
“บิ๊กตู่” ซุ่มถก 3 หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล 20 นาที “อนุทิน-จุรินทร์” ประสานเสียงคุยเรื่องปกติไร้วาระพิเศษ “ธรรมนัส” โผล่ขอนแก่นประกาศก้อง พปชร.จะกวาดเก้าอี้มากกว่าเดิม “ศรัณย์วุฒิ-พรพิมล” กลายเป็นเผือกร้อน พรรคร่วมรัฐบาลไม่กล้าบอกรับ “สุวิทย์” ทีม 4 ยอดกุมารประกาศเว้นวรรคทางการเมือง กกต.นัดหารือ "วิษณุ" ชงแก้ กม.เลือกตั้ง 35 มาตรา รับบัตร 2 ใบ คำนวณ ส.ส.ใหม่ พ่วงรื้อไพรมารีโหวต
เมื่อวันพุธที่ 13 ต.ค. มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นเวลา 20 นาที โดยหลังการหารือเสร็จสิ้น นายกฯ ไม่ได้ตอบคำถามสื่อ
ขณะที่นายจุรินทร์ระบุว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไรกับพรรคร่วมรัฐบาลเป็นพิเศษ แต่เป็นการพูดคุยตามปกติทุกครั้งที่เจอกัน ส่วนเรื่องน้ำท่วมได้พูดกันอยู่แล้วในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทุกคนต้องลงไปช่วย ไม่ใช่ภารกิจของคนใดคนหนึ่ง ยืนยันไม่มีการแจ้งเรื่องปรับ ครม. และนายกฯ ก็ไม่ต้องมีการเคลียร์ใจอะไรกับพรรค ปชป.อยู่แล้ว เพราะพรรคไม่มีปัญหาอะไร
นายอนุทินกล่าวเช่นกันว่า เป็นการพูดคุยตามปกติ ไม่มีการสั่งการในเรื่องใดๆ เป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ในช่วงเช้า นายจุรินทร์กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุให้ ครม.ร่วมกันทำงานในการประชุมเอเปก เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ ว่านายกฯ แสดงเจตจำนงไปหลายครั้งแล้ว ท่านก็พูดทำนองว่าไม่มีการยุบสภา หรือยังไม่มี เช่นนี้แล้วก็ต้องฟังท่าน เพราะเป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นผู้มีอำนาจยุบหรือไม่ยุบสภา ก็ต้องถือท่านเป็นเกณฑ์ ส่วนที่พรรคการเมืองเริ่มทำพื้นที่กันแล้วนั้น ในส่วนของพรรค ปชป.เราลงพื้นที่กันมานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงปิดสมัยประชุมสภา เราดำเนินการต่อเนื่อง 2-3 ปีมาแล้ว ไม่ได้แปลว่าจะมียุบสภาถึงจะลงพื้นที่
เมื่อถามถึงกรณีพรรค ปชป.และ ภท.พูดถึงแคนดิเดตนายกฯ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคการเมืองที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
ส่วนนายอนุทินกล่าวในประเด็นนี้ว่า เราก็ทำให้ดีที่สุดตราบใดที่ยังมีหน้าที่มีภารกิจอยู่ ก็จะทำให้ดี ส่วนเรื่องการลงพื้นที่นั้น เราลงพื้นที่ตลอดเวลาอยู่แล้วไม่เคยหยุด ทั้งตนและสมาชิกพรรคทุกคนลงพื้นที่ตลอดไม่ว่าจะสถานการณ์อะไร เมื่อถามย้ำว่าสบายใจขึ้นหรือไม่ที่สถานการณ์รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมแน่ นายอนุทินย้ำว่า "ทำทุกวันให้มันดีที่สุด"
ส่วนที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชาออคิด จ.ขอนแก่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมคณะ ได้พบปะสมาชิกพรรคและสังเกตการณ์การประชุมเลือกตั้งตัวแทนพรรค พปชร.ประจำจังหวัด โดย ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า การประชุมเลือกตัวแทนเขตของพรรคได้รับความสนใจจากชาวขอนแก่นทุกเขตเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนมีความพร้อมและกระตือรือร้นในการเตรียมการเลือกตั้งในครั้งหน้าที่จะมาถึง
"ด้วยนโยบายที่ชัดเจน แน่วแน่ และแน่นอน จะทำให้ พปชร.คว้าชัยในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ได้ในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะขอนแก่น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ปรับให้เดิมมี ส.ส. 10 เขต 10 คน เป็น 11 เขต 11 คน ดังนั้นการเตรียมการในด้านต่างๆ นั้นไม่เร็วเกินไป ซึ่งคิวต่อไปคือ จ.นราธิวาส ที่คณะทำงานจะลงพื้นที่พูดคุยกับ ส.ส. ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ และผู้แทนของพรรคประจำเขตเลือกตั้ง ตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว และว่า ขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในนโยบายของพรรค พปชร.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่มีเป้าหมายทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำมาตลอดว่าทุกคนต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เดินไปข้างหน้า เพื่อความเป็นปึกแผ่นของพรรค และเป็นที่พึ่งพาได้ของประชาชนต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ขับนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ และ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค โดยนายศรัณย์วุฒิระบุว่า ในวันที่ 14 ต.ค. จะแถลงข่าวถึงรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงท่าทีต่อมติของพรรค รวมถึงเรื่องการจะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองใดด้วย
ด้าน พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายศรัณย์วุฒิจะมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร.
ส่วนกรณี น.ส.พรพิมลนั้น นายอนุทินกล่าวปฏิเสธว่ายังไม่มีการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง กล่าวเช่นกันว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ใช่หัวหน้าพรรค
ขณะที่นายจุรินทร์ก็ปฏิเสธข่าวของ น.ส.พรพิมลเช่นกันว่า ไม่มีการพิจารณาเรื่องตัวบุคคลเป็นหน้าที่เลขาฯ และรองหัวหน้าพรรคในแต่ละภาค กรณีนี้ไม่มีข้อมูล
วันเดียวกัน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษาฯ และอดีตรองหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีกระแสข่าวกลุ่มสี่กุมารเตรียมจับมือกลุ่มการเมืองว่า เรื่องนี้ก็ไม่ทราบ และไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น เพราะได้บอกกับคนอื่นๆ ในทีมสี่กุมารแล้วว่า ครั้งนี้ขอเว้นวรรคทางการเมือง เพราะยังมีหลายเรื่องที่ทำให้กับบ้านเมืองได้ และกำลังทำอยู่ แต่ขอให้กำลังใจกับทุกคนที่จะเดินหน้าทำงานการเมืองกันต่อไป
เมื่อถามว่า ที่แสดงเจตนารมณ์ต้องการเว้นวรรคทางการเมือง เป็นเพราะการเมืองที่กลุ่มสี่กุมารเจอมาหรือไม่ นายสุวิทย์กล่าวว่า อย่างที่บอก อะไรก็ตามเมื่อเรามา เราก็ต้องไป คงไม่ได้ยึดติด และด้วยสูตรโครงสร้างเวลานั้น ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับ ส.ส.ในสภาได้ ซึ่งเป็นจุดตายอยู่แล้ว และเรื่องของเกมการเมืองเราก็รู้อยู่แล้วว่าก็ต้องเป็นแบบนี้
ทางด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 14 ต.ค. ตนและคณะจะเดินทางเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้เตรียมศึกษารายละเอียดไว้บ้างแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับใหม่ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการเสนอยกร่างก่อนที่สำนักงานจะเสนอ ครม. ต้องเสนอให้ กกต.พิจารณาก่อน เพราะอำนาจอยู่ที่ กกต. ดังนั้นขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ก่อนที่เสนอต้องไปปรึกษากับนายวิษณุว่า หากจะทำแบบนี้ต้องเสนอไปเมื่อใด เพราะนอกจากการยกร่างกฎหมายแล้ว ยังต้องมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 77 กำหนดไว้ด้วย
มีรายงานว่า กกต.จะมีการนำเสนอร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ได้ศึกษาและยกร่างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา โดยมี 35 มาตรา เป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวน ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศมารวมกันหารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อ ส.ส. 1 คน และหากจัดสรรแล้วยังได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน จะจัดสรรให้พรรคที่เหลือคะแนนเศษมากตามลำดับ การแบ่งเขตใหม่ 400 เขตให้เสร็จใน 90 วัน ส.ส.เขตใช้เบอร์เดียวกับเบอร์พรรค การลดเวลาลงคะแนนเหลือ 16.00 น. เช่นเดิม เป็นต้น
นอกจากนี้ อาจมีการหารือถึงข้อติดขัดของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง คือกรณีการทำไพรมารีโหวต เพื่อคัดเลือกและส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้นายทะเบียนพรรคการเมืองได้เสนอแนวทางให้สำนักงานไปพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์ว่าพรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครได้ต้องมีสาขาพรรคการเมืองจังหวัดละ 1 แห่ง ประชุมร่วมกับสมาชิก 500 คน สามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครในทุกเขตเลือกตั้งของจังหวัดตามบัญชีที่คณะกรรมการสรรหาส่งมาได้ น่าจะทำให้กระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคคล่องตัวขึ้น
ทั้งนี้ หลัง กกต.หารือกับทางรัฐบาลแล้ว จะนำประเด็นหารือกลับมาเสนอต่อที่ประชุม กกต. ก่อนทำการยกร่างแก้ไขกฎหมาย และนำไปรับฟังความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ก่อนเสนอ ครม.และรัฐสภาพิจารณาต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)
กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ
เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน


