บี้ปปช.สอบอิ๊งค์ ใช้ตั๋วสัญญาPN มีเบี้ยปรับ2เท่า!

"เรืองไกร" กัดไม่ปล่อย ร้อง ป.ป.ช.สอบ "นายกฯ อิ๊งค์" ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ปมตั๋วสัญญาใช้เงิน PN ส่อหนีภาษี พร้อมสอบ "อธิบดีสรรพากร" เข้าข่ายผิด ม.154 หรือไม่ ชี้จะต้องเสียภาษีภายในเดือน มี.ค. อาจมีเบี้ยปรับสองเท่ารวม 659 ล้านบาทเศษ

เมื่อวันจันทร์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตนสนใจเรื่องหนี้สินที่เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินของนายกรัฐมนตรี จำนวน 9 ฉบับ มูลค่ารวม 4,434 ล้านบาทเศษ โดยไม่มีระยะเวลาและไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย ซึ่ง สส.ที่อภิปรายเรื่องนี้กล่าวหาว่า เป็นนิติกรรมอำพรางเพื่อหนีภาษีจากการให้มาเป็นการซื้อขาย โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน  (PN) แทน

นายเรืองไกรกล่าวว่า สส.ผู้อภิปรายกล่าวหาว่า เรื่องนี้ควรเป็นการรับหุ้นจากเครือญาติ ซึ่งเข้าลักษณะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (27) ที่ต้องเอาเงิน 4,434 ล้านบาทเศษ หักด้วย 20 ล้านบาท แล้วนำยอดที่เหลือไปเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่ทำตามกฎหมาย ก็อาจเป็นการหนีภาษีด้วยการทำเป็นการซื้อหุ้นและออก PN โดยไม่มีกำหนดชำระและไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นหนีภาษีในลักษณะดังกล่าวได้ กรณีจึงน่าเชื่อว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหนีภาษีจากการรับให้ตามมาตรา 42 (27)

โดยเรื่องนี้ทำให้สาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์กันมาก จนนายกรัฐมนตรีบอกว่าในปี 2569 จะมีการไปเสียภาษี และอธิบดีกรมสรรพากรออกมาแสดงความเห็นว่า การทำ PN นั้นทำได้ กรณีดังกล่าวหากศึกษาประมวลรัษฎากรและแนวคำพิพากษาศาลฎีกา จะเห็นได้ว่านายกรัฐมนตรีอาจเข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (9) และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1)

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า จากการยื่นบัญชีหนี้สินอื่นเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน 9 ฉบับนั้น น่าจะเข้าข่ายทำนิติกรรมอำพรางเพื่อไม่เสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (27) ซึ่งถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) ที่มีกำหนดไว้ให้กรอกอยู่ในแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.94 ของกรมสรรพากรแล้ว และจะต้องเสียภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป

ทั้งนี้ หากมีการต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (27) ตามที่ถูกกล่าวหา เมื่อนำมาตราต่างๆ ในประมวลรัษฎากรมาใช้คำนวณภาษีลงในตาราง Excel อาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีต้องเสียภาษีพร้อมเบี้ยปรับสองเท่า รวมเป็นเงินประมาณ 659 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ยังไม่ได้คิดเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน รายละเอียดปรากฏในตาราง Excel  ที่แนบมาด้วย

นายเรืองไกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะหนีภาษีตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ก็ต้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ว่า นายกรัฐมนตรีมีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เพื่อส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 ต่อไป สำหรับอธิบดีกรมสรรพากรต้องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วยว่า การออกความเห็นดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 หรือไม่

"วันนี้ผมจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ว่ามีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) กรณีแจ้งหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินต่อ ป.ป.ช. รวม 9 ฉบับ มูลค่า 4,434 ล้านบาทเศษ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อไม่ทำหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (27) กำหนด อันอาจฝ่าฝืนหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (9) หรือไม่ และตรวจสอบอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับการไม่เก็บภาษีจากกรณีดังกล่าว จะเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 หรือไม่" นายเรืองไกรระบุ

นายเรืองไกรกล่าวทิ้งท้ายว่า ตาราง Excel จะเป็นตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางในการคำนวณภาษีเฉพาะตั๋ว PN รวม 9 ฉบับเท่านั้น แต่เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นกับการมีหุ้นอีก 2 บริษัท คือหุ้นบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่ารวม 102,500,000 บาท และหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,176,915,495 หุ้น มูลค่ารวม 3,483,669,865.20 บาท ซึ่งไม่แสดงวันเดือนปีที่ได้มาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั้น จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบหุ้นทั้งสองตัวนี้ว่าได้มาอย่างไร ทำไมจึงไม่มีการทำ PN ไว้ หุ้นดังกล่าวได้มาโดยวิธีใด เป็นการได้มาตามมาตรา 42 (27) หรือได้มาโดยการนำเงินจากที่ใดมาซื้อหุ้นดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เขมรขอไทยเจรจาหยุดยิง

นานาชาติมองไทย-เขมรรบปมใหญ่มนุษยธรรม ด้าน ทอ.โจมตีเชิงลึก “คลังอาวุธ” ในพระตะบอง เพื่อปกป้องชีวิตคนไทย