จัดการพ่อก่อนลูก! ‘จตุพร’ ถามหา ‘ทักษิณ’ หายไปไหนแฉแหลกสอบชั้น 14 คึกคัก

ตามหาคนหาย! "จตุพร" ถามหา  "ทักษิณ" อยู่ไหน ช่วยแสดงตนหน่อย ได้ข่าวกรณีนักโทษเทวดาชั้น 14 กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนัก ลั่น! เขาจัดการพ่อก่อนอยู่แล้ว เมื่อถึงคิวลูก พ่อไม่อยู่ลูกก็อยู่ไม่ได้ ขอให้มีความสุข ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต อัดยับขายแผ่นดิน 99 ปีให้ต่างชาติ ฮุบที่ธรณีสงฆ์ กาสิโน ทุนเทาทะลัก  "วรชัย" แฉมีลุงแก่ๆ ใช้เครื่องบินเจ้าสัวบินไปประเทศสิงคโปร์ กลับมา 29 ก.ย. มีนาย "พ."  ใกล้ชิดลุงแก่ๆ ไปโผล่แถวพระอาทิตย์ เจอแกนนำม็อบ

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 นายจตุพร  พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ในฐานะวิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการไม่เคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตอนนี้นายทักษิณอยู่ที่ไหน ช่วยแสดงตนหน่อย เพราะเรื่องของนายทักษิณ ข่าวที่ตนได้ยินมาไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ว่าขณะนี้แพทยสภาส่งเรื่องผลการสอบสวน 4 หมอ 2 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปยังกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และ กสม.จะต้องส่งไปยัง ป.ป.ช. และการสอบสวนในทางลับตั้งแต่  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รวมถึงคนที่เดินทางไปด้วยอีก 2 คน ซึ่งไปต่างกรรมต่างวาระ

นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่ถูกสอบสวนทางลับอีกมากมาย ทุกวันนี้คนเชื่อหรือไม่ว่านายทักษิณป่วยจริง ซึ่งเรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลอีกไม่นาน และหลังจากที่ศาลอาญาทุจริตประทับรับฟ้อง กระบวนการที่จะส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากพิสูจน์ชัดว่าโทษ 1 ปีที่ได้รับการพระราชทานลดโทษ ไม่มีการติดคุกอยู่จริง ศาลก็สั่งได้ ซึ่งตนมีประสบการณ์อยู่แล้ว เป็นคนแรกในประเทศไทยที่ได้รับหมายปล่อยออกมาแล้วถูกจับไปขังในคดีเดิม นายทักษิณจะได้รับโอกาสเป็นรายที่ 2 ซึ่งตอนนั้นนายทักษิณจะหนีหรือจะอยู่ หากหนีจะง่ายเหมือนเดิม เหมือนที่เขาเปิดโอกาสให้บินออกไปได้หรือไม่ โดยวันนั้นตนก็ไปส่ง สถานการณ์ในวันนี้จึงทำให้ออกมาโลดแล่นเหมือนเดิมไม่ได้

"ดังนั้น เขาจัดการพ่อก่อนอยู่แล้ว และเมื่อถึงคิวลูก เมื่อพ่อไม่อยู่ ลูกก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็มีความสุขไป ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต โพลได้รับความนิยมลำดับ 1 ถามว่าทำอะไรจนได้รับความนิยมขนาดนั้น" นายจตุพรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้นายทักษิณไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้หรือไม่ นายจตุพรตอบว่า หากไฟเขียวจริง เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ก็คงจะได้แก้ไขกันแล้ว เห็นหรือไม่ว่าพรรคร่วมไม่เอาด้วยสักพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าพรรคร่วมเป็นคนเสนอ แต่พรรคร่วมบอกว่าไม่มีใครเอาด้วย และระเบิดเวลาลูกใหญ่อีกลูก หลัง 25 ต.ค.นี้ มีคดีตากใบ ถือว่าน่ากังวลกับท่าทีของคนในรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องบาดแผลทางใจ แค่พูดให้คุณสบายใจยังพูดไม่เป็น ยิ่งพูดยิ่งได้เห็นกมลสันดานว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

นายจตุพรยังให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมรัฐบาลแพทองธารว่า รัฐบาลนี้จะล้มได้ จะจุดม็อบติดได้ ไม่ใช่แกนนำม็อบ แต่คือรัฐบาล ที่จะเป็นไม้ขีดไฟ เป็นน้ำมันเสียเอง ที่ผ่านมาคนเข้าใจผิดคิดว่าม็อบจุดไม่ติดอยู่ที่แกนนำหรืออยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่อยู่ที่รัฐบาล ดังนั้นการอยู่หรือไปของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ในกระบวนการขององค์กรอิสระ ไม่ว่าประเด็นเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ดูเหมือนจะรอดยากที่สุด เพราะที่ดินเป็นธรณีสงฆ์ ไม่สามารถซื้อขายได้ แม้จะบอกว่าไม่ได้ซื้อตรง เป็นการซื้อต่อมาอีกที แต่ก็กลายเป็นกรณีรับของโจร และมีการโอนหุ้นต่อให้แม่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งในคำวินิจฉัยของศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกอดีตปลัดกระทรวงที่เคยเซ็นอนุญาตให้มีการซื้อขาย สุดๆ ไปถึง 2 ปี

ขายแผ่นดิน 99 ปีให้ต่างชาติ

ดังนั้นที่ดินตรงนี้จะต้องกลายเป็นของวัด  เพราะเป็นที่ดินที่ได้รับบริจาคมา ไม่สามารถที่จะนำไปทำเป็นสนามกอล์ฟหรือทำการซื้อขายได้  ฉะนั้น น.ส.แพทองธารก็ต้องอยู่ภายใต้กลไกของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว

และประเด็นที่จะทำให้เรื่องนี้เดินเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว คือผลพวงจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน เพราะการแต่งตั้งรัฐมนตรีนั้นเป็นมติพรรคเพื่อไทย ซึ่ง น.ส.แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรค เรื่องนี้อาจจะมีการสั่งให้ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ อาจถูกดำเนินคดีทางอาญา เพราะผู้สมัคร อบจ.พรรคเพื่อไทยถูกใบเหลือง เนื่องจากจัดมหรสพ ซึ่งภายในงานก็มีแกนนำพรรคเพื่อไทยอยู่กันครบ นี่คือการอยู่หรือไปของ  น.ส.แพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกมาขับไล่ของประชาชน

ส่วนเหตุผลที่ภาคประชาชนจะลงท้องถนนได้นั้น เพราะมีการขายแผ่นดิน 99 ปีให้กับต่างชาติ  แม้จะมีการกล่าวอ้างว่าครบ 99 ปีแล้วจะคืนที่ดินให้กับกรมธนารักษ์ไปสร้างบ้านให้กับคนจน

"ที่วัดคุณยังไม่เว้น 99 ปี คนพูดวันนี้ก็ตายแล้ว คนฟังก็ตายแล้ว ลูกคนพูดก็ตายแล้ว ลูกคนฟังก็ตายแล้ว สิ่งที่ประจักษ์ชัดยังโกหก ในอดีตทำไมให้ 30 ปี เพราะรู้ว่านี่กระทบต่อดินแดน ที่มาขยายเป็น 99 ปี ในอดีตทำไมถึงเอา 49% นี่มาขยายเป็น 75% ผลประโยชน์ส่วนตัวล้วนๆ"

นายจตุพรกล่าวว่า ยังมีเรื่องบ่อนอีก รัฐบาลที่ผ่านมามีหน้าไหนบ้างที่กล้านำเสนอนโยบายเร่งด่วนเรื่องการทำบ่อน ใช้ในนามแฝงเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดูตัวอย่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของประเทศจีนที่เพิ่งสร้าง  ทำไมไม่ใส่บ่อนเข้าไป นี่คือผลประโยชน์ส่วนตัวอีกเรื่อง

"ที่ทุเรศคือ บ่อน 8 แห่งแรกเข้า 5,000 บาท ที่เหลือปีละ 1,000 บาท 8 แห่งเก็บเงินได้ 280,000 ล้านเท่านั้น เฉลี่ยต่อปี 9,300 ล้าน รายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศดีๆ ปีละกว่า 3 จุดล้านล้าน 30 ปีได้ 90 กว่าล้านล้าน อาจจะทะลุ 100 ล้าน ขณะบอลได้เพียงแค่ 280,000 ล้านเท่านั้น มีการศึกษาว่าคนจะไปเล่น 4 ล้านเป็นคนไทย  แล้ว 3 ล้านบาทต่างชาติ 1 ล้าน แต่ที่เลวร้ายมากกว่านั้นคือระบบบ่อนออนไลน์ เว็บไซต์ออนไลน์ วันนี้มีกว่า 7 แสนเว็บ ซึ่งพวกนี้ถ่ายทอดสดจากบ่อนที่ต่างประเทศ ต่อไปก็มาถ่ายที่บ่อน 8 แห่งในประเทศไทย การพนันก็จะระบาดควบคุมอะไรไม่ได้ ถามว่าประเทศได้อะไรผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งนั้น บนโต๊ะประเทศได้เท่านี้  ใต้โต๊ะแลกกับความเสียหายและผลประโยชน์ส่วนตัวของคุณๆ ทั้งนั้น"

พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา

นายจตุพรกล่าวว่า ยังมีการเจรจาผลประโยชน์เขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา  นี่ขนาดเจรจาไม่จบสัมปทานขุดมายกให้ต่างชาติไปแล้ว รัฐมนตรีพลังงานทำอะไรไม่ถูกอยู่ขณะนี้  และที่สำคัญที่สุดนำพาไปสู่การเสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียวก็เกิดเรื่องแล้ว ส่วนเรื่องแลนด์บริดจ์ ถ้าสร้างท่าเรือ ระบบล้อระบบรางไม่ขัดข้อง แต่ถ้าเอาที่ 300,000 ไร่ แถมไปกับ 99 ปี  เกิดเรื่องแน่ แต่เมื่อถามว่ารัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำไมไม่ให้โอกาสเขาก่อน แสดงว่ารัฐบาลที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลสามารถหลอกลวงประชาชนในการหาเสียงเบื้องต้น พูดอย่างไม่จับมือกับใครจุดเด่นทางการเมืองอย่างไร นโยบายเป็นอย่างไรไม่ต้องปฏิบัติตาม

"พอมาเป็นรัฐบาลคนไทยก็ให้โอกาส แล้วจะให้โอกาสไปขายแผ่นดิน ไปทำบ่อน แล้วก็บอกว่าเขาเพิ่งเข้ามาประชาชนออกไป เดี๋ยวทหารจะออกมา แล้วถ้าขายแผ่นดินทหารไม่ทำอะไรเลย  ทหารก็เฮงซวย ถ้ารอประชาชนก่อน วันนี้คุณหยุดประชาชนได้คุณก็อย่าไปจุดม็อบเสียเอง ก็คุณอย่าไปขายแผ่นดิน 99 ปี คุณอย่าไปทำบ่อน  คุณอย่าทำให้ประเทศเสียประโยชน์ เสียดินแดน  รวมกระทั่งการทำลายระบบเงินตรา"

นายจตุพรยังกล่าวว่า วันนี้แจกเป็นเงินสด พูดว่าดิจิทัลจะเอายังไง ฉะนั้นประเด็นสำคัญคือการทำลายระบบเงินตราการซื้อขาย คอนโดฯ และที่ดิน ผ่านระบบเงินดิจิทัล คนใกล้ชิดผู้มีอำนาจไปจดทะเบียนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัล คนในอดีตก็ไปจดทะเบียนที่ฮ่องกง ที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัล แล้วประเทศคืออะไร เรื่องทั้งหมดเขาเข้ามา เมื่อทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองหรือเปล่า เรื่องที่ทำทั้งหมดฟื้นเศรษฐกิจ หรือการทำลายชาติ การขายชาติ

"พอประชาชนจะออกก็บอกว่าไม่เห็นแก่ความสงบ ออกมาป่วน แล้วคนที่ยืนให้เขาขายชาติตาปริบๆ คุณจะว่าอย่างไร เหมือนกับบอกว่าคนที่ออกมาคือพวกรับจ้างขวางรัฐบาลเขา ขวางการขายชาติขายแผ่นดิน แล้วคนที่สนับสนุนการขายชาติขายแผ่นดิน เป็นคนที่ทำตัวเสียสละเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน" นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรยังกล่าวต่อว่า วันนี้การอยู่หรือไปของ น.ส.แพทองธาร คือกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ และคุณสมบัติต้องห้ามอย่างอื่น นี่คือการอยู่หรือไปเหมือนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี

"การที่ประชาชนออกท้องถนนไปขวาง ถ้าวันหนึ่งเดินไปถึง การขายแผ่นดิน 99 ปี การทำบ่อน ประชาชนต้องออกไปขวาง เพราะเท่ากับรัฐบาลเป็นผู้จุดม็อบเอง ไม่มีแกนนำหน้าไหนประชาชนหน้าไหนในประวัติศาสตร์ที่จะจุดม็อบติด คนจุดม็อบติดคือรัฐบาล ไม่ว่าตัวนายกรัฐมนตรีหรือพ่อของนายกรัฐมนตรีก็ตาม" นายจตุพรกล่าว

เมื่อถามว่า หากใช้กลไกองค์กรอิสระ อาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน จะทำให้คนต้องลงถนนก่อนหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า มันเป็นรอยต่อ เพราะในบางเรื่องทาง กกต.ก็ทำหน้าที่เหมือนไปรษณีย์ ไม่มีหน้าที่วินิจฉัย นายทะเบียนพรรคการเมืองมีหน้าที่ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ถึงมือประชาชนถ้า วันนี้ต่างคนต่างทำหน้าที่ก็ไม่ถึงมือประชาชน ใครจะอยากลงถนน แต่เราเห็นว่าถ้ามีการขายชาติ ต้องเสียดินแดนถึง 99 ปี รวมถึงทำบ่อนการพนัน เราก็ยอมไม่ได้ เพราะฉะนั้นหนทางข้างหน้าตัวนายกรัฐมนตรีหรือพ่อนายกรัฐมนตรีที่เงียบหายไปหลายวันคือผู้จุดม็อบ ไม่ใช่ประชาชน

อาจถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต

ซักว่าการที่ น.ส.แพทองธารได้รับกระแสนิยมเป็นอันดับ 1 ของนิด้าโพลรายไตรมาส และติด 1 ใน 100 อันดับผู้นำที่ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสารไทม์ จะทำให้คนลืมเรื่องไม่ดีหรือไม่   นายจตุพรถามกลับสื่อมวลชนทันทีว่า  ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าใครที่ติดอันดับนิตยสารไทม์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น พร้อมยกตัวอย่าง 3 รายก่อนหน้า ได้แก่ ปี 2019 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังจากนั้นก็ถูกยุบพรรคตัดสิทธิทางการเมือง และถูกดำเนินคดี ม.112 เรื่องวัคซีน, ต่อมาปี 2021 นายอานนท์ นำภา ตอนนี้อยู่ที่ไหน, คนที่ 3 ปี 2023 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล วันนี้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี และกำลังถูกดำเนินคดีจาก ป.ป.ช. เรื่องจริยธรรม อาจถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต

"ผู้ที่ได้รับรางวัลทรงอิทธิพลแห่งอนาคตทั้ง 3 คน หลังจากนั้นไม่เหลือในปัจจุบัน แล้วคุณอุ๊งอิ๊งค์ภาคภูมิใจอะไรนักหนา คุณก็คือคิวต่อไป" นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ต่อมาโพลนิด้า ก่อนที่ น.ส.แพทองธารได้ ใครได้อันดับ 1 มาก่อน นั่นคือนายพิธา แล้วตอนนี้นายพิธาอยู่ไหน ต้องเขียนจดหมายจากฮาร์เวิร์ด แล้ว น.ส.แพทองธารจะเขียนจดหมายจากไหนมายังประเทศไทย เห็นอยู่แล้วว่าเป็นบันไดเข้าสู่ลานประหาร เมื่อเป็นที่ 1 แล้วก็ถูกจัดการหมด ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้มีความดีใจ เพราะดีใจกันมาทุกคน หลังจากนั้นผลลัพธ์เป็นอย่างไร ถ้าในทางการแพทย์เขาเรียกว่ามะเร็งระยะสุดท้าย ร่างกายจะสวยงาม เปล่งปลั่งเสมอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พีซทีวี คณะหลอมรวมประชาชนนำโดยนายจตุพร และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มคณะหลอมรวมประชาชน จัดเวทีพูดคุยปราศรัยในหัวข้อ “ประเทศไทย อดีต ปัจจุบัน อนาคต” เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของนายจตุพร โดยเปิดให้ประชาชนเข้ามาร่วมรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ก่อนขึ้นเวทีปราศรัย

บรรยากาศก่อนเริ่มงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มีมวลชนจากอดีตกลุ่ม นปช.และ กปปส.เข้าร่วมงาน โดยมีวงออร์เคสตราชุดใหญ่จากนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงบรรเลงเพลงก่อนการปราศรัยด้วย

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีที่มีหลายกลุ่มเตรียมรวมตัวก่อม็อบทอดกฐินขับไล่รัฐบาลว่า สถานการณ์ในประเทศขณะนี้ประชาชนทุกคนต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง รู้ปัญหา เพื่อทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีอาชีพค้าความขัดแย้ง ต้องการสร้างเงื่อนไขให้ประชาชนเกลียดรัฐบาล ถือเป็นการทำลายประเทศชาติด้วยเหตุผลความแค้นส่วนตัวล้วนๆ

               เขาบอกว่า ขณะนี้รัฐบาลเพิ่งทำงาน กำลังเดินหน้าไปได้ดี ทั้งการเรียกความเชื่อมั่น แก้วิกฤตภัยธรรมชาติ ยังไม่มีเงื่อนไขอะไรให้ออกมาเคลื่อนไหว จึงถือเป็นความแค้นส่วนตัวล้วนๆ  โดยตนได้ข้อมูลมาว่า วันที่ 28 ก.ย. มีลุงแก่ๆ คนหนึ่งใช้เครื่องบินของเจ้าสัวบินไปประเทศสิงคโปร์  กลับมาวันที่ 29 ก.ย. จากนั้นมีนาย พ. ที่ใกล้ชิดลุงแก่ๆ คนดังกล่าวไปโผล่แถวพระอาทิตย์ รวมถึงไปเจอแกนนำม็อบ ทั้งที่เคยรวมตัวกันข้างทำเนียบฯ และที่มีฐานที่มั่นอยู่แถวถนนรามอินทรา ทำให้มีการรวมตัวเฉพาะกิจ จนเกิดการนัดหมายเขย่ารัฐบาลในช่วงนี้ สิ่งนี้จะสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ เพราะนักลงทุนที่กำลังจะเดินหน้าเข้ามาลงทุนจะชะงักงันได้ ที่ผ่านมาประเทศเรามีคนได้ประโยชน์จากความขัดแย้งแค่ไม่กี่คน ตอนนี้พวกเขากำลังจะสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ และอาจเป็นเงื่อนไขกวักมือรถถังอีกครั้ง

“ผมจึงขอให้ประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศร่วมกันวิจารณ์การกระทำเช่นนี้ และไม่ให้ความร่วมมือกับพวกพ่อค้าความขัดแย้งเหล่านี้” นายวรชัยกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง