บลัฟแหลก! "ศุภวุฒิ" เผยเร่งเจรจาภาษีทรัมป์อาจไม่เป็นผลดี เนื่องจากไม่สามารถทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของสหรัฐฯ เหมือนเวียดนามกับแคนาดา เผยทางรอดนำเข้าสินค้าเกษตรมะกัน ใช้จุดแข็งประเทศไทย "แปรรูป" ส่งขายทั่วโลก ขณะที่ 2 อดีต รมว.คลังเตือนทุจริตคอร์รัปชันยิ่งอยู่ยาก ยก "นายกฯ มาเลย์" ฉลาดเจรจาในนามอาเซียน แต่ไม่มีไทย
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการรีบเร่งเจรจาเหมือนประเทศอื่นๆ อาจไม่ส่งผลดีกับประเทศนั้นๆ นัก เนื่องจากไม่สามารถทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของแนวทางการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างประเทศแคนาดาและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศได้เร่งดำเนินการเจรจาไปก่อนหน้าแล้ว หรือแม้แต่สหราชอาณาจักรที่ขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่สุดท้ายทุกประเทศที่ไปเจรจากลับถูกขึ้นภาษีเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลเตรียมไว้คือ การคิดแผนยุทธศาสตร์และมาตรการรองรับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจา
นายศุภวุฒิได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยโดยการดำเนินการของคณะทำงาน ได้จัดเตรียมแผนยุทธศาสตร์และมาตรการรองรับไว้แล้ว โดยมียุทธศาสตร์สำคัญคือ การปรับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและระบบการค้าผ่านการใช้จุดแข็งของทั้ง 2 ประเทศ อาทิ การนำเข้าสินค้าการเกษตรของสหรัฐฯ ที่ผลิตได้มากกว่าการบริโภคภายในประเทศถึง 20% มาแปรรูปเป็นอาหาร โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการแปรรูปอาหารของประเทศไทยเพื่อส่งออกขายไปทั่วโลก
นายศุภวุฒิยังได้กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ อีกว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตรการเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือการดำเนินการของผู้ประกอบการในระยะสั้น และเตรียมเงินทุนสำหรับใช้ในการให้ผู้ประกอบการไทยหาตลาดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการส่งออกไปสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยผู้ประกอบการไทย ให้สามารถปรับตัวได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ การดำเนินการเจรจากับสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นตามขั้นตอนการเจรจา โดยขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมการลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ภายใต้หลักการที่สหรัฐฯ ได้ประโยชน์ และประเทศไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามสำหรับกระบวนการเจรจาต่อรองดังกล่าว ต้องเจรจาในรายละเอียดในระดับเจ้าหน้าที่ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันก่อน ยกเว้นสินค้าที่มีปัญหาที่จะต้องเป็นการเจรจาในระดับรัฐมนตรี ดังนั้นขั้นตอนนี้จำเป็นต้องให้หัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งคือปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อทำการเจรจา ก่อนที่จะมีการเจรจารอบสุดท้ายเพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนสินค้าที่ยังตกลงกันไม่ได้ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับการเจรจาการค้าของสหรัฐอเมริกา
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ระบุให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามมาตรการด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนการรับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์เสียด้วยซ้ำ ซึ่งนายกฯ ได้คาดคะเนล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จึงได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ในวันที่ 6 มกราคม 2568 ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และประชุมหารือกันทุกสัปดาห์มาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว
“และขอวิงวอนให้ผู้นำฝ่ายค้านเบาได้เบา เพราะรัฐบาลไม่เคยล่าช้า ทำงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ผมเชื่อว่าผู้นำฝ่ายค้านรู้ว่ารัฐบาลทำงานมาตั้งแต่ต้นปี แต่ออกมาให้ข่าวเหมือนแกล้งไม่รู้" โฆษกรัฐบาลกล่าว
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความระบุว่า "เชื่อว่าอเมริกามีความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจมากกว่าประเทศอื่น ปรับตัวเพื่อพึ่งตัวเองได้มากกว่า ดังนั้นจะเอาตัวรอดและชนะในสงครามนี้ วันนี้ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้สนใจเสียงคัดค้านด่าทอจากภายในประเทศเขาเอง และไม่แคร์แน่นอนกับเสียงวิจารณ์จากต่างประเทศ อเมริกาอาจได้ส่วนแบ่งเค้กที่มากขึ้น แต่ขนาดของเค้กจะลดลง สรุปในระยะสั้นคนอเมริกันอาจได้เปรียบชาวโลก แต่ทุกคนจนลงหมด ซึ่งทรัมป์มองว่านั่นคือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อความ ‘มั่นคง’ ไทยเราทำได้คือต้องเร่งพัฒนาตัวเอง ทุกประเทศเขาต้องดิ้นรนมากขึ้น ถ้าเราไม่เก่ง ไม่ขยัน ยังอ่อนแอเพราะทุจริตคอร์รัปชัน เราจะยิ่งอยู่ยาก"
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความว่า "สินค้าสหรัฐฯ ที่ไทยควรสนใจมีอย่างเดียวคือ พลังงาน ไม่ว่าน้ำมันหรือก๊าซ LNG ถ้าราคาไม่แพงกว่าตลาดโลก การกระจายแหล่งซื้อออกจากตะวันออกกลาง จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาที่มีแนวโน้มกำลังจะปะทุขึ้น ระหว่างอิสราเอล/สหรัฐฯ กับอิหร่าน"
"ส่วนแนวเจรจาที่จะซื้อเครื่องบินโบอิ้ง สินค้าเกษตร นั้น ถามว่ารัฐบาลจะซื้อมาเพื่อขายให้ใคร และจะเอาแหล่งเงินมาจากไหน แนวการเจรจากับสหรัฐฯ ที่สัญญาว่าจะซื้อสินค้ามากมายมหาศาลนั้น เป็นหมากหลักที่จีนใช้มาตลอด แต่สหรัฐฯ ก็ไม่ได้โง่ จีนมีอิทธิพลสั่งรัฐวิสาหกิจ และแม้แต่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ให้ซื้อสินค้าสหรัฐฯ มากขึ้นได้ แต่รัฐบาลไทยไม่สามารถเลียนแบบ ส่วนความคิดที่จะส่งเสริมให้บริษัทเอกชนไทยไปลงทุนในสหรัฐฯ นั้น ก็เป็นเพียงฝันกลางวัน เอาแค่กระตุ้นให้เอกชนขยายการลงทุนในไทย รัฐบาลนี้ยังไม่มีปัญญาเลย อย่าเพิ่งมองจะใช้เป็นอาวุธเจรจา"
"(มีรายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ระบุว่าวันนี้ได้โทรศัพท์ถึงผู้นำอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, บรูไนและสิงคโปร์ เพื่อประสานการตอบโต้ร่วมกัน โดยต้องการให้เกิดความเห็นพ้องต้องกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ในการสร้างหลักการความยุติธรรมและความเท่าเทียมในการเจรจา) นี่เป็นหมากรุกการเมืองโลกที่ชาญฉลาด เน้นการเป็นปึกแผ่น การมัดรวมกันเป็นฟ่อนที่แข็งแรง สังเกตได้ว่าเขาไม่ได้โทรศัพท์ถึงเวียดนาม กัมพูชา และไทย เพราะเวียดนามรีบประกาศลดภาษีสหรัฐฯ ลงเหลือศูนย์ กัมพูชาลดลงจาก 35% เหลือ 5% ส่วนนายกฯ ไทยแสดงท่าทีจะเจรจาเองเป็นหลัก ทำตัวเป็นผู้ชาญฉลาด ยืนหัวแถว แทนที่จะไปยืนท้ายแถวของอาเซียน หลบสายตาไว้ก่อน".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


