อิ๊งค์บินจีนปราบคอลเซ็นเตอร์

นายกฯ อิ๊งค์เผยบินไปจีน 5-8 ก.พ.  จ่อคุย "สี จิ้นผิง" แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย  ปลื้มคลิป AI คนจีนตอบรับดี มั่นใจแก้คอลเซ็นเตอร์ได้ในปีนี้ตาม ครม.ออก พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ ให้อำนาจเด็ดขาดเจ้าหน้าที่  จับกุม เพิกถอน เพิ่มโทษ ชี้เจ้าของแอปธนาคาร เครือข่ายมือถือจะลอยตัวไม่ได้ ดึงเงินคืนผู้เสียหายได้เร็วขึ้น คาดเดือน ก.พ.บังคับใช้ “กมธ.มั่นคงฯ”  รับเรื่องร้องเรียนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “โรม” ขู่ฟ้องหน่วยงานที่รับผิดชอบทำให้มีผู้เสียหายวันละพันคน

เมื่อวันอังคาร ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 5-8 ก.พ.นี้ ที่จะได้พูดคุยกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน จะได้หารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ว่า นี่คือประเด็นที่จะไปหารือ และจีนเองก็คงอยากได้ความร่วมมือจากเราเช่นกัน เพราะเรากับจีนความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน การไปจีนก็จะพูดเรื่องคอลเซ็นเตอร์และการพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไป เพราะปีนี้เป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปีไทยและจีน ถ้ามีโอกาสก็จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าเพิ่มขึ้น

เมื่อถามว่า การไปเยือนจีนจะพูดคุยให้ช่วยเรื่องปัญหาโซเชียลมีเดียที่มีการปล่อยข่าวเรื่องการท่องเที่ยวจากจีนที่ไม่ตรงเกี่ยวกับประเทศไทย จะหารือประเด็นนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) หารือโดยตรงแล้ว แต่แน่นอนว่าตนไปเอง จะต้องขอความร่วมมือเรื่องนี้ และกรณีที่อัดคลิปวิดีโอ AI เป็นภาษาจีนชี้แจงเรื่องดังกล่าว นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย บอกว่าคลิปดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคนจีนก็ชอบที่เราสื่อสารกับเขาเป็นภาษาจีนทั้งที่ตนเองพูดไม่ได้

เมื่อถามต่อว่า เอกชนเสนอให้ตั้งทีมมอนิเตอร์โซเชียลของจีน จะนำประเด็นนี้ไปหารือหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวดำเนินการอยู่แล้ว โดยนายประเสริฐเป็นผู้ตั้งทีมมอนิเตอร์ข่าวเท็จว่ามีอะไรบ้างที่เกี่ยวกับประเทศไทย จะได้รู้ว่าเราจะปกป้องประเทศเราอย่างไรไม่ให้ข่าวลือข่าวอะไรมันมา

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดไปภายในปีนี้ แนวทางของรัฐบาลมีความเป็นไปได้หรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณกล่าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ทั้งเรื่องของการปราบปรามยาเสพติด การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องฝุ่นควันอะไรต่างๆ มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำสำเร็จ การได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านจะสามารถช่วยเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงดีอีจะนำเสนอแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีเหตุผลความเร่งด่วนตามการชี้แจงในที่ประชุม ครม. ดังนี้ รัฐบาลพบว่าประชาชนยังได้รับความเสียหายเฉลี่ยต่อวัน 60-70 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการแก้ปัญหานี้ และ พ.ร.ก.ฉบับเดิม พ.ศ.2566 ยังขาดอำนาจหน้าที่และการกำหนดโทษหลายๆ ประเด็น โดยเฉพาะอำนาจการดำเนินการกับบัญชีม้าบนแพลตฟอร์ม P2P, อำนาจการคืนเงินให้กับประชาชน และการรับผิดร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทั้งนี้ พ.ร.ก.ฉบับนี้มีสาระสำคัญในการเสนอการแก้ไขเพิ่มเติม  พ.ร.ก.ฉบับเดิม พ.ศ.2566 ดังนี้

1.เพิ่มอำนาจการดำเนินการกับแพลตฟอร์ม P2P ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด 2.เพิ่มหน้าที่ให้ telco provider ต้องระงับซิมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด 3.เพิ่มหน้าที่การส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีม้าของธนาคารต่างๆ ไปยัง ปปง. เพื่อตรวจสอบและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้รวดเร็วมากขึ้น 4.เพิ่มบทลงโทษแพลตฟอร์ม P2P รวมถึงธนาคารที่ไม่ปฏิเสธการเปิดบัญชีของคนร้าย 5.เพิ่มบทลงโทษผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และ 6.เพิ่มบทลงโทษให้สถาบันทางการเงิน เครือข่ายมือถือ สื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

ปราบแก๊งคอลฯ หมดในปีนี้

นายจิรายุกล่าวว่า เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าหาก ครม.พิจารณาแล้วเห็นว่า การกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ และเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยสาธารณะและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ย่อมสามารถพิจารณาอนุมัติหลักการร่าง  พ.ร.ก.ดังกล่าวได้ หลังจากนี้ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นหน่วยงานไปประกอบการพิจารณาสำหรับร่าง  พ.ร.ก.ฉบับนี้ และมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งเลขาธิการกฤษฎีการะบุจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน คาดว่าประกาศบังคับใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ  และ รมว.ดีอี เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์การออก พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ลดความเสียหายให้ประชาชน การดึงเงินคืนให้ผู้เสียหายจากเดิมที่ใช้เวลาปีกว่าๆ จะเหลือ 6 เดือนหรือไม่เกิน 1 ปี หรืออาจจะคืนได้ทันทีในการดึงเงินคืนกลับมาให้ผู้เสียหาย โดยเฉพาะหากผู้เสียหายยืนยันข้อมูลได้ตรงกับบัญชีก็จะคืนได้ทันที จากเดิมที่ต้องผ่านกระบวนการศาลและมีการฟ้องร้องเสียก่อน

นายประเสริฐกล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณระบุว่าจะปราบคอลเซ็นเตอร์ในปีนี้ให้หมดไปว่า ทำได้  เพราะกฎหมายนี้เป็นหนึ่งในมาตรการดำเนินการ อีกทั้งยังมีมาตรการอื่นอีก เช่นการทำงานร่วมกับต่างประเทศในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานที่ตั้งบริเวณชายแดน ถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลครั้งล่าสุด ได้นำเสนอเรื่องนี้เป็นรายงานในที่ประชุม ซึ่งทุกประเทศก็เห็นด้วยในการยกระดับ และถือว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นภัยที่ทุกประเทศต้องตระหนัก จึงต้องทำงานร่วมกัน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายหลิว จงอี (Mr.Liu Zhongyi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน  พร้อมคณะ เข้าหารือ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา

 พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า ได้มีการขอความร่วมมือทางการไทยในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกระบวนการค้ามนุษย์ หลังพบว่าประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านของเครือข่ายดังกล่าวไปยังประเทศเมียนมา การที่ทางการจีนเลือกมาเจรจากับไทย เนื่องจากคิดว่าประเทศไทยเป็นมิตรและมีความสัมพันธ์มายาวนาน อีกทั้งการเดินทางมาประเทศไทยสะดวก แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้มีการคุยกับทางการของเมียนมา

กมธ.จ่อเอาผิดหน่วยงานต่างๆ

 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า มิจฉาชีพมักจะสร้างเว็บปลอมที่เกี่ยวกับการลงทุน, หลอกหารายได้พิเศษ, หลอกใส่ข้อมูลส่วนตัว โดยเมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อ ก็จะหลอกให้โอนเงินหรือขโมยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ โดยทั้ง 22 เว็บตำรวจไซเบอร์ได้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์มิจฉาชีพทั้งหมดแล้ว แต่เนื่องจากว่าเว็บดังกล่าวผู้ให้บริการไม่ได้อยู่ภายในประเทศ โดยทางตำรวจไซเบอร์ได้ทำการเสนอปิดกั้นไปยังผู้ให้บริการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังพบว่ามีหลายเว็บที่ยังมีการเปิดใช้งานอยู่ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน อย่ากดเข้าเว็บดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย        

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย  ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดนหลอกว่ามีคดีโดยมีตำรวจปลอมแล้วหลอกให้โอนเงิน ซึ่งเรื่องนี้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องมาขอให้ กมธ.ช่วยเหลือ ตอนนี้พวกตนได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อฟ้องหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหลายที่ทำงานไม่รอบคอบ ทำให้มีผู้เสียหายวันละ   1,000 คน

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ความเสียหายต่อประชาชนโดยรวมทั่วประเทศต่อปีอยู่ที่หลัก 7-8 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าตัวเลขจริงอาจจะทะลุแสนล้านบาท ในกรณีที่มายื่นหนังสือร้องเรียนนี้มีความเสียหาย 3.2 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นภัยคุกคามที่สำคัญของประเทศและประชาชน เราไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป คงต้องทำให้จบปัญหาภัยคุกคามนี้ได้แล้ว ซึ่งมีหลายภาคส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ที่จะต้องเข้ามามีมาตรการในการป้องกัน เป็นไปได้อย่างไรที่บัญชีม้าสามารถโอนเงินจากบัญชีอื่นๆ ได้ เป็นผลจากระบบธนาคารของเราอ่อนแอ แม้กระทั่งเรื่องซิม เราทราบว่าปัจจุบันมีซิมม้ามากมาย แต่ไม่ได้เห็นรูปธรรมชัดเจนในการปราบปราม และนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำผิด นี่คือวาระของประเทศไทย ที่เราจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง

เมื่อถามว่า ตอนนี้ตำรวจร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงจีนเพื่อปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คิดว่าจะสามารถจัดการได้หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า  หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่คงต้องดูว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดผลในการปฏิบัติหรือไม่ เราเริ่มตัดไฟมีส่วนในการที่จะทำให้เรื่องนี้คลี่คลายมากขึ้น แต่ก็ไม่พอ  จะต้องมีมาตรการอื่นๆ มาร่วมด้วย เพื่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ่อนแอลง 16-17 ก.พ. กมธ.จะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามเรื่องนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี