“ภูมิธรรม” ดักคอฝ่ายค้านใช้วาทกรรมซักฟอก บอกอย่าคิดเยอะถึงขั้นยุบสภา “สุดารัตน์” ชี้ให้อภิปรายวันเดียวเท่ากับกลัว “วิโรจน์” ปูดล็อบบี้หนักให้ตัดชื่อทักษิณออกจากญัตติ “สว.สีน้ำเงิน” ท้ารบ “แม้ว” ยื่นญัตติอภิปรายนักโทษเทวดาชั้น 14
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณและกำลังพลว่า มองว่านายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ใช้วิจารณญาณที่ดี เป็นสิทธิที่จะตรวจสอบ กระทรวงกลาโหมก็มีความมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมดถูกต้อง เป็นไปตามกระบวนการ และอยากให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ไม่ว่าจะอภิปรายกระทรวงไหน อยากให้อภิปรายด้วยการสร้างสรรค์ ไม่อยากเห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยการใช้วาทะ วาจา หรือคำพูด มาส่อให้เกิดความไม่เข้าใจในสังคม
ส่วนที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนเดียว และอาจมีจุดประสงค์พาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เอาความจริงใจและความปรารถนาดีต่อประเทศชาติเป็นที่ตั้ง รัฐมนตรีทุกคนและนายกฯ พร้อมรับการตรวจสอบ ส่วนการไปดึงคนนอกเพื่อมาหวังผลทางการเมืองของตัวเอง ต้องคำนึงว่าการไปดึงคนนอกเข้ามา หากผิดต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย และนายทักษิณไม่ใช่นายกฯ ไม่มีอำนาจไปซักฟอกนายทักษิณ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องจัดทีมปกป้องนายกฯ เป็นพิเศษหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า ไม่ต้องจัดทีม ขอให้เอาความเป็นจริง ซึ่งนายกฯ มีความพร้อม และรัฐมนตรีมีความพร้อม ขอให้ถามตรงประเด็น อย่าถามอะไรไปเรื่อยให้เกิดความคลางแคลงใจในตัวรัฐบาล อย่าถือดีถือเด่น อย่าพยายามเอาชนะทางการเมือง อย่าหวังผลคะแนนเลือกตั้งครั้งหน้า และใช้เกมทางการเมืองมาอภิปรายไม่ไว้วางใจมาทำลายเครดิตกัน
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านตั้งเป้าจะซักฟอกรัฐบาลจนนำไปสู่การยุบสภา นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าคิดอะไรเยอะขนาดนั้น ให้ว่าไปตามกฎหมาย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลจะให้เวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 1 วันว่า ถ้ารัฐบาลทำเช่นนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความกลัว และความพยายามหนีการตรวจสอบของนายกฯ และรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวนายกฯ ถ้านายกฯ มั่นใจว่าตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน และทำการเมืองสุจริต อย่ากลัวการอภิปราย และถ้านายกฯ ตอบข้อซักถามได้ดี กลับจะทำให้รัฐบาลได้มีโอกาสแสดงผลงาน เป็นผลดีต่อนายกฯ และรัฐบาลเอง
"การอภิปรายครั้งนี้เป็นแค่พิธีกรรมทางการเมือง แต่เราต้องนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาตรวจสอบการทุจริตทั้งในเชิงงบประมาณ เชิงอำนาจ และการทุจริตเชิงนโยบายจริงหรือไม่ และที่สำคัญ รัฐบาลจะตอบประชาชนได้หรือไม่ว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊งกำลังจะนำพาประเทศเดินไปทิศทางไหน อนาคตของประเทศเป็นอย่างไร ทำไมเศรษฐกิจถึงย่ำแย่ลงทุกวัน ทำไมคอร์รัปชันจึงสูงต่อเนื่อง นายกฯ จึงควรจะตอบคำถามเหล่านี้ให้ชัดเจน" คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ
ล็อบบี้ตัดชื่อทักษิณ
คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องเรื่องเวลาการอภิปรายว่า ฝ่ายค้านขอไว้ 5 วัน แต่หากรัฐบาลต้องการลดเวลาลง อาจถูกมองว่าพยายามหนีการตรวจสอบ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ควรเปิดพื้นที่ให้มีการอภิปรายอย่างเต็มที่ ประชาธิปไตยต้องโปร่งใส การเมืองต้องสุจริต
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า ได้รับทราบข่าวจากทางฝั่งรัฐบาลมาว่าจะไม่ยอมให้มีการบรรจุญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีชื่อนายทักษิณอยู่ในญัตติ และเพื่อน สส.ฝั่งรัฐบาลก็มีการเสนอพร้อมกันว่าจะลดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจลงเหลือเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งเหตุผลที่พรรคฝ่ายค้านต้องใส่ชื่อนายทักษิณในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากมีความเกี่ยวโยง และเป็นสารตั้งต้นที่สำคัญถึงความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งพฤติกรรมที่เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบประเทศของ น.ส.แพทองธาร
“สิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการยื่นญัตติเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นสิทธิอำนาจของผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เนื้อหาญัตติจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีใครสามารถปรับเปลี่ยนตัดตอนได้ และหากจะอ้างข้อบังคับการประชุมสภา ก็ไม่สามารถอ้างได้ เพราะรัฐธรรมนูญมีศักดิ์สูงกว่าอยู่แล้ว” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงกรณีที่นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะประธานประสานงานคณะรัฐมนตรี (วิป ครม.) เสนอว่าควรอภิปราย 1 วันเท่านั้น เพราะปฏิบัติหน้าที่มาเพียง 6 เดือนนั้น ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องคำนึงถึงกระทงความผิด จำนวนความล้มเหลว และความฉกรรจ์ของพฤติกรรมทุจริต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอภิปรายกี่คน เป็นนายกฯ มานานแค่ไหน ซึ่งในกรณีนี้เราเห็นว่าการใช้เวลา 5 วัน เป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม
“ขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็ตกลงกันว่าจะใช้เวลา 4+1 วัน นั่นคือการอภิปราย 4 วัน และลงมติอีก 1 วัน ซึ่งใน 4 วันที่มีการอภิปรายนั้น เป็นการใช้เวลาอภิปรายนายกฯ ถึง 3 วัน จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลใจกว้าง และไม่สร้างมาตรฐานต่ำกว่าสมัยรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ”
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เป้าหมายหลักคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายทักษิณโดยตรง ในฐานะที่เป็นนายกฯ ตัวจริง ส่วน น.ส.แพทองธาร เป็นแค่นายกฯ หุ่นเชิด คงจะมาตอบคำอภิปรายตามข้อบังคับเท่านั้น และเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีองครักษ์เป็นจำนวนมาก เพราะ น.ส.แพทองธารได้ยอมรับกับสื่อมวลชนแล้วว่า จำเป็นต้องตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยอย่างแน่นอน จึงเป็นการเปิดทางให้พวกองครักษ์ทั้งหลาย ที่ต้องการเสนอหน้าเอาความดีความชอบต่อนายทักษิณ ลุกขึ้นประท้วงกันอย่างวุ่นวายแน่นอน
วันเดียวกัน น.ส.แพทองธารปฏิเสธตอบคำถามกรณีนายทักษิณเดินทางเข้าบ้านพิษณุโลกพบกับทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจวันที่ 27 ก.พ. จะเป็นการเตรียมเข้ามาทำงานในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือไม่
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายทักษิณนั้น ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ มีกำหนดการที่จะเดินทางไปเป็นประธานในพิธียกฉัตรพระประธานและทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและสมทบทุนก่อสร้างอุโบสถ ที่อุโบสถวัดสุชน ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยจะเป็นการเดินทางไปเช้า-เย็นกลับ
สว.สีน้ำเงินท้ารบ ‘ทักษิณ’
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา มีรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา วันอังคารที่ 4 มี.ค.นี้ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้บรรจุญัตติเรื่อง ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ที่มี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นแกนนำ สว.สีน้ำเงิน เป็นผู้เสนอ
โดยญัตติดังกล่าวระบุตอนหนึ่งว่า กระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมายังขาดประสิทธิภาพ มีความล่าช้าในการดำเนินคดี อีกทั้งยังมีการแทรกแซงและครอบงำจากฝ่ายการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษ ของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งมีหน้าที่พิจารณาคดีความผิดอาญา ที่มีความซับซ้อนหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น คดีทุจริตคอร์รัปชัน คดีฟอกเงิน การกระทำความผิดข้ามชาติ โดยในการดำเนินคดีพิเศษที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมที่ยังขาดประสิทธิภาพ มีการดำเนินคดีที่ล่าช้า รวมทั้งไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด รวมถึงปกป้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และประชาชนที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของสังคม ว่ากระบวนการยุติธรรมไม่อาจเป็นที่พึ่งได้ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทา ในข้อหายาเสพติด ฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาเป็นเวลานาน และมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
“นอกจากนี้ ในการดำเนินกระบวนการยุติธรรม ยังมีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น การให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังในการได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการที่มีการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้มีการอภิปรายระดมความคิดเห็น เพื่อพิจารณาปัญหากระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายและเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการ” ญัตติดังกล่าวระบุในตอนท้าย
มีรายงานว่า ในญัตติดังกล่าวแม้ไม่ได้มีการระบุชื่อผู้ต้องขังที่ได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นว่าหมายถึงบุคคลใด แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าคือนายทักษิณ นอกจากนี้ พบว่าญัตติดังกล่าวเป็นญัตติเพื่อขอให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภาเพื่อมาตอบ
ที่น่าสนใจพบว่า สว.ที่ร่วมลงชื่อในญัตติดังกล่าวส่วนใหญ่เป็น สว.สีน้ำเงิน ที่เป็นกลุ่มสีน้ำเงินแท้ เช่น นายพรเพิ่ม ทองศรี สว.และประธาน กมธ.การพลังงาน วุฒิสภา ที่เป็นพี่ชายของนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นญาติห่างๆ กับนายเนวิน ชิดชอบ, พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว.และประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว.และประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา, นายเอนก วีระพจนานันท์, นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว, นายอภิชา เศรษฐวราธร, นายชวภณ วัธนเวคิน เป็นต้น
ทั้งนี้ ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ในกรณีที่ประธานวุฒิสภาสั่งบรรจุญัตติแล้ว จะถอนชื่อหรือถอนญัตติได้ต่อเมื่อที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก
โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก
‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่
ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา
พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว

