ต่อคิวพบทรัมป์ปรับแผนเจรจา

"โดนัลด์ ทรัมป์" ยอมถอยให้ชาติอื่นในการทำสงครามการค้าระดับโลก ระงับการขึ้นภาษีศุลกากร 90 วัน แต่จะเรียกเก็บภาษีจากจีนมากขึ้นในอัตรา 125% "นายกฯ อิ๊งค์" รับไทยยังต่อคิวคุยสหรัฐ ต้องเตรียมตัวทุกมิติ "พิชัย" ยังไม่ได้กำหนดวันเจรจา "ขุนคลัง" จ่อปรับแผนเจรจาสหรัฐ ยันไม่นำเข้าสินค้าจนทะลักกระทบเกษตรกร "นฤมล" ลั่นไม่ยอมให้ฆ่าเกษตรกร 30  ล้านคน แลกสินค้าสหรัฐเอาใจ "ทรัมป์"

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10  เมษายน 2568 ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์   ของสหรัฐอเมริกา ยอมแช่แข็งคำสั่งใช้อัตราภาษีตอบโต้ของตนเองต่อประเทศต่างๆ โดยระงับการขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้าเป็นเวลา 90 วันสำหรับประเทศส่วนใหญ่ แต่กลับเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากจีนในอัตราที่สูงมาก

ทรัมป์กล่าวผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลของตนเองว่า "ผมอนุญาตให้หยุดการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วัน สำหรับคำสั่งภาษีตอบโต้ที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันพุธ" โดยเขาพิจารณาแล้วว่าประเทศต่างๆ มากกว่า 75 ประเทศพยายามติดต่อเจรจาและไม่ได้ตอบโต้สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีนำเข้าแบบเหมาจ่าย 10% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนจะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก แต่ทรัมป์กล่าวหาว่าจีนยังคง "ฉ้อโกง" ประเทศของเขาอยู่

ทรัมป์กล่าวว่า "จากการขาดความเคารพที่จีนแสดงต่อตลาดโลก ผมขอปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีนเป็น 125% โดยจะมีผลทันที"

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทรัมป์เพิ่งเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของจีนเป็น 104% จากนั้นจีนก็ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐเป็น 84%

"สักวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ จีนจะตระหนักว่าวันเวลาที่พวกเขาเคยขูดรีดประเทศอื่นๆ นั้นไม่ยั่งยืนหรือเป็นที่ยอมรับได้อีกต่อไป"  ทรัมป์กล่าว

สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐยืนกรานว่า ทรัมป์ไม่ได้กลับคำพูด โดยชี้ว่า "นี่เป็นกลยุทธ์ของเขามาตลอด และคุณอาจพูดได้ด้วยซ้ำว่าเขาหลอกล่อให้จีนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่"

ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปได้ประกาศมาตรการที่กำหนดเป้าหมายสินค้าบางรายการของสหรัฐตั้งแต่วันอังคาร เพื่อตอบสนองต่อการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั่วโลกในสหรัฐ 

27 ประเทศสหภาพยุโรปซึ่งทรัมป์กล่าวหาว่า ก่อตั้งขึ้นเพื่อเอาเปรียบสหรัฐ จะเรียกเก็บภาษีสินค้าสหรัฐมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านยูโร ซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง, จักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปไม่ได้ตอบโต้ภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐที่ถูกเรียกเก็บ 20% ต่อสินค้าทั้งหมด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ประกาศใน "วันปลดปล่อย" ว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% จากทุกประเทศ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน แต่จีนกลับไม่ยอมจำนน และประกาศโต้กลับด้วยการกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐเพิ่มเป็นสองเท่า กระทรวงการคลังของจีนกล่าวว่า "การที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้ากับจีนทำให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า"

ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้เตือนประเทศต่างๆ ในการประชุมสุดยอดธนาคารเมื่อวันพุธว่า การร่วมมือกับจีนจะเท่ากับทำร้ายตัวเอง ทรัมป์เชื่อว่านโยบายของเขาจะช่วยให้สหรัฐอเมริกาฟื้นฐานการผลิตที่สูญเสียไปได้ โดยการบังคับทางอ้อมให้บริษัทต่างๆ ย้ายมายังอเมริกา และคาดการณ์ว่าจะมีการทำข้อตกลงการค้ากับทุกประเทศ รวมถึงจีน ซึ่งขณะนี้ปฏิเสธที่จะยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับมาตรการการเก็บกำแพงภาษีหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยออกไป 90 วันว่า ในเรื่องของเวลา ตนเข้าใจว่าหลายๆ ประเทศก็ต้องต่อคิวกันคุย เพราะมีเยอะ ซึ่งแพลนของเราเอง เราก็ต้องเตรียมให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเรามองทุกมิติ และค่อนข้างครบอยู่แล้ว เหลือเวลาที่เข้าไปคุยมากกว่า ส่วนนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง มีกำหนดการเดินทางไปสหรัฐ  ยังไม่ได้คิว แต่เขาตอบรับกลับมาแล้วว่าจะให้นัด แต่วันที่ยังไม่ได้ลง

เมื่อถามว่า การที่แต่ละประเทศต่อคิวไปคุยกันกับการที่กลุ่มประเทศอาเซียนจับกลุ่ม แล้วเข้าไปคุยจะมีพลังมากกว่าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราจะทำทุกรูปแบบทุกอย่างที่จะช่วยทั้งเราและอาเซียน อะไรที่จับกับอาเซียนแล้วมีพลังกว่าก็ดี แต่เราต้องทำประเทศของเราด้วย คิดว่าทุกประเทศทำแบบนี้เช่นกัน

ถามถึงกรณีที่มีการจับกุมนักวิชาการสหรัฐในคดีมาตรา 112 จะทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เขาเปิดเจรจาด้วยความแฟร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องต่อรองกับด้วยความแฟร์

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กล่าวว่า เมื่อมีการเลื่อนมาตรการภาษีตอบโต้ออกไป แผนการดำเนินงานหลักๆ  ของไทยคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะมีทิศทางหลักๆ ไว้หมดแล้ว แต่ยอมรับว่าอาจจะต้องมีการปรับบางเรื่องเพื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น  เนื่องจากสหรัฐไม่ได้เลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้ให้ทั้งโลก แต่เลื่อนให้เฉพาะบางกลุ่มประเทศ ดังนั้นประเทศไทยก็ต้องมาดูว่าส่วนที่ไม่ได้ถูกเลื่อนจะเกิดอะไรขึ้น และไทยจะสามารถเข้าไปเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร

นายพิชัยกล่าวอีกว่า การเดินทางเพื่อไปเจรจากับสหรัฐคงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว โดยเบื้องต้นจะมีการนัดพูดคุยกับสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ก่อน ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติ เพื่อดูทิศทางว่าไทยจะสามารถดำเนินการตามข้อเสนอต่างๆ ได้หรือไม่ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายระดับนโยบายของสหรัฐก็จะต้องมาหารือกับระดับปฏิบัติการก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นหากไทยไปคุยกับระดับนโยบายเร็วเกินไปจะทำให้กลับตัวไม่ทัน

ส่วนกรณีที่จะมีการนำเข้าสุกรจากสหรัฐนั้น  นายพิชัยกล่าวว่า แนวทางของรัฐบาลไม่ได้จะมีแค่การนำเข้าสุกรเพิ่มเท่านั้น แต่เป็นแนวทางทางสมดุลทางการค้าที่เตรียมไปเจรจา แก้ปัญหาจากสิ่งที่เป็นวิกฤต คือต้องทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ อะไรที่เราไม่ขาด จะไม่มีการนำเข้า จะนำเข้าในกรณีเดียวเท่านั้น คือในประเทศไม่เพียงพอต่อการบริโภคหรือนำเข้ามาเพื่อแปรรูปเพื่อส่งออก จึงยืนยันไม่ส่งผลกระทบกับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการในประเทศอย่างแน่นอน

ขณะที่้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์  เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนนัดพิเศษ ผ่านระบบทางไกลกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ และติมอร์-เลสเต เพื่อหารือแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียนในการรับมือกับนโยบายใหม่ของสหรัฐ และเพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในภูมิภาค ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานโลกและการดำเนินธุรกิจของเอกชน โดยเฉพาะ SME และเกษตรกรของอาเซียน

 โดยผลการประชุมอาเซียนมีมติจะออกถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อแสดงจุดยืนของอาเซียนในฐานะ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” กับสหรัฐ พร้อมเสนอการเจรจาเชิงสร้างสรรค์ ลดความขัดแย้งทางการค้า และหาทางออกที่สมดุลร่วมกัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความมั่นคงทางห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยอาเซียนจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือในสาขาศักยภาพสูงกับสหรัฐ เช่น ดิจิทัล AI  อาหาร พลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมขั้นสูง รถยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ สุขภาพ โลจิสติกส์ รวมถึงเกษตรกรรม เพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้ภูมิภาค และย้ำถึงความสำคัญของระบบการค้าพหุภาคี โดยอาเซียนจะไม่ตอบโต้ทางการค้าต่อสหรัฐ

วันเดียวกัน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา ต.หนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง และโรงเรียนแก้งคร้อวิทยา ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เพื่อร่วมพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อขยายศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและข้าวคุณภาพดีแบบยั่งยืน

โดยนางนฤมลกล่าวช่วงหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังการประชุม ครม. นายกฯ ได้เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลกับทีมที่จะไปเจรจากับสหรัฐอเมริกาที่จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายภาษีนำเข้าใหม่ ซึ่งตนได้พูดกับสื่อมวลชนและคณะทำงานของนายกฯ ว่าจุดยืนของกระทรวงเกษตรฯ และควรที่จะเป็นจุดยืนของรัฐบาลไทยด้วยก็คือ เราต้องดูแลผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน จะเอาเกษตรกรไทยไปแลกกับภาคอุตสาหกรรมอื่น เราไม่ยอม

 “เราจะไปลด แลก แจก แถม ให้อเมริกา ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะลดภาษีให้เราหรือไม่ ทุกวันนี้กระทรวงเกษตรฯ ต้องมาแก้ปัญหาในสิ่งที่เรารัฐบาลไหนๆ ไปเจรจาเอาไว้ และก็เกิดผลกระทบกับพี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโคเนื้อ ที่เราไปเปิดให้ประเทศออสเตรเลียนำเข้า ตอนนี้ตลาดโคไทยขายไม่ได้ ราคาตกต่ำ ไม่มีที่จะระบาย  ต้องบอกให้กระทรวงเกษตรฯ พยายามไปเปิดตลาดที่ประเทศจีน และทุกข้อตกลงการค้าที่ท่านเคยไปเจรจามาบอกได้เลยว่า ผลประโยชน์ตกเป็นของต่างชาติทั้งนั้น แต่เกษตรกรไทยตายหมด วันนี้ปัญหาเดิมยังแก้ไม่หมด ท่านจะเอาปัญหาใหม่มาให้กระทรวงเกษตรฯ แก้ไขอีก" นางนฤมลกล่าว

นางนฤมลกล่าวทิ้งท้ายว่า "พ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน จำพวกนักการเมืองที่มาหาเสียง เวลาจะเลือกตั้งแล้วพูดกับท่านว่า ประชาชนต้องมาก่อน เกษตรกรต้องมาก่อน แต่พอเข้าไปมีตำแหน่ง มีอำนาจ กลับดูแลแต่พวกพ้อง พวกนายทุน จำหน้าจำชื่อมันเอาไว้ แล้วอย่าไปเลือกมันเข้ามาอีก” นางนฤมลกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.