บอร์ด กคพ.ไม่รับคดีฮั้วเลือก สว. ฐานความผิด "อั้งยี่-ซ่องโจร" เป็นคดีพิเศษ ไฟเขียวให้ดีเอสไอทำเฉพาะฐานฟอกเงิน เหตุพบใช้เงินในกระบวนการเลือก สว.ระดับอำเภอ-ประเทศ มากกว่า 300 ล้านบาท "ภูมิธรรม" ระบุดีเอสไอจะสอบให้ได้ข้อเท็จจริงและศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด "ทวี" บอกฟอกเงินอาจขยายผลคดีอาญาอื่นได้หากเกี่ยวข้อง "รอง ปธ.วุฒิสภา" ลั่น สว.พร้อมชี้แจง "อนุทิน" ปัดดีลลับจันทร์ส่องหล้าทำ กคพ.ไม่รับคดีฮั้ว สว.ฐานอั้งยี่ มั่นใจ "เกรียงไกร" ไม่มีทางเป็นอั้งยี่ซ่องโจร "อิทธิพร" ยัน กกต.เร่งสอบสำนวนทุจริตเลือก สว. ผ่าน คกก.ไต่สวนแล้ว 122 เรื่อง รับต้องใช้เวลานาน เหตุผู้เกี่ยวข้องเยอะ "แก้วสรร" ซัดดันทุรังใช้อำนาจซ้อนอำนาจ ชี้ฟอกเงินก็ต้องเริ่มที่ กกต. ไม่ใช่ดีเอสไอ
ที่กระทรวงยุติธรรม วันที่ 6 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 3/2568 มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.พ.ศ.2561 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (ฐานอั้งยี่) ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (3) และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
โดยมี กคพ.เข้าร่วมประชุม 19 ราย แบ่งเป็น กรรมการโดยตำแหน่งเข้าร่วมประชุม 12 ราย ขาด 1 ราย คือ พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ผู้แทน ผบ.ตร. ไม่เข้าร่วมประชุม ส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม 7 ราย ขาดประชุม 2 ราย คือ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ภายหลังประชุมนานกว่า 3 ชม. นายภูมิธรรมพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองประธาน กคพ. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายภูมิธรรมกล่าวว่า ประเด็นที่ 1 บอร์ด กคพ.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงเนื่องจากมีผู้มาร้องกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยทางบอร์ดวันนี้ไม่ได้พิจารณาในกระบวนการเกี่ยวกับการเลือก สว.แต่อย่างใด แต่ทางบอร์ดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการร้องทุกข์มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งมีลักษณะเป็นคดีพิเศษ ตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายกับการได้มาซึ่ง สว. ที่ระบุว่าการใช้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้เลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครเป็นความผิดฐานฟอกเงินด้วย ทางบอร์ดขอย้ำว่า การพิจารณาคดีว่าเป็นคดีพิเศษครั้งนี้ ผ่านการพิจารณาของบอร์ดที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากหลากหลายที่ ไม่ได้มาจากการตัดสินใจโดยคนใดคนหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด
2.ไม่ได้เป็นการยุ่งเกี่ยวอำนาจและหน้าที่ของ กกต. ซึ่ง กกต.ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการดูแลการเลือกตั้ง กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานของรัฐที่ดูแลเรื่องการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น ดังนั้นเป็นการทำงานในลักษณะประสานงานร่วมกัน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของตนเองที่แตกต่างกันจะมีเป้าหมายเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมว่าทางดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนผู้เสียหาย เพราะฉะนั้นนิ่งเฉยก็ไม่ได้ เพราะจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งผลเสียจะเกิดกับประชาชน
กคพ.รับคดีแค่ฐานฟอกเงิน
3.การที่ทางดีเอสไอได้รับเรื่องนี้ไว้ แต่ผู้กล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงจะต้องมีกระบวนการการสืบสวนสอบสวนตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งหมด โดยในที่ประชุมมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 18 คน มีผู้ลาประชุม 3 คน และอีก 1 คนได้เซ็นชื่อเข้าร่วมประชุม แต่ขอออกจากที่ประชุมก่อน (นายเพ็ชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์) ซึ่งมติชี้ขาดฐานคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 (1) ตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ซึ่งตามบอร์ด กคพ. จะโหวตตามเสียงข้างมาก โดยทั้ง 18 คน มีมติรับเป็นคดีพิเศษ 11 คน งดออกเสียง 3 คน และไม่เห็นด้วย 4 คน
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนตามมาตรา 21 (2) (พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 ววรคหนึ่ง (2) อาทิ ความผิดฐานอั้งยี่ (มาตรา 209) ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ (มาตรา 116) พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77 (1)) ต้องมีเสียง 2 ใน 3 ในที่ประชุมเห็นว่าไม่ได้เข้าเงื่อนไขดังกล่าว ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.2561 มาตรา 77 วรรคหนึ่ง อันอยู่ในหน้าที่และอำนาจของ กกต. ให้แจ้งต่อคณะกรรมการ กกต.ทราบ เพื่อพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
"ยืนยันในการพิจารณาในเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของบุคคลหรือการเมือง เราพิจารณาตามข้อกฎหมายแท้ๆ เราทราบดีว่าแต่ละท่านก็ต้องกังวลใจ ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกไม่ควรมันจะมีผล ซึ่งเป็นความในใจที่ไม่ได้เป็นปัญหาในการตัดสินใจของเรา แต่เราจะทำในสิ่งที่รอบคอบมากที่สุดในการพูดคุยกับทุกฝ่าย ผลออกมาอย่างไรก็อย่างนั้น และขณะนี้ก็เป็นเพียงแค่กระบวนการที่รับมาเพื่อจะสืบสวน สอบสวน ทั้งหมดก็อยู่ที่ศาลยุติธรรมจะต้องเป็นผู้ตัดสินในขั้นสุดท้าย เราไม่ได้เป็นผู้ชี้ขาดความผิด" นายภูมิธรรมกล่าว
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า หลังจากมีการรับเป็นคดีพิเศษ จะเชิญพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและอำนวยความยุติธรรม และจะตั้งคณะทำงานสอบสวนเพื่อนำไปสู่การสอบสวน โดยมีการประสานข้อมูลกับ กกต.อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาร่วมกันทำงานมาตลอด เพราะข้อหาฟอกเงิน ข้อหาผิดอาญาอื่นไม่จำเป็นต้องเชิญผู้แทน กกต. ส่วน สว.มีการแสดงความเห็นว่าได้มาโดยชอบ และไม่ได้ไปทำผิดตามข้อกล่าวหา ซึ่งกระบวนการได้มาซึ่ง สว.มีการตรวจสอบอยู่แล้ว
"ดีเอสไอทำเฉพาะกรณีความผิดเกี่ยวกับฟอกเงิน และอาจขยายผลเกี่ยวกับคดีอาญาอื่น เช่น อั้งยี่ แต่ถ้าหากกลุ่ม สว.อยากมาให้การแสดงความบริสุทธิ์ เราก็พร้อมที่จะรับฟัง เพราะฟอกเงินเป็นคดีพิเศษอัตโนมัติ ท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 วรรคหนึ่ง ซึ่งให้อำนาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษชี้ได้เลย ไม่ใช่ว่าข้อหาที่เป็นฐานฟอกเงินเกิดมาจากฐานอั้งยี่ ซึ่งก็มีการอภิปรายความผิดอาญาอื่นมาประกอบ ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน และคณะกรรมการฯ เห็นว่าความจริงเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติแล้วฐานฟอกเงิน แต่ก็มีเหตุสงสัยเรื่องรายละเอียดว่ามูลค่าทรัพย์สินน่าเชื่อว่าเกินกว่า 300 ล้านบาทหรือไม่ เพราะดีเอสไอก็ดูเส้นเงินด้วยกับพยานบุคคลว่าเกิน ก็เลยขอให้คณะกรรมการคดีพิเศษชี้ขาด ซึ่งคำชี้ขาดของคณะกรรมการคดีพิเศษในทางกฎหมายถือว่าเป็นที่ยุติ” พ.ต.อ.ทวีกล่าว
แหล่งข่าวจาก กคพ.เผยว่า การรับคดีความผิดอาญาฐานฟอกเงินในคดีฮั้ว สว.67 ไว้เป็นคดีพิเศษเพียงฐานความเดียว เพราะจากรายงานการสืบสวนของดีเอสไอ และการสอบปากคำพยาน ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการใช้เงินเกี่ยวกับขบวนการเลือก สว.67 มากเกิน 300 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือก สว.ระดับอำเภอ และต่อเนื่องไปจนถึงหลังจบการเลือก สว.ระดับประเทศ ทั้งยังหมายรวมถึงการเตรียมทรัพย์สินไว้สำหรับใช้กระทำความผิด ทั้งการใช้หรือผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาด้วย
"หลังจากนี้หากมีการสอบสวนขยายผลแล้วพบฐานอาญาความผิดอื่น อาทิ มาตรา 209 (ฐานอั้งยี่) และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐมาตรา 116 (3) ทางอธิบดีดีเอสไอสามารถรับเพิ่มไว้ดำเนินการได้ เนื่องจากจะเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน โดยไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมบอร์ด กคพ.อีกแล้ว แต่คณะพนักงานสอบสวนจะต้องไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน ส่วนกรณีของฐานความผิดมาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561 จะเป็นอำนาจดำเนินการของ กกต. เพื่อไม่ให้เป็นการทับซ้อนหรือขัดข้อกฎหมายระหว่าง 2 หน่วยงาน" แหล่งข่าวระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเสร็จ นายภูมิธรรมเดินลงไปบริเวณชั้น 1 ของกระทรวงยุติธรรม เพื่อพบกับ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว สว.สำรอง พร้อมกลุ่มเพื่อน สว.สำรอง และอดีตผู้สมัคร สว.ประมาณ 20 คน ที่มารอมอบดอกไม้ให้กำลังใจบอร์ด กคพ.
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ คำนึงถึงข้อเท็จจริงและความเป็นจริง ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะต้องการให้เกิดความยุติธรรม ขณะนี้ดีเอสไอดำเนินการไต่สวนและสอบสวนเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ และศาลจะเป็นผู้มีอำนาจชี้ขาดเอง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันนิติบัญญัติ แต่คำนึงถึงตัวบุคคลที่ก่อปัญหาให้ชัดเจนแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า หลังจากนี้ กกต.จะต้องไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการเลือก สว. ทางกลุ่มก็จะไปติดตาม
สว.มั่นใจเคลียร์ข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรรมการที่มีมติไม่เห็นชอบ 4 ราย คือ นายนพดล เภรีฤกษ์ ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, นายจิรานุวัฒน์ ธัญญะเจริญ ผู้แทนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ส่วนมติงดออกเสียง 3 ราย ประกอบด้วย นายณรงค์ งามสมมิตร ผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์, นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว ผู้แทนอัยการสูงสุด และนายอรรถพล อรรถวรเดช ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง
ขณะที่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวหลัง กคพ.มีมติรับคดีฮั้วเลือก สว.ฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษว่า ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งปัจจุบันตนได้ดำเนินการตามบทบาทและหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว หน้าที่ใครหน้าที่มัน หากมีประเด็นดังกล่าวก็ต้องเคลียร์กันไป ทุกคนพร้อมที่จะชี้แจงหากมีรายชื่อ แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่รู้เลยว่ามีการกล่าวหาใครบ้าง ขณะที่ด้าน สว.ก็ยังไม่มีใครได้รับแจ้งมา
"ตอนนี้ สว.ยังไม่เคลื่อนไหวอะไร แต่หลังจากนี้อาจจะต้องมีการพูดคุยกัน แต่ตอนนี้ขอให้รู้ก่อนว่ามีรายชื่อ สว.คนใดบ้างที่ถูกกล่าวหา เขาเรียกมาก็คงจะรู้เอง" พล.อ.เกรียงไกรกล่าว
ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนการดำเนินโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการดิจิทัลของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระยะ 5 ปี (กิจกรรม Kick-off Meeting) ซึ่งมีการไลฟ์สดผ่านเพจสำนักงาน กกต.
นายอิทธิพรกล่าวตอนหนึ่งว่า คนสงสัยว่าเราทำเรื่องคำร้อง สว.อยู่หรือเปล่า ซึ่งทั้งตนและเลขาฯ กกต.ก็พูดไปหลายครั้งในช่วงที่กำลังฮอตๆ ว่า คำร้อง สว.มีทั้งหมดกว่า 500 เรื่องเป็นคำร้องที่เกี่ยวกับมาตรา 77(1) ประมาณกว่า 200 เรื่อง ทำเสร็จไปแล้วประมาณกว่า 100 เรื่อง ไม่รับก็มี เพราะไม่มีอะไรเลย แต่ที่อยู่ระหว่างเข้มข้นมีประมาณ 150 เรื่อง การสืบสวนไต่สวนต้องใช้เวลา เพราะเป็นกระบวนการเกี่ยวข้องทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ฉะนั้นคนที่เกี่ยวข้องมันเยอะ และเป็นกระบวนการซึ่งเป็นระบบยุติธรรม จะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกร้อง ให้เขามีโอกาสทราบ รับรู้ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
"คนลืมไปแล้วว่าเอ๊ะ กกต.ทำอยู่หรือเปล่าที่เขาร้องๆ กัน ซึ่งก็ยังทำอยู่ แล้วเรื่องมาถึงคณะอนุฯ ของเราก็เยอะ แต่ดีเอสไอเท่าที่จำได้ มีคำร้อง 3 เรื่อง ที่เขาจะรับหรือไม่รับ แต่ของเราที่ตรวจสอบล่าสุดมี 122 เรื่อง ที่มีความเข้มข้นหมายถึงว่าผ่านคณะสืบสวนไต่สวนมาแล้ว สิ่งเหล่านี้ถ้ามีระบบแสดงความเคลื่อนไหวของกระบวนการพิจารณาของเราให้คนได้รับรู้รับทราบว่ากระบวนการคำร้องของ กกต.มันมีกี่ขั้น" นายอิทธิพรกล่าว
ประธาน กกต.กล่าวว่า ขั้นตอนการพิจารณาของ กกต. ขั้นตอนที่ 1 คณะกรรมการสืบสวนไต่สวน 20 วัน+15 วัน+ได้อีก 15 วัน ไม่ทันขอต่อท่านเลขาฯ อนุมัติ 2.สืบสวนไต่สวนจังหวัดเสร็จแล้ว 3.ไป ผอ.จังหวัด 4.เข้ามาส่วนกลาง 5.คณะอนุฯ และ กกต.ถ้าเรามีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะบอกได้ว่าคำร้องเรื่องนี้เข้ามาส่วนกลาง แล้วคนก็จะเห็นความคืบหน้าว่าคำร้องนี้ยื่นเมื่อ 18 ก.ค.67 หลังวันเลือกระดับประเทศวันที่ 26 มิ.ย.67 ถึงวันนี้เป็นวันที่ 6 มี.ค.68 มันเหลืออีก 3 เดือนกว่าๆ ถึงจะครบปี ซึ่งครบปีเป็นกำหนดเวลาที่เรากำหนดไว้เองว่าจะทำให้เสร็จภายใน 1 ปี ถ้าไม่เสร็จก็ขยายได้ แต่ต้องมีเหตุผลในการขยาย
"ข้อมูลแบบนี้ถ้ามีอยู่เราก็บอกว่าขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจสามารถตรวจเช็กได้ที่ระบบของเรา รวมทั้งคำร้อง สส.ปี 66 ซึ่งขณะนี้ก็เหลืออยู่ไม่กี่คำร้อง รวมถึงคำวินิจฉัยต่างๆ การใช้ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ถ้าเรามีระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการทำงานเรา" ประธาน กกต.ระบุ
ปัดดีลจันทร์ส่องหล้าไม่เกี่ยว
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณี กคพ.มีมติรับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ในฐานความผิดฟอกเงินเท่านั้น
ถามว่า ที่ดีเอสไอไม่รับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษฐานอั้งยี่ เป็นเพราะดีล 4 ผู้ทรงอิทธิพลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือไม่ นายอนุทินชิงตอบขึ้นมาทันทีว่า นี่แหละ ก็หลอกถามอยู่นั่นแหละ เกี่ยวอะไร ตนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ สว. พูดไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ไม่รู้จะตอบอย่างไรแล้ว
"ถามว่าผมมีเพื่อนเป็น สว.ไหม เพียบ สมัยก่อนไปประชุมสภา เบื่อกินข้าวกับ สส.ก็เดินข้ามไปกินข้าวกับ สว. วันนี้ไม่กล้าไปกินแล้ว เดี๋ยวหาว่าไปยุ่งวุ่นวาย ทำให้ทุกอย่างเดือดร้อน ทุกวันนี้ต้องไปหาข้าวกินริมคลองหลอด" นายอนุทินกล่าว
ถามว่า ได้โทรศัพท์หา พล.อ.เกรียงไกรเพื่อให้กำลังใจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า โทร.คุยกันทุกวัน ไม่ต้องให้กำลังใจ มั่นใจประวัติการทำงานของ พล.อ.เกรียงไกรไม่เป็นอั้งยี่ซ่องโจร ใครพูดอะไรก็แล้วแต่ไม่เชื่อเด็ดขาด ตนก็ต้องมั่นใจเพื่อนของตน
ซักว่าสบายใจหรือไม่ที่ดีเอสไอไม่รับคดีฮั้ว สว.ฐานอั้งยี่ซ่องโจรเป็นคดีพิเศษ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงกัน
วันเดียวกัน รศ.ยุทธพร อิสรชัย อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์ถึง กคพ.รับคดีฮั้วเลือก สว.ฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษเท่านั้น ไม่รับฐานอั้งยี่ด้วยว่า เรื่องกฎหมายฟอกเงินเมื่อมีมติออกมาแล้วดีเอสไอสามารถดำเนินการได้ ซึ่งต้องดูกระบวนการสืบสวนสอบสวนหลังจากนี้ว่าความผิดจะไปถึงแค่ไหน เพียงใด อาจจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรหรือเป็นปี เนื่องจากยังต้องมีการสืบพยานหลักฐานจำนวนมาก เพราะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องถึง 1,200 คน ไม่รวมถึงบุคคลที่อยู่ภายนอก ซึ่งอาจจะเป็นในลักษณะของการสนับสนุนการกระทำความผิด
ถามว่า จะกระทบต่อสถานภาพของ สว.หรือไม่นั้น อดีตรองธิบดี มสธ.กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะจะต้องมีผลสรุปสุดท้ายก่อนว่าใครจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดบ้าง
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการด้านกฎหมาย เผยแพร่บทความเรื่อง "น่าสงสาร...ดีเอสไอ" เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า การที่ดีเอสไอรับคดีข้อหาฟอกเงินก็ถือเป็นการรับคดีซื้อสิทธิขายเสียงด้วยในตัว ยิ่งไปกว่านั้น ข้อหาฟอกเงินในครั้งนี้มันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินได้ มันต้องผ่านข้อหาซื้อสิทธิขายเสียงก่อนเท่านั้น ดีเอสไอทำเรื่องฟอกเงินในคดีนี้เมื่อไหร่ก็ต้องทำคดีซื้อสิทธิขายเสียงด้วยเสมอ ทำแล้วก็ต้องฟ้องซื้อสิทธิขายเสียงด้วย เพราะกฎหมายดีเอสไอบอกว่าให้ถือเป็นคดีพิเศษด้วย
ถามว่า สรุปแล้วเป็นการใช้อำนาจซ้อนอำนาจ กกต.อย่างชัดเจนใช่หรือไม่ นายแก้วสรรกล่าวว่า ถูกต้องมันเป็นเรื่องจะเอาให้ได้ในฐานอั้งยี่ แต่เมื่อเสียงไม่ถึงสองในสามก็เลยให้ดีเอสไอลุยเองในฐานฟอกเงิน ซึ่งไม่ว่าจะความผิดฐานไหน มันก็ซ้อนอำนาจ กกต.จนทำไม่ได้อยู่ดี
"ที่สำคัญต้องไปดูมาตรา 77 ของกฎหมายเลือกตั้ง สว.ให้ดีๆ ว่า ที่เขาระบุให้การซื้อสิทธิขายเสียงผิดฐานฟอกเงินด้วยนั้น มาตรานี้เขาบัญญัติชัดเจนว่าเมื่อปรากฏความผิดฐานซื้อสิทธิขายเสียงนี้ ก็ให้คณะกรรมการ กกต.มีอำนาจส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ปปง.ดำเนินคดีฟอกเงินต่อไป มันชัดเจนว่าข้อหานี้มันต้องเริ่มด้วย กกต. แล้วส่งไป ปปง.เท่านั้น" นายแก้วสรรกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


