ถึงคิววุฒิสภาชำแหละงบฯ 68 "พิชัย" พร้อมเดินหน้าจัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เทน้ำหนักให้สวัสดิการที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเปราะบาง สว.กางกฎเหล็ก 8 ข้อ ขีดเส้นตัวแดงรัฐบาลต้องลดจำนวนเงินกู้ รักษากรอบวินัยการเงินการคลัง "วุฒิพงศ์" เขย่าหนักหั่นเบี้ยเลี้ยงนายพล นำเงินไปซื้ออาหารดีๆ ให้พลทหาร ฟาดหนักดีอีไม่มีนักเทคโนโลยี ตามไม่ทันมิจฉาชีพที่ผุดรายวัน ระอาหนักตำรวจไซเบอร์ยังไม่ตื่น “อังคณา” ติงแผนคุ้มครองสิทธิฯ ไม่มีโผล่ชายแดนใต้ งอกแค่งานอบรม
เมื่อวันจันทร์ เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ชี้แจงว่า งบประมาณปี 2568 เป็นการดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ แผนย่อยของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาล เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนให้ความสำคัญกับสวัสดิการที่จำเป็นสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางสังคม และกระจายงบประมาณอย่างเป็นธรรม ไม่ซ้ำซ้อนและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชน และให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้อนถิ่น สำหรับข้อคิดเห็น คำแนะนำ ข้อเสนอ รวมทั้งความห่วงใยที่สมาชิก เสนอแนะไว้ รัฐบาลขอรับไว้และจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงาน
ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กล่าวว่า คณะ กมธ.มีข้อสังเกตถึงรัฐบาล 8 หัวข้อ ดังนี้ 1.แนวเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รัฐบาลควรเร่งทำงาน 3 เรื่อง คือการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการใช้จ่ายลงทุนเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และการเร่งรัดการลงทุนในโครงการลงทุน นอกจากนี้รัฐบาลควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับหนี้สินครัวเรือน เงินเฟ้อ ค่าครองชีพ และการรักษาพื้นที่ทางการคลัง และปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์
นายชีวะภาพกล่าวอีกว่า 2.ความเสี่ยงทางการคลังในการจัดทำงบประมาณ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายมาตลอด ทำให้สัดส่วนการกู้เงินเพื่อชดเชยอยู่ในระดับสูงขึ้นตามไปด้วย คณะ กมธ.จึงมีข้อสังเกตว่าการจัดทำงบประมาณสุ่มเสี่ยงต่อเพดานกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณตามที่กฎหมายกำหนด จากการจัดเก็บรายได้ที่ได้น้อยกว่าประมาณการ ทำให้พื้นที่การคลังมีจำกัด ดังนั้นรัฐบาลต้องเพิ่มศักยภาพจัดเก็บรายได้ให้ใกล้เคียงหรือสูงกว่าที่ประมาณการ และกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการลดรายจ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายประจำ
3.สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีตั้งแต่ปี 62-65 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ยังอยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด แต่หากรัฐมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายมากขึ้นผ่านกู้เพื่อชดเชย แต่การชำระต้นเงินกู้จะทำให้ยอดลดลงไม่มาก ทำให้การรักษากรอบวินัยการเงินการคลังสุ่มเสี่ยง ดังนั้นรัฐต้องจัดงบประมาณเพื่อชำระต้นเงินกู้เพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.5 แต่ไม่เกินร้อยละ 4.0
4.ประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ เพื่อให้มีรายได้ที่พอเพียงหรือใกล้เคียงกับรายจ่าย การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล รัฐบาลจำเป็นต้องขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจให้มีผลเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร เอสเอ็มอี ปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงาน สร้างรายได้ท่องเที่ยว เป็นต้น
“5.การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ รัฐบาลควรหาแนวทางเพื่อลดจำนวนเงินกู้ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และต้องรักษากรอบวินัยการเงินการคลังให้เป็นไปตามที่กำหนด รวมถึงหลีกเลี่ยงนโยบายหรือโครงการที่จะส่งผลให้ใช้เงินกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณในจำนวนที่สูงขึ้นในอนาคต เพื่อให้การจัดทำงบประมาณมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 6.การจัดทำงบประมาณเพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ ควรเพิ่มสัดส่วนงบประมาณกับยุทธศาสตร์ชาติ จัดทำแผนงานหรือโครงการ และจัดสรรงบประมาณให้กับแผ่นแม่บท และควรกำกับติดตาม รวมถึงควรจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับคำนิยามของแผนงาน ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน” ประธานคณะ กมธ.วิสามัญฯ กล่าว
นายชีวะภาพกล่าวทิ้งท้ายว่า 7.เพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายและการกันเงินเหลื่อมปี ปี 68 รัฐบาลควรเพิ่มประสิทธิภาพหรือเร่งรัดการเบิกจ่าย เพื่อให้เม็ดเงินของรัฐเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจ และ 8.การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานเชิงพื้นที่ ควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัดเต็มกรอบวงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท จัดทำแผนงานพัฒนาจังหวัด ไม่ควรกำหนดรูปแบบให้เหมือนกันทุกจังหวัด แต่ควรให้แต่ละจังหวัดจัดทำแผนให้เหมาะสมกับทิศทางตามศักยภาพพื้นที่
จากนั้นเวลา 11.00 น. นาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ อภิปรายว่า ในส่วนงบกระทรวงกลาโหม งบซื้ออาวุธ งบเบี้ยประชุม เบี้ยเลี้ยง สวัสดิการผู้บังคับบัญชา ขอให้ลดลง นายพลทั้งหลายรับให้น้อยลง เกลี่ยให้ทหารชั้นผู้น้อยบ้าง ทหารชั้นผู้น้อยอยู่ชายแดนได้รับสวัสดิการยังไม่เต็มที่ อาหารก็แทบจะไม่มี เขาไม่อยากได้ถาดหลุมแพงๆ เขาอยากได้อาหารดีๆ ที่ครบ 5 หมู่ ดังนั้นการใช้งบประมาณควรต้องมีหลักธรรมาภิบาล
น.ต.วุฒิพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนงบของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่มีปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่ปลัดกระทรวงก็ไม่ใช่นักไอที แต่ที่ได้เป็นเพราะอาวุโสถึง แล้วมาจากกระทรวงอื่น ซึ่งจะเห็นได้ว่ากระทรวงนี้ขาดนักเทคโนโลยี รวมถึงปัญหามิจฉาชีพที่ตอนนี้มีทั่วไปหมด
"มีใครไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพบ้าง ดังนั้นควรจะมีการบูรณาการระหว่างกระทรวงดีอี, ธนาคาร, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คือกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ เมื่อไหร่จะตื่นขึ้นมาทำงาน ตอนนี้ลองไปแจ้งความดูจะเป็นคดีที่ 5 แสน เมื่อไหร่เสร็จก็ไม่ทราบ ท่านอาจจะอ้างว่ากฎหมายมีความล่าช้า ซึ่งก็สามารถแก้ได้ ก็บอกมาว่าต้องแก้มาตราไหนเราจะช่วยแก้ให้" น.ต.วุฒิพงศ์ระบุ
เมื่อเวลา 18.00 น. หลังสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายแล้วเสร็จ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบ 174 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 68
จากนั้นนายพิชัยได้กล่าวขอบคุณ สว.ที่ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 พร้อมกล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจว่านโยบายและงบประมาณที่ได้รับอนุมัติครั้งนี้ จะนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์แผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความโปร่งใส และเป็นผลสำเร็จตามที่กำหนดไว้ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อม เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดตามความมุ่งหวังของรัฐบาลและสมาชิกต่อไป
ด้านนางสาวนันทนา นันทวโรภาส ให้สัมภาษณ์ว่า จากการดูรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 68 เป็นการจัดที่ไม่มียุทธศาสตร์ เชื่อว่าเป็นการจัดทำงบประมาณของข้าราชการประจำ ทำให้ไม่มีลักษณะของการกระตุ้นเศรษฐกิจ และงบฯ ที่เข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นงบประมาณในส่วนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และซอฟต์พาวเวอร์ หากยังจัดงบประมาณแบบนี้ต่อไป ปีหน้าคงหมดหวัง
ขณะที่นางอังคณา นีละไพจิตร ระบุว่า ตั้งข้อสงสัยว่า แผนมนุษยชนแห่งชาติอยู่ตรงส่วนไหนของงบฯ และทุกกระทรวงได้นำเข้าไปอยู่ในแผนงบประมาณหรือไม่ รวมถึงเรื่องเพศสภาพหรือวัย ทุกกระทรวงได้นำไปใส่หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น งบฯ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ส่วนมากเป็นเรื่องของความมั่นคง แต่ไม่ได้เป็นเรื่องของการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องของการบูรณาการจัดการอบรมเฉยๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
พ่อนายกฯเคลียร์MOUสยบม็อบ
อิ๊งค์พร้อม! จัดชุดใหญ่แถลงผลงานรัฐบาล ลั่นรอจังหวะไปตอบกระทู้
รบ.อิ๊งค์ไม่มีปฏิวัติ! ทักษิณชิ่งสั่งยึดกองทัพ เหน็บอนุทินชิงหล่อเกิน
"ทักษิณ" โบ้ยไม่รู้ "หัวเขียง" ชงแก้ร่าง กม.จัดระเบียบกลาโหม
ศาลรับคำร้อง ให้สว.สมชาย หยุดทำหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “สมชาย เล่งหลัก” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.
คิกออฟแพ็กเกจแก้หนี้ ลุ้นบอร์ดขึ้นค่าแรง400
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.คลอดชุดใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน "คลัง-แบงก์ชาติ"
เร่งตั้ง‘สสร.’ให้ทันปี70
รัฐสภาจัดงานวันรัฐธรรมนูญคึกคัก แต่พรรคประชาชนเมินเข้าร่วม