คดีฮั้วเลือกสว.สะดุด กคพ.ดึงกกต.ร่วมถก6มี.ค. เคลียร์ปมอำนาจดีเอสไอ

ถกเดือด! อำนาจสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. "กพค." ขอเลื่อนโหวตรับเป็นคดีพิเศษ  เชิญ กกต.ให้ข้อมูล ก่อนลงมติใหม่ 6 มี.ค.  "ภูมิธรรม" ชี้ กกต.ต้องชัดอำนาจสืบสวนคดีอาญา-การเลือก สว.จะให้ดีเอสไอทำทั้งหมดหรือ กกต.จะทำคดีเลือกตั้งเอง ลั่นมีข้อมูลหลักฐานพร้อมสอบสวนสั่งฟ้องศาลทัน สว.67 ครบวาระแน่ "สว.สายน้ำเงิน" นิ่งขอยกเลิกนัดสัมภาษณ์ "อนุทิน" เผย พ.ร.บ.แก้ไขการพนันยังไม่เข้า ครม. อ้างรอความเห็นหลายหน่วย "นายกฯ อิ๊งค์" บอกเกณฑ์เงินฝาก 50 ล้านเล่นกาสิโนต้องฟังเสียงสะท้อน

ที่ห้องประชุมชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม วันที่ 25 ก.พ. เวลา 13.30 น. มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2568 เพื่อพิจารณากรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 และประมวลกฎหมายอาญา 

ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมเพียง 19 ราย จากทั้งหมด 22 ราย ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานบอร์ด กคพ. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็น รองประธาน โดยมีกรรมการที่ขาดประชุม 3 ราย  คือ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา,  พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม เป็นผู้แทน  แต่ปรากฏว่า พล.ต.ท.สมประสงค์ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม จึงทำให้ขาดกรรมการโดยตำแหน่ง  ขณะที่ในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อย่าง พล.ต.อ.สุทินและ พล.ต.ท.สำราญ ขาดการประชุมโดยให้เหตุผลว่ามีอาการเจ็บป่วยต้องเข้าแอดมิตโรงพยาบาลและติดภารกิจ

ช่วงแรกของการประชุม นายภูมิธรรมกล่าวว่า  ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง หากมีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ให้เห็นว่ามีปัญหา เราก็จะนำเข้าสู่กระบวนการรับเป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินการต่อไป  หากไม่ใช่ ไม่ชัด ก็จะพิจารณาไปตามเนื้อผ้า ยืนยันว่าตนไม่มีปัญหาหรือข้อขัดข้อง แต่เรื่องนี้มีผลกระทบต่อสถาบันหลักของประเทศจึงน่าเป็นห่วง  และในทางปฏิบัติ หากชัดเจนว่าไม่มีอะไรก็ต้องว่าไปตามนั้น ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ความรู้สึกมาเป็นตัวกำหนดหรือตัวตัดสิน พิจารณาไปตามเนื้อผ้า  เพราะเราต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเหตุผลที่ยอมให้บรรจุเป็นวาระในการพิจารณาครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องที่มีพยานหลักฐาน จึงต้องแสดงให้ทุกคนที่เป็นกรรมการได้รู้ หากเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดก็จะพิจารณาไปตามความเหมาะสม

"การประชุมในวันนี้ขอเปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูดเต็มที่ และออกความเห็นให้เต็มที่ เพื่อให้ที่ประชุมเห็นความชัดเจนและดำเนินการต่อไป เชื่อมั่นในเกียรติยศและศักดิ์ศรีของกรรมการทุกคน อยากให้พิจารณาในกระบวนการที่เที่ยงธรรมและถูกต้องตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยจะขอให้นำวาระคดีการเลือก สว.มาพิจารณาเป็นวาระแรก" นายภูมิธรรมกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในประชุม กพค. วาระขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือก สว.2567 กคพ.ได้พิจารณาและมีความเห็นหลากหลาย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3) มาตรา 209 (อั้งยี่) ประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 107 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

เลื่อนคดีฮั้ว สว.ถกใหม่ 6 มี.ค.

"กรรมการ กพค.ทั้งหมดได้มีการถกเถียงกันเรื่องอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอ จนท้ายสุดกรรมการฯ ได้เสนอให้มีการเลื่อนลงมติออกไปก่อน  โดยให้เหตุผลว่าต้องเชิญ กกต.เข้ามาชี้แจง" แหล่งข่าวระบุ

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายภูมิธรรมแถลงผลการประชุมว่า เดิมเรื่องนี้มีผู้มาร้องเรียนทางดีเอสไอได้ทำเรื่องประสานงานชี้แจงให้ทาง กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่ง กกต.ก็ได้ส่งเรื่องมายังดีเอสไอว่าขอให้ดีเอสไอรับไปดำเนินการ แต่เป็นการส่งมาในระดับเลขาฯ ไม่ใช่คณะกรรมการโดยตรง ดังนั้นตอนที่เรารับเรื่องมาเราก็ไม่ได้ดูรายละเอียด เมื่อเขาขอให้เราดำเนินการเราก็ดำเนินการ หลังจากเรามีการสืบสวนสอบสวนแล้วคดีน่าจะมีมูล มีรูปธรรมความผิดที่คิดว่าน่าจะสืบสวนสอบสวนให้แน่ชัดให้เป็นที่ประจักษ์ โดยหลังจากดำเนินการต่อเนื่องแล้วนั้น เราได้ส่งเรื่องกลับไปยัง กกต. ว่าเราดำเนินการแบบนี้ ซึ่งทางสำนักเลขาธิการ กกต.ของนายแสวง บุญมี ก็ได้แจ้งใหม่ว่าทางเรายังไม่ได้รับเรื่อง ทั้งที่ตอนแรกมีการทำหนังสือมาให้เราได้พิจารณา และปกติเท่าที่ดูทาง กกต.จะรับเฉพาะคดีเลือกตั้ง ส่วนเรื่องคดีอาญา กกต.จะไม่ได้ดำเนินการ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมครั้งนี้ ค่อนข้างมีความเห็นหลากหลาย และเต็มที่ในการพิจารณาและอภิปรายในมุมต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. แล้วก็คุยกัน ตนคิดว่าภายในที่ประชุมหลังจากได้รับฟังแล้ว ส่วนใหญ่เห็นว่าคดีนี้น่าจะมีเรื่องเกี่ยวข้องในทางอาญาในความผิดที่มีการระบุไว้เกี่ยวกับฐานฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายข้อกฎหมายในที่กำหนดไว้ แต่ก็ยังมีปัญหาที่เป็นข้อถกเถียงและอยากให้รอบคอบ คือมีเรื่องคดีเลือกตั้ง ซึ่งทาง กกต.ยังไม่แจ้งชัดนัก เพราะเป็นการแจ้งมายังฝ่ายเลขาฯ และบอกเราว่ายังไม่มีมติตรงนี้ ฉะนั้นจึงคิดว่าต้องมีการพูดคุยให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้เสร็จสิ้นข้อสงสัย ไม่ต้องมีปัญหาที่จะมาชี้ว่ากระบวนการเป็นอย่างไร

"คนที่แจ้งเรามาเป็นระดับเพียงเลขาธิการ ไม่ใช่ตัวแทนคณะกรรมการโดยตรง เราก็เกรงว่ามันอาจจะไม่รอบคอบและมีปัญหาได้ ที่ประชุมจึงได้มีการขอให้ไปดำเนินการให้ครบถ้วน ทางฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการได้มีการพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเข้าพิจารณา จึงได้มีเสียงโต้แย้งบางส่วนบอกว่ามันไม่ผ่านกระบวนการที่มีคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งทางฝ่ายเลขาฯ ก็ได้ชี้แจงแล้วว่าในฐานะกรรมการและในฐานะที่เป็นเลขานุการ ทางดีเอสไอก็มีอำนาจที่จะทำได้ตามมติ" นายภูมิธรรมกล่าว

ประธาน กพค.กล่าวว่า เรื่องนี้มีความไม่ชัดเจนหลายๆ เรื่อง และเป็นคดีใหญ่ เราอยากทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน โปร่งใส ครบถ้วนและรวดเร็ว จึงมีมติให้ดำเนินการเอาเรื่องนี้ถอนไปให้คณะอนุกรรมการของดีเอสไอได้ดำเนินการให้ครบถ้วนตามขั้นตอน จึงขอเวลาหนึ่งอาทิตย์ เพื่อไม่ให้สังคมมองว่าเราเป็นการยืดเยื้อหรือไม่อยากทำ เพราะเราได้คุยกันตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราจะทำเรื่องนี้โดยไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามา และไม่เป็นความรู้สึกดีหรือไม่ดีต่อกัน เราทำตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และในข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงอยากทำให้ครบถ้วน ทำให้ทุกท่านสบายใจ จึงเป็นเรื่องที่มอบไปยังคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ให้ไปถามให้ถูกต้องตามกระบวนการ เพื่อให้จับสาระในประเด็นข้อโต้แย้งได้

คุย กกต.แบะท่าขอทำหมด

ประธาน กพค.กล่าวว่า ประธาน กกต.ระบุว่าจะกลับมาวันที่ 5 มี.ค. ก็จะขอคุยด้วย อยากปรึกษา และหลังจากรับฟังครบถ้วนแล้ว เราจะใช้เวทีทั้งหมดในการประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค. รวมถึงจะมีการเชิญประธาน กกต. หรือผู้แทน กกต.ที่มีอำนาจมาร่วมประชุมด้วย ซึ่งวันนั้นจะได้มีข้อยุติสิ้นสุด นอกจากนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วตนในฐานะประธานกรรมการฯ ได้ฟังคดีเกี่ยวกับอั้งยี่ซ่องโจรหรือคดีอาญา มันเป็นอำนาจที่เราทำได้อยู่แล้ว ก็คิดว่าตรงนี้ไม่น่ามีปัญหา ส่วนคดีเลือกตั้งก็ให้เกิดความชัดเจนว่า กกต.จะทำหรือไม่ทำ เพราะที่ผ่านมาเท่าที่ทราบ ได้มีการถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคือ  กกต.ทำเฉพาะเรื่องกฎหมายการเลือกตั้งเท่านั้น  แต่กฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้อง กกต.ยังไม่ได้ทำให้ครบถ้วน เราจึงต้องถามให้ชัดเจนว่าท่านจะเอาเรื่องที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของท่านไปทำ หรือท่านจะให้เราทำในคดีเลือกตั้งด้วย ถือว่ามีความซับซ้อนและมันมีส่วนเกี่ยวพันกันทั้งหมด

"ถ้าจะให้เราทำเราพร้อมทำทั้งหมด หรือถ้าจะขอไปทำเอง เราก็จะทำเพียงแค่ในส่วนของคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ทุกอย่างจึงต้องยกไปวันที่ 6 มี.ค. ซึ่งหากวันที่ 6 มี.ค.ในการพูดคุย หากประธาน กกต.จะมาเอง เราก็จะเชิญท่านเข้าเป็น 1 ในที่ประชุมของบอร์ดทั้ง 22 คน เพื่อจะได้มีการตอบข้อซักถามให้ชัดเจน" ประธาน กพค.กล่าว

 ถามว่า หากมีการสอบสวนจะทัน สว.ชุดนี้ครบวาระหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า จากพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีในตอนนี้ จะสอบสวนแล้วเสร็จทันกรอบการครบวาระของ สว. ขอให้ชัดเจนว่าเราจะเดินหน้า ถ้ามันมีความชัดเจนในเรื่องคดีมันก็ต้องทำหน้าที่ ไม่อย่างนั้นเราก็จะโดนร้องทุกข์กล่าวโทษการละเว้นปฏิบัติหน้าที่มาตรา 157

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กคพ.ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะกรรมการและเลขานุการ ไปประชุมคณะอนุกรรมการฯ และหารือกับทาง กกต. เพื่อจะได้เสนอเรื่องเข้าที่ประชุม กพค.อีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค. เวลา 13.00 น. โดยจะมีการเชิญผู้แทนกรรมการ กกต. มาชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษด้วย

ด้านแหล่งข่าวจาก กกต.กล่าวว่า หากดีเอสไอทำหนังสือมา ก็ต้องดูรายละเอียดเนื้อหาหนังสือก่อนว่าใช้อำนาจใดตามกฎหมายในการเชิญ และเชิญใครเข้าไปให้ข้อมูล เช่น เลขาธิการ กกต. หรือเชิญ กกต. ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือเชิญ อีกทั้งที่ผ่านมาในชั้นการไต่สวนคำร้องได้ดำเนินการมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการเชิญ สว.เข้ามาให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวน และยืนยันการพิจารณาคำร้องการเลือก สว. สามารถพิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ประกาศรับรองตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2567

ส่วน พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงกรณีมีข้อสงสัย กพค.ใช้กฎหมายหรืออำนาจใดเชิญ กกต.ไปชี้แจงว่า  เป็นเรื่องของการประสานงาน อยากให้ กกต.มาตอบคำถาม จะมาก็ได้หรือไม่มาก็ได้ โดยเป็นการขอความร่วมมือ ไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจ เพราะเราให้เกียรติกัน

ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง กพค.เสนอเลื่อนพิจารณารับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษ โดยให้เหตุผลขอให้เชิญ กกต.มาชี้แจงนั้น  ความเคลื่อนไหวของ สว.ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน มีท่าทีสบายใจขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่มีท่าทีเคร่งเครียด แต่มีบางส่วนยังไม่พอใจ เนื่องจากมองว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระ ไม่ขึ้นกับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ดีเอสไอจึงไม่มีอำนาจในการเรียก กกต.ไปชี้แจง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กลุ่ม สว.สีน้ำเงินที่เคยออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ ในตอนแรกนัดกันว่าจะลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่เมื่อมีมติเลื่อนรับคดี  ปรากฏว่า สว.กลุ่มนี้ได้ขอยกเลิกการให้สัมภาษณ์และให้ความเห็น โดยคาดว่าจะมีการแถลงถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอนภายใน 2-3 วันนี้ โดยประธานวุฒิสภา

พรบ.การพนันยังไม่เข้า ครม.

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการนำร่าง พ.ร.บ.การพนัน ที่มีเนื้อหาสาระเพิ่มโทษให้กับนักพนัน-ผู้จัดให้เล่นเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.

มีรายงานว่า สาเหตุการไม่เสนอเรื่องร่าง พ.ร.บ.การพนันดังกล่าว ส่วนหนึ่งอาจมาจากหนังสือเวียนที่ส่งไปสอบถามหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ยังตอบกลับมาไม่ครบ

ต่อมานายอนุทินพร้อมด้วยนายประเสริฐ  จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินมาที่ตึกบัญชาการ 1  ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความคืบหน้าการออกกฎหมายระดับรองพนันออนไลน์ ซึ่งนายประเสริฐกล่าวว่า   เรื่องนี้จะต้องแยกเรื่องออกจากกัน เพราะ พ.ร.บ.การพนันของกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้กำลังรับฟังความเห็นอยู่ ส่วนเรื่องการทำกฎหมายการพนันออนไลน์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันของ 2 กระทรวง คือกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าน่าจะเร็วๆ นี้

เมื่อถามว่า จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ได้เมื่อไหร่ นายประเสริฐกล่าวว่า ตอนนี้รอให้ได้ข้อยุติก่อน ซึ่งยังต้องรอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ  ก่อน

ซักว่าการทำงานของกระทรวงดิจิทัลฯ กับกระทรวงมหาดไทยราบรื่นใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่มีอะไร ราบรื่นดี

พอถามว่า เรื่องของพนันออนไลน์ใครเป็นผู้ถืออำนาจ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องใครถืออำนาจไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเข้ามาสู่รูปแบบของคณะกรรมการอยู่ดี ถ้าส่วนไหนที่หนักไปทางเทคโนโลยี ก็เป็นเรื่องที่จะต้องรับฟังจากกระทรวงดิจิทัลฯ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องของการพนัน กระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ที่กำกับดูแลส่วนนี้ให้

เมื่อถามว่า กฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะพร้อมได้เมื่อไหร่ นายประเสริฐกล่าวว่า ในลักษณะของกฎหมายฉบับหนึ่งเป็น พ.ร.บ. และอีกฉบับเป็นกฎหมายลำดับรอง ซึ่งตัวของ พ.ร.บ.น่าจะใช้เวลานานกว่า เพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภา  แต่ตัวที่เป็นกฎหมายลำดับรอง ไม่ต้องผ่านสภา ก็น่าจะออกได้เร็วกว่า

"ตอนนี้ยังไม่อยากระบุว่ากฎหมายลำดับรองจะใช้ชื่อว่าอะไร แต่เกี่ยวกับเรื่องของออนไลน์ และได้นำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกัน เชื่อว่าจะแล้วเสร็จไม่นานนี้" นายประเสริฐกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน เข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 25 ก.พ. หลังเสร็จสิ้นการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนและผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-14 ก.พ.แล้ว

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของกฤษฎีกาที่กำหนดผู้ที่จะเข้าเล่นกาสิโนได้จะต้องมีเงินฝากในบัญชี 50 ล้านบาทว่า ต้องมีการรับฟังความเห็นกันอีก เรื่องนี้ยังไม่จบ เดี๋ยวรอให้ทางสภาพิจารณาอีกที

"อันนี้เราไม่เคยทำมาก่อน การที่ลองตั้งเหมือนตุ๊กตาหรือโมเดลขึ้นมาก่อน แล้วลองฟังเสียงสะท้อนความเห็นกัน อันนี้สำคัญ เพราะมันไม่เคยทำ

ถามว่า จริงๆ แล้วกาสิโนเราอยากได้เงินจากคนไทยหรือชาวต่างชาติ นายกฯ ​กล่าวว่า คนทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องน้อยใจเล็กน้อย เพราะเราทำกาสิโนไม่ถึง 10% และส่วนอื่นๆ อย่างโรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถานที่สำหรับครอบครัว เราอาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้น เป็นธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าจะเสนอออกไปขอให้ถามเรื่องเหล่านี้เยอะๆ ด้วย ถามแต่เรื่องกาสิโน 10% มันไม่ใช่ส่วนที่เราจะกระตุ้นเศรษฐกิจในความตั้งใจ

ถามว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นอีกหนึ่งประเด็นหรือไม่ ถ้าเข้าสภาแล้วพรรคร่วมรัฐบาลแตก นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวจะคุยรายละเอียดชัดเจนเลยจะได้ไม่มีข่าวรอยร้าวดีไหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารับคำร้องนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนํากลุ่มพิราบขาว 2006 ลงเลขรับ 1655 เรื่องขอให้ สว.พิจารณากันลงชื่อจํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ สว. หรือเข้าชื่อร้องต่อประธานวุฒิสภา ส่งคําร้องกรณีที่  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบว่า เมื่อรับตําแหน่งหรือดํารงตําแหน่ง นายกรัฐมนตรีได้ทําการโอนหุ้น ขายหุ้นในกรอบเวลาที่กําหนด ซึ่งคือ 15 วันหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กําหนดตามกฎหมาย ย่อมยังคงถือหุ้นเกินตามที่กฎหมายกําหนด 5% คือยังคงถือหุ้น 30 % ตามความเดิม เข้าข่ายไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ส่วนศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องที่ กกต.ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพวุฒิสภาของนายสมชาย เล่งหลัก สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 ข.ลักษณะต้องห้าม (1) มาตรา 98 (5) หรือไม่ เนื่องจากปรากฏคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ลต.338/2567 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และขอให้มีคำสั่งให้ตำแหน่ง สว.ของนายสมชายว่างลงนับแต่วันที่ศาลฯ อ่านคำวินิจฉัย

ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาประชุมปรึกษาหารือและลงมติในวันพุธที่ 26 มี.ค.2568  เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น.