มติศาล5:3รับตีความ อำนาจรัฐสภาแก้รธน.

ศาล รธน.มีมติ 5 ต่อ 3 รับตีความอำนาจและหน้าที่รัฐสภาในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจงใน 15 วัน  “ชูศักดิ์” ชี้เป็นเรื่องดี ทำให้เกิดความชัดเจน หวังทำประชามติ 2 ครั้ง อ้าง 3 ครั้งหาเจ้าภาพยาก

เมื่อวันที่ 9 เมษายน ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 6 วันจันทร์ที่ 17 มี.ค.2568 ได้พิจารณาญัตติด่วนของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ  สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอให้รัฐสภาพิจารณามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภากรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการลงมติในญัตติดังกล่าวที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นด้วยให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย และวันที่ 21 มี.ค.2568 ประธานรัฐสภาในฐานะผู้ร้องได้ส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัย 

ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้รัฐสภาจัดส่งสำเนารายงานการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 6 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 เป็นพิเศษ ในวันที่ 17 มี.ค.2568 ฉบับชวเลข ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน ซึ่งได้มีการจัดส่งสำเนารายงานการประชุมร่วมกันของรัฐสภาต่อศาลรัฐธรรมนูญ

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง เอกสารประกอบคำร้อง และสำเนารายงานการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ 17 มี.ค.2568 แล้ว เห็นว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2568 ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเห็นว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา และมีมติโดยเสียงข้างมากให้ส่งปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีจึงเป็นปัญหาซึ่งเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจที่เกิดขึ้นแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (2) และมาตรา 44

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องตามข้อ 1 (ที่ผู้ร้องเสนอ) เนื่องจากไม่ปรากฏว่าเป็นญัตติที่มีการเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 มีคำสั่งรับคำร้องตามข้อ 2 (ที่นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.เป็นผู้เสนอญัตติ) และข้อ 3 (ที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. เป็นผู้เสนอญัตติ) ไว้พิจารณาวินิจฉัย และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

สำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 5 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายวิรุฬห์ แสงเทียน, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 3 คน คือ นายปัญญา อุดชาชน,  นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2568 นายอุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเคยทำหน้าที่เป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และเคยให้ถ้อยคำหรือให้ความเห็นในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญต่อศาลรัฐธรรมนูญในคำวินิจฉัยที่ 4/2564 และที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้แล้วถือเป็นเรื่องดี ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล สาเหตุที่ศาลรับไว้พิจารณา คิดว่าการยื่นครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วไม่มีการบรรจุในระเบียบวาระ และไม่มีการพิจารณาในสภา แต่ครั้งนี้บรรจุในระเบียบวาระแล้ว และมีความขัดแย้งเกิดขึ้นแล้ว การรับไว้วินิจฉัยจึงเป็นเรื่องดี

ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญให้จัดทำความเห็นส่งต่อศาลภายใน 15 วันนั้น นายชูศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด จึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะส่งอะไร ทั้งนี้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับไว้วินิจฉัยแล้ว  ต่อไปการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดความชัดเจน เพราะจากที่เห็นในสภาที่ผ่านมา ฝ่ายหนึ่งไม่เข้าประชุม ฝ่ายหนึ่งเดินหนี สาเหตุที่ทำอย่างนั้นเพราะเชื่อว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะทำไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าทำได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นทำให้เกิดอุปสรรคทำให้วนอยู่แบบนี้ ซึ่งการที่ศาลรับไว้ และให้เราพิจารณาว่าจะทำประชามติสองหรือสามครั้ง เพื่อที่เราจะได้เดินต่อถูก จึงถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งนั้น หวังว่าจะมีข้อยุติ

เมื่อถามว่า ส่วนตัวหวังไว้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ทำประชามติกี่ครั้ง นายชูศักดิ์กล่าวว่า หวังไว้สองครั้ง เพื่อที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จภายในสมัยนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญให้ทำสามครั้ง นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร สามบอกมาว่าสามจะได้ทำถูก แต่หากทำสามครั้ง เคยเรียนในสภาไว้แล้วว่าใครเป็นเจ้าภาพ เพราะจะหาเจ้าภาพไม่เจอ ส่วนคณะรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพไม่ได้ เพราะเป็นร่างของพรรคการเมือง จึงหวังให้ทำประชามติสองครั้งจะไปได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.