต้องการประชาชน

นายกฯ ป้อง “อุ๊งอิ๊ง“ สปีชเวทีเพื่อไทย แค่สะท้อนความต้องการประชาชน ลั่น ไม่เคยบีบบังคับใคร เข้าใจความเป็นอิสระ เตรียมคุย ”รมว.คลัง“ หาทางทำงานร่วมแบงค์ชาติ