ชัชชาตินำโด่งผู้ว่าฯโพล ‘สุวัจน์’ลั่นยึดโคราชคืน!

“นิด้าโพล" ชี้ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ยังแรงมาอันดับ 1 ขณะที่เลือกตั้งสนามใหญ่คุยทับบลัฟแหลก “ชลน่าน” ไม่ห่วงผู้กองประกาศชิงเก้าอี้อีสาน ห่วงใช้อำนาจ-รัฐเงิน “สุวัจน์" ประกาศ ชพน.คัมแบ็ก ยึดโคราชคืน “มทภ.4” ยันยังไม่มีทหารจุ้นเลือกตั้งซ่อมชุมพร ชี้ทุกพรรคพวกเดียวกัน

เมื่อวันที่ 2 ม.ค.65 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 9” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิ์เลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,317 หน่วยตัวอย่าง

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 38.80 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 13.06 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 3 ร้อยละ 11.85 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ อันดับ 4 ร้อยละ 10.25 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 5 ร้อยละ 4.94 ระบุว่าไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 6 ร้อยละ 4.71 ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล อันดับ 7 ร้อยละ 4.10 ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 8 ร้อยละ 3.26 ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อันดับ 9 ร้อยละ 2.96 ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 10 ร้อยละ 2.35 ระบุว่าจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับ 11 ร้อยละ 1.90 ระบุว่าเป็นนายสกลธี ภัททิยกุล และร้อยละ 1.82 ระบุว่าอื่นๆ ได้แก่ ผู้สมัครจากพรรคกล้า ผู้สมัครจากพรรคไทยภักดี นายณรงค์ศักดิ์
โอสถธนากร ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย นางนวลพรรณ (มาดามแป้ง) ล่ำซำ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 8 เดือนธันวาคม 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ และนายสกลธี ภัททิยกุล มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

สำหรับบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จำแนกตามกลุ่มเขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร พบว่า กลุ่มเขตกรุงเทพฯ กลาง อันดับ 1 ร้อยละ 39.07 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 11.92 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 9.93 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน และอันดับ 4 ร้อยละ 9.27 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ กลุ่มเขตกรุงเทพฯ ใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 41.30 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 13.04 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ อันดับ 3 ร้อยละ 11.41 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 4 ร้อยละ 10.87 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ

กลุ่มเขตกรุงเทพฯ เหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 39.84 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 15.45 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 13.01 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ และอันดับ 4 ร้อยละ 8.54 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน กลุ่มเขตกรุงเทพฯ ตะวันออก อันดับ 1 ร้อยละ 33.03 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 13.52 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ อันดับ 3 ร้อยละ 13.21 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 12.01 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ อันดับ 1 ร้อยละ 39.55 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 15.26 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ อันดับ 3 ร้อยละ 9.61 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน และอันดับ 4 ร้อยละ 7.35 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ และผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล ในสัดส่วนที่เท่ากัน กลุ่มเขตกรุงธนใต้ อันดับ 1 ร้อยละ 43.36 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 13.28 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ อันดับ 3 ร้อยละ 10.18 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ และอันดับ 4 ร้อยละ 9.29 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน

ด้านบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) อันดับ 1 ร้อยละ 28.09 ระบุว่าเป็นผู้สมัครในทีม ดร.ชัชชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 12.22 ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 11.24 ระบุว่าเป็นผู้สมัครในทีม ดร.สุชัชวีร์ อันดับ 4 ร้อยละ 10.86 ระบุว่าเป็นผู้สมัครอิสระที่ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครผู้ว่าฯ อันดับ 5 ร้อยละ 7.75 ระบุว่าเป็น ผู้สมัครในทีม พล.ต.อ.อัศวิน อันดับ 6 ร้อยละ 6.68 ระบุว่าเป็นผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศจะกวาดที่นั่ง ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและอีสาน และ พปชร.จะชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่ ว่า ต้องถามเขาว่าเขามีเหตุผลหรือมีอะไรในการสนับสนุนในความมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.ในภาคเหนือและอีสานเพิ่มขึ้น แต่ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเรายังมีความเข้มแข็งและแข็งแรงในภาคเหนือและภาคอีสาน ก็ต้องรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งทางการเมืองหรือคนทั่วไป เพื่อมาดูทิศทางการทำหน้าที่ของเราว่าดีพร้อมหรือยัง เราจะสามารถรักษาฐานที่มั่นหรือเพิ่มจำนวนเสียงในฐานที่มั่นได้หรือไม่ ยืนยันว่าเราไม่ประมาทและทำงานหนัก และเข้าถึงประชาชนให้มากขึ้น สิ่งที่เราเป็นห่วงเป็นเรื่องของอำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจการจัดการในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ซึ่งในยุคนี้มีการใช้อำนาจเหล่านี้เกิดขึ้นสูงมาก

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า พรรคได้เตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้าไว้แล้ว เพราะถือว่าเข้าสู่ปีที่ 4 ซึ่งจะเห็นว่าทุกพรรคการเมืองเริ่มมีบรรยากาศเตรียมการเลือกตั้ง ทุกคนต้องมีความพร้อม ซึ่งในส่วนของพรรคชาติพัฒนาได้มีการประชุมใหญ่และแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ส่วนที่หลายพรรคการเมืองพุ่งเป้าปักหลัก จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย จะทำให้เจริญเหมือน จ.บุรีรัมย์

นายสุวัจน์กล่าวว่า ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น ที่ทุกพรรคการเมืองจะให้ความสำคัญกับจังหวัดที่มีฐานการเมือง ซึ่ง จ.นครราชสีมามีจำนวน ส.ส.รองจาก กทม. รวมทั้งสมัยหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเขตการเลือกตั้ง ทำให้มี ส.ส.มากขึ้นตาม รธน.ที่มีการแก้ไข จึงมีความเป็นไปได้ที่ จ.นครราชสีมาจะเพิ่มจำนวน ส.ส.ขึ้นมาอีก จึงเป็นพื้นที่หมายปองของทุกพรรคการเมือง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าใน จ.นครราชสีมา พรรคจะมีความพร้อมมากที่สุด เพราะเราต้องการให้พรรคชาติพัฒนากลับมา และต้องได้มากกว่าเดิม

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประสานงานส่วนกลาง กล่าวถึงกรณี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้ตรวจสอบรายละเอียดตามทหารเคลื่อนไหวกดดันการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ที่เขต 1 จ.ชุมพร ว่า ขอบคุณ พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่รับฟังและได้สั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ขณะที่ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ตนทราบข่าวว่าจะลงมาในพื้นที่จังหวัดชุมพร ก็ยังไม่ได้ลงมา แต่อาจมีคนในพื้นที่ไปพูด ไปบอกอะไร อย่างไรทางพรรคเขาก็ต้องออกมาปรามก่อน แต่ยืนยันว่าไม่มีในทัพภาคที่ 4 ตนสั่งเด็ดขาด ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมือง ให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง ตามนโยบายของ ผบ.ทบ. ซึ่งจริงๆ แล้วก็พรรคพวกกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน เพราะฉะนั้นเราต้องยืนหยัดยืนยันในความเป็นกลางทางการเมือง โดยเรื่องนี้ได้รายงานไปทางกองทัพบกเรียบร้อยแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง