เด้ง‘ผู้คุมคุก’คู่กรณี‘อดีตผกก.โจ้’

เด้ง "ผู้คุมคุกคลองเปรม" คู่กรณี "อดีต ผกก.โจ้" พ้นแดน-ห้ามเข้าเรือนจำ "โฆษกราชทัณฑ์" ยืนยันมอบความเป็นธรรมแก่ครอบครัวไม่ให้ตายฟรี เผยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ตั้งคณะทำงาน 7 รายตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกมิติใน 30 วัน "ทวี" ย้ำราชทัณฑ์เปิดเผยกล้องวงจรปิดแบบเต็ม และให้ความร่วมมือตำรวจเข้าสืบสวนสอบสวน "น้องสาว" มั่นใจขึ้นหลังได้เข้าพบ รมว.ยธ.

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายไป เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตในเรือนจำของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้ ว่าขณะนี้ได้เร่งรัดให้กรมราชทัณฑ์และหน่วยงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้องนำหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ออกมาเปิดเผยชี้แจง โดยเฉพาะในประเด็นที่ประชาชนและญาติสงสัย แต่จะต้องไม่ขัดกับหลักกฎหมายหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น โดยขอให้แยกคดีนี้เป็น 2 ส่วน คือคดีการเสียชีวิตและคดีมูลเหตุจูงใจที่นำไปสู่การเสียชีวิต ส่วนที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองไปสังเกตการณ์ในการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เมื่อวานนี้ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา โดยต้องให้เวลาทำงาน แต่ยืนยันว่าเรามีความเสียใจกับผู้สูญเสีย และสิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือความเป็นธรรม ซึ่งกระทรวงยุติธรรมก็จะมาช่วยดูแลเรื่องนี้

ส่วนการที่ครอบครัวยังคงติดใจการแถลงข่าวของกรมราชทัณฑ์ ที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ครอบครัวได้รับข้อมูลมานั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ถ้ามีคนกลางไปสอบด้วยความรวดเร็ว และในคณะอนุกรรมการก็มีตำรวจอยู่ด้วย ซึ่งต้องทำอย่างตรงไปตรงมาในฐานะคนกลางได้ แม้เรื่องจะเกิดขึ้นในเรือนจำก็ตาม ทางเรือนจำก็ต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจ

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า เรือนจำขัดขวางไม่ให้ตำรวจเข้าสอบปากคำผู้เสียชีวิตกรณีถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีใบรับรองทางการแพทย์จาก รพ.ราชทัณฑ์ชัดเจนว่าถูกของแข็งกระแทกเข้าที่ลำตัว รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ถ้าตรวจสอบแล้วการกระทำเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทรมาน กรมราชทัณฑ์มีมาตรการทางปกครองอยู่แล้ว ในส่วนของผู้คุมที่หากทำร้ายร่างกายนักโทษจริง ก็มีโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง รวมถึงต้องดำเนินคดีอาญาโดยไม่ละเว้น แต่ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อน ตามระเบียบแล้วหากเกิดการกระทำความผิดอาญาขึ้น ไม่ว่าจะส่วนไหนของประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในเรือนจำ ตำรวจต้องสอบสวนได้หมด ระเบียบต่างๆ ต้องไม่ใหญ่กว่าสิทธิประชาชน แต่อาจเป็นปัญหาเรื่องของการประสานงานที่คลาดเคลื่อน

รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า แม้ว่าอดีต ผกก.โจ้จะเสียชีวิตแล้ว แต่คดีอาญาก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะผู้กระทำความผิดยังมีชีวิตอยู่จนกว่าจะหมดอายุความ กรมราชทัณฑ์ควรนำกล้องวงจรปิดตัวเต็มที่ไม่ผ่านการตัดต่อมาเผยแพร่ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ควรจะอนุญาตให้เผยแพร่ด้วย ส่วนห้องขังเดี่ยวโจ้ไม่ได้อยู่ทั้งวันอยู่เฉพาะตอนนอน กลางวันปล่อยปกติแล้วมานอน โดยปกติแล้วห้องลักษณะนี้อยู่ได้ 5 คน แต่โจ้ประสงค์ขออยู่คนเดียว ส่วนกรณีตอนแรกที่บอกว่าโจ้มีอาการทางจิต เพราะเจ้าหน้าที่พบว่ามีอาการหวาดระแวงและออกเพรสมา เมื่อได้ถามแพทย์แล้วว่าอาการวิตกกังวลไม่ถึงกับเป็นจิตเวช ก็ต้องยึดตามแพทย์ สำหรับการสอบสวนเจ้าหน้าที่ กรณีนี้เมื่อมีคนเสียชีวิตถือว่าผิดวินัยร้ายแรง ผู้คุมทุกคนต้องถูกสอบ ขณะที่ผ้าขนหนูนั้น จริงๆ แล้วหน่วยวัดคลาดเคลื่อน จริงๆ คือเป็นขนาดประมาณ 40-50 นิ้ว ไม่ใช่เซนติเมตร

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หารือร่วมกับตำรวจ อัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็มีความมุ่งมั่นที่จะคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนในเรือนจำ อะไรที่เป็นกฎระเบียบที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหรือหลักกฎหมายก็ถึงเวลาสังคายนา" รมว.ยุติธรรมระบุ

 ต่อมา น.ส.ธนัญญา อุทธนผล น้องสาวอดีต ผกก.โจ้ ได้มายื่นหนังสือต่อ รมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะการเสียชีวิตของพี่ชายภายในเรือนจำ พร้อมขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้การช่วยเหลือ รู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังได้เข้าพบรัฐมนตรี ว่าจะทำให้ครอบครัวตนได้รับความเป็นธรรม

มีรายงานว่า นายเผด็จ หริ่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ลงนามคำสั่งเรือนจำกลางคลองเปรมที่ 318/2568 เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2568 เรื่องมอบหมายหน้าที่การงานเจ้าพนักงาน โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า "พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ต้องขังคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุมแดน 5 ได้เสียชีวิตลงด้วยการกระทำอัตวินิบาตกรรม ในวันที่ 7 มี.ค. 2568 ซึ่งก่อนที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จะเสียชีวิตได้มีกรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายสิทธิพร แก้วคำบ้ง ตำแหน่งนักทัณฑวิทยาชำนาญการ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง"

"อาศัยอำนาจตามความในข้อ 13 แห่งระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานเรือนจำและการแต่งตั้งผู้ช่วยเหลือกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2561 จึงให้นายสิทธิพร พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 7 ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง ให้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ประจำฝ่ายบริหารทั่วไปส่วนบริหารทั่วไปและห้ามเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังเพื่อความโปร่งใสและไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง"

ด้าน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า สำหรับคำสั่งย้ายนายสิทธิพรพ้นจากหน้าที่ ถือเป็นเรื่องปกติเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงได้ออกคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงรวมทั้งสิ้น 7 ราย โดยมีหัวหน้าผู้ตรวจกรมราชทัณฑ์เป็นประธาน ส่วนอีก 3 รายเป็นบุคคลภายนอก ทั้งในส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมการปกครอง และมีระดับเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นกรรมการ หากนายสิทธิพรยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม ก็จะไม่สะดวกในการสอบถามรายละเอียดต่างๆ จึงต้องย้ายนายสิทธิพรออกจากการเป็นผู้คุมแดน 7 ไว้ก่อน โดยให้ไปอยู่งานด้านธุรการแทนเพื่อลดบทบาทเจ้าตัว แม้จะยังไม่ปรากฏว่าเป็นผู้กระทำผิด ส่วนกรอบระยะเวลาการตรวจสอบของคณะทำงานปกติมีเวลา 30 วัน แต่ก็สามารถขยายกรอบระยะเวลาได้อีก

พ.ต.ท.เชนกล่าวว่า ประเด็นที่คณะทำงานจะต้องทำการสอบถามและตรวจสอบนั้น เราจะถามทุกประเด็น โดยเฉพาะกรณีของหนังสือร้องเรียนโดยมารดาของอดีต ผกก.โจ้ ที่ได้มีการเขียนถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ สำหรับเรื่องการแจ้งความของทนายความ ผกก.โจ้ ที่ไม่สามารถแจ้งได้นั้น จะมีเรื่องของกฎกระทรวง กรมราชทัณฑ์ ว่าในการจะไปแจ้งความดำเนินคดีอะไรก็ตามจะต้องผ่าน ผบ.เรือนจำก่อน เพราะจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรมมีประมาณกว่า 6,000 คน ถ้าไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ก็จะมีการไปหาทนายความแล้วร้องกันเอง อีนุงตุงนังทั้งเรือนจำ ก็จะมีพนักงานสอบสวนเข้ามาสอบในเรือนจำเต็มไปหมด จึงต้องมีการพิจารณาตามความเหมาะสมก่อน ตามระเบียบมีการระบุไว้ว่า ทางโรงพักต้องทำหนังสือมาเพื่อขออนุมัติการเข้าสอบสวนภายในเรือนจำ ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำจะต้องอนุมัติถึงจะเข้าไปได้

"ในส่วนของกรมราชทัณฑ์รู้สึกเห็นใจครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพราะเท่าที่ได้พูดคุยจึงทราบว่าพวกเขามีการพูดคุยทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะพบว่าครอบครัวได้เข้าเยี่ยมผู้เสียชีวิตมาตลอดกว่า 3 ปี ซึ่งผมนับเป็นรุ่นพี่ของอดีต ผกก.โจ้ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก่อนจะโอนมาอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าจะไม่ให้อดีต ผกก.โจ้เสียชีวิตฟรีอย่างแน่นอน และจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 7 รายที่มีการแต่งตั้งขึ้น" พ.ต.ท.เชนกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม