นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบปี 69 วาง 3 เป้าหมาย ไม่ลดสัดส่วนนักลงทุน-ไม่เพิ่มงบ-ไม่เพิ่มอัตรากำลัง เน้นเติบโตทางประสิทธิผล ย้ำใช้ทุกบาททุกสตางค์คุ้มค่า หวัง ขรก.ร่วมกันเปลี่ยนแปลง “พิชัย” รับลูก “ทักษิณ” ปักหมุดปั๊มจีดีพีปี 68 ทะยานทะลุ 3% เป็นแรงส่งเข็นเศรษฐกิจปี 69 พุ่งแตะ 4-5% เผยสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติยังไม่คืบ รับมีชื่อผุดเยอะ
ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 15 มกราคม เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) หัวหน้าหน่วยงานราชการจากทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เข้าร่วม
โดยนายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า อยากให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกันในการตั้งงบประมาณ จะได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานความเข้าใจเดียวกัน ซึ่งวันนี้ทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศเราเจอเรื่องท้าทายมากมาย และมีความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติที่รัฐบาลอยากจะแก้ไข และจะทำอย่างไรได้บ้างที่จะจัดทำงบประมาณปี 2569 ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดด้วยงบที่มีอยู่จำกัด ขอตั้งเป้าหมายการจัดทำงบประมาณของปี 2569 ด้วยคำว่าการเติบโตทางประสิทธิผล ที่เราจะต้องใช้งบอย่างแม่นยำมากขึ้น และเป็นงบที่ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 1.ไม่ลดสัดส่วนนักลงทุนและอุดหนุน เพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 2.ไม่เพิ่มงบดำเนินงาน เน้นเพิ่มประสิทธิผล และไม่เพิ่มงบประมาณ และ 3.ไม่เพิ่มอัตรากำลังเน้นพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพและดูแลด้านสวัสดิการให้ทั่วถึงและเท่าเทียม โดยรัฐบาลเน้นคุณภาพของคนอย่างทั่วถึง ถือเป็นปัญหาความท้าทายทั้งในและต่างประเทศ
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ในการจัดสรรงบประมาณปี 2569 ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาตามการปรับขึ้นเท่าที่จำเป็น และแน่นอนว่าพยายามที่จะไม่สร้างรายจ่ายประจำให้เพิ่มขึ้น เพราะจะเป็นต้นทุนที่สะสมทุกปี ซึ่งทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันว่าเราจะลดรายจ่ายประจำอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่ต้องเจาะลึกลงไป ขอให้ทุกคนคิดเรื่องนี้ไว้ในใจ ทั้งนี้ นโยบายคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ โดยให้กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเทียบเคียงกับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย เพื่อให้งบประมาณเพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่างๆ นอกจากนี้ ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
"ในการจัดทำคำขอรับงบประมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้ความสำคัญกับโครงการลงทุนของภาครัฐ รวมถึงให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินรายได้หรือเงินสะสมนำเงินดังกล่าวมาใช้ดำเนินโครงการภารกิจในความรับผิดชอบเป็นลำดับแรก รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินอื่นเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินโครงการตามความเหมาะสม เช่น เงินกู้ และการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐ (PPP) เพื่อลดภาระงบประมาณของประเทศและให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงให้พิจารณาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจูงใจภาคเอกชนและนักลงทุนจากต่างชาติ หวังว่าข้าราชการทุกคนจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้เกิดงบประมาณที่มีประโยชน์ที่สุด และทำให้กับประชาชนได้เชื่อว่าข้าราชการ 2 ล้านคน จะดูแลประชาชนทั้งประเทศได้อย่างปลอดภัย" นายกฯ ระบุ
วันเดียวกัน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวได้ที่ 4% และปี 2569 เติบโตเพิ่มขึ้น 5% ว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายชัดเจนในการผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้เกิน 3% เพื่อเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยในปี 2569 สามารถขยายตัวได้ที่ระดับ 4-5% หากนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการเห็นผลชัดเจนทั้งหมด
“ยืนยันว่ามีโอกาสที่ปี 2568 จะได้เห็นจีดีพีเติบโตได้เกิน 3% ซึ่งตรงนี้จะกลายเป็นแรงส่งที่ดีให้กับเศรษฐกิจในปี 2569 ให้ขยายตัวได้ถึง 4-5% แต่ยอมรับว่าอาจจะต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจของเรามีค่อนข้างเยอะ และอาจจะต้องใช้เวลา 1-2 ปีที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อทำให้เศรษฐกิจสามารถกลับมาเติบโตได้ตามที่คาดหวังไว้” นายพิชัยระบุ
สำหรับกรณีการสรรหาประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 16 ม.ค.2568 และจะไม่มีการต่อเวลาออกไปอีกนั้น นายพิชัยยืนยันว่า การสรรหาประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ จะเป็นไปอย่างโปร่งใสและรัดกุม ซึ่งหากดำเนินการสรรหาไม่ทัน จะต้องตั้งรองประธานกรรมการ ธปท.ขึ้นมารักษาการแทน คือ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ให้ทำหน้าที่รักษาการไปพลางก่อน
“กระบวนการสรรหาจะทำอย่างไร เงื่อนไขเป็นอย่างไร จะเริ่มตั้งแต่แรกทั้งหมดไหม จะเอารายชื่อเดิมมาพิจารณาอีกหรือไม่ ก็อยู่ที่คณะกรรมการคัดเลือกจะเป็นผู้พิจารณา โดยจนถึงวันนี้ก็มีชื่อเยอะแยะไปหมด แต่ก็ต้องรอความเห็นก่อน เพราะต้องนำความเห็นของกฤษฎีกามานั่งอ่านด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยตรวจมาแล้ว แล้วก็ไม่ผ่าน” นายพิชัย ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อิ๊งค์’ ปลื้มผลงานตัดไฟ
ผลงานชิ้นโบแดง "อุ๊งอิ๊ง" โวลั่นจีนชมไทยเด็ดขาดตัดไฟเมียนมา พร้อมหนุนช่วยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่สนหม่องประท้วงแบนไทย ยันคนไทยต้องมาก่อน
ฝ่ายค้านตั้งแท่นซักฟอก ขยี้จุดอ่อน-ทุบบริหารล้มเหลว ปรับ ครม.หลังปิดสภาฯ
มีความชัดเจนตามลำดับสำหรับ "ศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล" ของพรรคฝ่ายค้าน หลังโหมโรงมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ว่าก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ รอบนี้เดือนเมษายน
ไทยจับเรือเมียนมา ขนนํ้ามันข้ามแดน
จับเรือเมียนมา 2 ลำ พร้อมลูกเรือ รุกล้ำน่านน้ำไทยด้านจังหวัดระนอง ฐานลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร และนำเรือรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตร.เชียงใหม่ตอก ‘ปูอัด’!
ตร.เชียงใหม่ตอบ "ปูอัด" เหตุออกหมายจับไม่ออกหมายเรียก เพราะคดีมีโทษเกิน 3 ปี และทุกอย่างก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล เผยกงสุลไต้หวันเป็นผู้ติดตาม
ห้ามเชือด‘ทักษิณ’ องครักษ์พิทักษ์นายใหญ่แห่ขวางซักฟอกชั้น14อ้างเป็นคนนอก
"อุ๊งอิ๊ง" ยันเพิ่งมาเป็นนายกฯ ยังไม่ปรับ ครม. ต้องการความต่อเนื่องเพื่อความแข็งแรง ยอมรับโดนแน่ซักฟอกชั้น 14 ขณะที่ลูกหาบเพื่อไทยประสานเสียงห้ามอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายกฯอิ๊งค์ บอกถ้าไม่มีจะแปลกใจ ฝ่ายค้านจ่อซักฟอกทักษิณนอนชั้น 14
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ 27 ก.พ. ว่า ยินดีตอบทุกคำถาม หลังจากนี้จะให้วิปรัฐบาลคุยกัน