พิธาปลุกด้อมส้ม2ส.ค.

"ก้าวไกล" โหมโรงคดียุบพรรค ปล่อยคลิปต่อเนื่อง ลั่นพรรคการเมืองเกิดขึ้นมาได้ด้วย  ปชช. ย่อมตายด้วย ปชช. "ณัฐพงษ์" อ้างอยากให้ศาลตัดสินตามเจตนารมณ์ ปชช. รับปลุกมวลชนให้ส่งเสียงเรียกร้อง จับตา "พิธา-ชัยธวัช" แถลงคำปิดคดียุบพรรค 2 ส.ค.นี้ "โรม" ลั่นการยุบพรรคควรหมดไปแล้วให้ ปชช.เป็นผู้ตัดสิน "อนาคตไกล" สับเละเจตนาปล่อยคลิปวันมหามงคล สอดรับคำวินิจฉัยคดีแก้ ม.112 บั่นทอนสถาบัน ท้าทายระบบ  ทำตัวเองไม่มีใครกลั่นแกล้ง

ที่รัฐสภา วันที่ 30 กรกฎาคม มีความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ก่อนศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ โดยเพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ปล่อยคลิปวิดีโอ ออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังออกคลิปชุดแรกเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา คลิปล่าสุดมีเนื้่อหาระบุว่า หากพรรคการเมืองเกิดขึ้นมาได้ด้วยการสนับสนุนจากประชาชน ก็ย่อมตายด้วยประชาชน และเรื่องราวต่อไปนี้คือการพิจารณาพรรค #ก้าวไกล ว่าประชาชนจะสนับสนุนต่อไปหรือไม่ โดยเนื้อหาภายในคลิปวิดีโอเป็นการไต่สวนพรรคการเมืองโดยประชาชนจากหลากหลายอาชีพ เพื่อพิจารณาว่าสมควรจะสนับสนุนต่อไปหรือไม่ ซึ่งมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค เป็นผู้ตอบ โดยกล่าวว่า เรามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถผลักดันนโยบายที่มีความก้าวหน้าได้ แต่ด้วยกลไกทางการเมืองที่ทำให้เรายังไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ในฐานะฝ่ายค้าน ได้ใช้กลไกในสภาเพื่อผลักดันนโยบายของพรรคผ่านการยื่นกฎหมายทั้ง 54 ฉบับ

"เราผิดหวังกับรัฐบาลข้ามขั้ว แต่ไม่เคยหมดหวัง เพราะพวกเราไม่ได้คิดอยู่คนเดียว พรรคก้าวไกลสามารถชนะเลือกตั้งมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งได้ เพียงแค่การเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาเท่านั้น รวมทั้งได้รับการบริจาคจากประชาชน สูงเป็นอันดับหนึ่งในทุกปีที่ผ่านมา และได้รับคะแนนเสียงบัญชีรายชื่อสูงเป็นอันดับหนึ่ง และอันดับสองในหลายจังหวัดทั่วทั้งประเทศ ทำให้เรามั่นใจและเชื่อว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน"

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการมองว่าจะเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ก.ก.คนต่อไปว่า ไม่ใช่เฉพาะตน แต่ยังมี สส.อีกหลายคนที่สามารถก้าวขึ้นมารับหน้าที่ตรงนี้ได้ รอติดตามวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินออกมาอย่างไร แต่เรายืนยันได้ว่าพรรคเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ไว้อยู่แล้ว เรามีบุคลากรที่พร้อมจะขึ้นมาทำหน้าที่ตรงนี้ อยากให้รอติดตามฟังคำวินิจฉัยก่อน หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจริง วันที่ 8 ส.ค. เรามีจังหวะจะโคนในการขับเคลื่อนแน่นอน ถึงวันนั้นทุกท่านจะทราบพร้อมกันว่า แกนนำพรรคต่อไปคือใครบ้าง

เมื่อถามว่า การที่พรรคปล่อยคลิปวิดีโออย่างต่อเนื่อง มองได้ว่าเป็นการระดมพลหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อย่างที่เราเห็นสถานการณ์ทางการเมือง มีหลายคนอยากเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง เรายังพบว่าสถาบันการเมือง เช่น องค์กรอิสระ ยังทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามเจตจำนงของประชาชน สิ่งที่เราทำได้ ถ้าไม่สามารถหวังพึ่งอำนาจรัฐในส่วนนั้นได้ ก็ทำได้อย่างเดียว กลับไปถามประชาชนให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเรียกร้อง

ถามว่า คลิปวิดีโอที่ปล่อยออกมาล่าสุด มีการจำลองการไต่สวนในศาล จะถือเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายณัฐพงษ์มองว่า เนื้อหาในคลิปต้องการเล่าเพียงอย่างเดียว คืออยากได้ศาลที่เป็นตัวแทนตัดสินตามเจตจำนงของประชาชน เราต้องการแค่นั้น

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรค ก.ก. เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีการยุบพรรคพรรค ก.ก.ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า ในวันที่ 2 ส.ค. เวลา 15.00 น. ที่ที่ทำการพรรค ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดอ่านคำวินิจฉัย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะมีการแถลงเพื่อเผยแพร่เนื้อหาในเอกสารการแถลงปิดคดี ที่พรรคได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไป เพื่อยืนยันแนวทางการดำเนินการของพรรค

 “พรรคก้าวไกลไม่ได้ถอดใจว่าพรรคจะถูกยุบ จึงไม่อยากให้สังคมด่วนสรุป และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องพรรคในช่วงเวลาและช่องทางที่เหลือ ทั้งยังเดินหน้าทำงานต่อ ทั้งการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรและการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่พรรคมีมติส่งผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี เป็นสนามแรก” นายพริษฐ์กล่าว

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวว่า วันที่ 7 ส.ค. ถือเป็นวันสำคัญของพรรค ก.ก. หากดูตามข้อกฎหมายและพยานหลักฐาน เรามั่นใจว่าจะไม่นำไปสู่การยุบพรรค ต้องไม่ลืมว่า ในปี พ.ศ.นี้ พรรค ก.ก.เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสภา ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน 14 ล้านเสียง การที่พรรคการเมืองจะยุบง่ายๆ ไม่ใช่สิ่งที่สังคมไทยอยากเห็น สังคมไทยได้เห็นการยุบพรรคมามากมายเพียงพอแล้ว เราพบว่ามันสร้างความขัดแย้งใหม่ ดังนั้นการยุบพรรคการเมืองควรจะหมดไปได้แล้วใน พ.ศ.นี้ หวังว่าจะไม่มีการยุบพรรคอีกต่อไป

ส่วนการเตรียมทายาทรุ่นต่อไปนั้น นายรังสิมันต์มองว่า เราสามารถดูจากพรรคการเมืองที่เคยถูกยุบ รวมถึงกรณีของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่คาดเดาได้ยาก แต่การยุบพรรคไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป พรรคการเมืองตั้งขึ้นได้ด้วยความนิยมชมชอบจากประชาชนเกิดขึ้นได้ เพราะประชาชนให้การสนับสนุน ประชาชนจึงควรเป็นผู้ตัดสิน ขอให้การยุบพรรคเกิดขึ้นโดยประชาชน ให้ประชาชนวินิจฉัยเองว่านโยบายหรือพรรคการเมืองแบบใดที่เขาต้องการหรือไม่ต้องการ

สำหรับกรณีที่ก่อนหน้านี้ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ระบุพร้อมที่จะนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคนั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า เป็นการพูดถึงความพร้อมทั่วไป อยากให้สังคมโฟกัสว่าไม่ควรมีการยุบพรรคอีกแล้ว เราอาจโฟกัสเฉพาะพรรค ก.ก.ถูกยุบ จนลืมไปว่ามีอำนาจหรือวิธีการบางอย่างที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้บุคคลเหล่านี้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร อยากให้ช่วยกันดูกระบวนการที่ กกต.ทำว่าเป็นกระบวนการที่ถูกต้องหรือไม่

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา หากพรรค ก.ก.ต้องถูกยุบว่า ขณะนี้นายปดิพัทธ์สังกัดพรรคเป็นธรรมแล้ว หากเกิดอุบัติเหตุอะไรก็ค่อยพูดคุยกันดีกว่า ตอนนี้เรายังไม่ได้คิดไปถึงจุดนั้น เรายังมองในแง่ดีอยู่ ตนยังมั่นใจจะไม่ถูกยุบ ส่วนเรื่องการตั้งพรรคใหม่ พูดด้วยความสัตย์จริงว่าไม่ทราบเลย  เพราะไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ไม่มีส่วนในการตัดสินใจ

ด้านนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ กล่าวว่า ตอนนี้พยายามดูว่างานในความรับผิดชอบทั้งหมดมีอะไรที่ทำได้บ้างทั้งก่อนและหลัง  ก็ต้องพยายามแยกส่วน ถ้าถามว่าจะหยุดการทำงานของเราในระยะต่อไปได้หรือไม่ ก็ไม่ เพราะงานดังกล่าวเราได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ แน่นอนว่าคำวินิจฉัย ที่หากยุบพรรคแล้ว ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคด้วย คุณสมบัติของตำแหน่งรองประธานสภาฯ  ระบุว่าต้องเป็น สส. หากสภาพ สส.สิ้น การทำงานของรองประธานสภาฯ ก็สิ้นเช่นเดียวกัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลอยากได้ตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งหากนายปดิพัทธ์หลุด ก็อาจจะมีคนเสนอชื่ออื่นที่ไม่ได้มาจากพรรค ก.ก.  นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของสภา เพราะตำแหน่งในสภาทั้งหมดมาจากการเสนอชื่อโดย สส. และไม่แน่ใจว่าเอ็มโอยูนั้นจะมีสาระอยู่หรือไม่ เราเห็นการฉีกมาแล้ว ไม่ได้คาดหวังมาก แต่ถ้าเราเห็นถึงหลักการที่ควรจะเป็น เช่น การมีรองประธาน 1 ใน 3 ที่มาจากฝ่ายค้าน ทำให้เกิดความสมดุลในความเป็นกลาง ซึ่งอาจเป็นออปชันที่ดีที่ทางวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านได้คุยกัน

ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า การที่สื่อมวลชนและนักวิเคราะห์ ต่างให้ความสนใจแต่ประเด็นที่ว่า เมื่อพรรคก้าวไกลถูกยุบแล้วใครจะขึ้นมาเป็นแกนนำพรรคถัดไป จะมี สส.ย้ายไปพรรคอื่นกี่คน โดยไม่ได้สนใจเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ กกต. การต่อสู้คดี ประเด็นกฎหมาย หรือการยุบพรรคแบบที่ทำกันนี้ถูกต้องหรือไม่ กว่าจะถึงวันที่ 7 ส.ค. หันมาสนใจประเด็นการต่อสู้คดีของพรรคก้าวไกล ความสมเหตุสมผลของคำร้องของ กกต.กันดีกว่าสัปดาห์นี้ ผมจะขยายความข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ในทุกประเด็น

ทางด้านนายภวัต เชี่ยวชาญเรือ  โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวว่า ตามที่พรรคก้าวไกลปล่อยคลิปสั้นที่มีเนื้อหาสาระสำคัญในชุดความคิด อุดมการณ์ “จากอนาคตใหม่ สู่ก้าวไกล สู่อนาคต”    ซึ่งตรงกับในวันรัฐพิธีสำคัญของคนไทยทั้งชาติ  เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ปวงประชาราษฎร์ทั้งแผ่นดินได้ร่วมกันถวายพระพรแด่พระองค์ท่าน ถามว่า คลิปดังกล่าวมีเจตนาปล่อยออกมาในวันสำคัญตรงกับวันมหามงคล เพื่ออะไร รู้จักกาลเทศะหรือไม่ เจตนาเพื่ออะไรกันแน่ ไม่มีใครเขาทำกัน นี่ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศฝรั่งเศส 

หากย้อนรอย ส่อให้เห็นถึงเจตนาในครั้งรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ที่นำนโยบายหลักในการรณรงค์หาเสียง แก้ไขมาตรา 112 หากพิจารณาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่  3/2567 ที่ระบุบางตอนว่า “.....พรรคก้าวไกล...นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์.....มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย สถาบันกษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง นำไปสู่ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด”

"ดังจะเห็นได้ว่า ในวันมหามงคล วันรัฐพิธีสำคัญของประเทศ แทบทุกพรรคการเมืองจะหยุดพูดถึงเรื่องการเมือง ฉวยโอกาสทางการเมือง แต่หันมาแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พรรคก้าวไกลกลับปล่อยคลิปสั้นประมาณ 7 นาทีเศษเพื่อปั่นสร้างกระแส เพื่อให้ผู้สนับสนุนคล้อยตามในชุดความคิด อุดมการณ์ ความเชื่อ เหมือนกับโยนความผิดให้ผู้อื่น เหมือนตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เป็นฝ่ายกระทำมากกว่า และทำตัวเอง ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งได้ แต่กระแสตีกลับ เพราะท้าทายกับระบบ ทำตัวเอง" โฆษกพรรคอนาคตไกลระบุ.