“พิชัย” ยันช่วงสงกรานต์ประชุมกลุ่มอุตสาหกรรมยาว หวังถกให้ได้บทสรุปภายใน เม.ย.นี้ก่อนไปหาผู้แทนการค้าสหรัฐ แย้ม 2 แผนสู้ศึกภาษีทรัมป์ ซื้อสินค้ามะกันเพิ่มขึ้นพ่วงขยายตลาดของประเทศ “คต.” ลั่นต่อไปผูกขาดการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไทย
เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 มีการประชุมคณะทำงานแนวทางการดำเนินการไทยต่อนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน
นายพิชัยแถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้พูดคุยถึง 5 แนวทางการเจรจาที่เคยได้วางไว้ ซึ่งยังอยู่บนหลักเกณฑ์ว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องได้ประโยชน์ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ให้ลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืนยันว่าโจทย์ของเรื่องนี้คือ การขาดดุลการค้าของสหรัฐกับหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงไทยด้วย ที่มีมูลค่าจำนวนมาก ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานหลายปี ดังนั้นแผนในการสร้างสมดุลทางการค้านี้คงไม่สามารถทำได้ภายใน 1-2 ปี ต้องค่อยๆ แก้กันไป ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยเริ่มแล้ว เพื่อนำไปสู่จุดสมดุลด้วย 2 สูตรสำคัญ คือสูตรที่ 1 การซื้อหรือนำเข้าให้มากขึ้น และสูตรที่ 2 คือทำให้เศรษฐกิจใหญ่ขึ้น เพื่อจะได้ส่งออกไปทั้งสหรัฐและทั่วโลกได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน
“ไทยมีจุดแข็งคือภาคเกษตรกรรม ซึ่งที่ผ่านมาอาจเป็นการส่งออกภาคเกษตรเพื่อการบริโภค ไทยก็อาจเพิ่มเป็นการส่งออกเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหรือแปรรูปเพิ่มเข้าไป ซึ่งเรื่องนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ไทยมีความชำนาญอยู่แล้ว และส่งออกสินค้าแปรรูปได้ดี เช่น การแปรรูปอาหารสัตว์ที่มีตลาดขนาดใหญ่ มูลค่าการส่งออกปีละแสนล้านบาท ส่งออกได้ถึง 21 ล้านตัน ตรงนี้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของมูลค่าตลาดโลกเท่านั้น อาหารสัตว์ของไทยเป็นสินค้าพรีเมียมเกรด และเป็นที่นิยมของชาวโลก ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตคือข้าวโพด ประมาณ 9 ล้านตัน ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ 4 ล้านตัน ตรงนี้ไทยก็อาจหันมาซื้อข้าวโพดจากสหรัฐที่ราคาถูก โดยแบ่งโควตาจากประเทศคู่ค้าเดิม ซึ่งการจัดสรรการนำเข้านี้มองว่าประโยชน์ยังตกอยู่กับไทย เพราะสหรัฐผลิตข้าวโพดราคาถูกที่สุดในโลก ก็จะทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ของเราถูกลงด้วย ผู้นำเข้าทำได้เลย แต่อาจต้องไปดูว่าจะทำเข้าเท่าไหร่ ต้องเป็นอัตราที่เหมาะสม และต้องไม่กระทบผู้ผลิตภายในประเทศ” นายพิชัยกล่าว
สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารสัตว์ภายใน 6-7 ปีจากนี้ คาดว่าจะขยายตัวถึง 6% เนื่องจากมีปริมาณความต้องการบริโภคจำนวนมาก จะทำให้ไทยขายได้มากขึ้น นั่นแปลว่าก็ต้องนำเข้ามาขึ้นเพื่อมาแปรรูปและส่งออกเพิ่มขึ้น ตรงนี้ถือเป็นเรื่ององค์ประกอบที่ครบถ้วนและครบวงจร ขณะเดียวกันยังมีเรื่องถั่วเหลือง ปลา ที่จะทำเหมือนการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐได้อีก แต่ในส่วนนี้ยังต้องกลับไปทำการบ้านให้รอบคอบกันต่อไป
นายพิชัยกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าสหรัฐอาจยังมีประเด็นที่ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า ที่มีการใช้ไทยเป็นประเทศทางผ่านโดยไม่ได้ผลิตสินค้าจริง ทำให้อาจมีสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ตรงนี้ก็ต้องไปเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงจะต้องหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้เข้าไปดูรายละเอียดระบบ QC สำหรับสินค้าส่งออกที่จะต้องได้มาตรฐาน เพราะที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้เข้มงวดมากนัก หลังจากนี้จะเข้มงวดมากขึ้น เพื่อทำให้สหรัฐมั่นใจมากขึ้น รวมถึงต้องไปแก้ไขอุปสรรคทางการค้า โดยเฉพาะมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งเรื่องนี้กำลังเร่งดำเนินการกันอยู่
นอกจากนี้ ยังมีแผนการหารือการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ โดยเฉพาะ LNG จากสหรัฐด้วย รวมถึงจะไปย้ำกับสหรัฐด้วยว่า ปัจจุบันบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะซื้อเครื่องบินกว่า 70 ลำ คิดเป็นมูลค่าหลักแสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีการซื้อเครื่องบินโบอิ้งจากสหรัฐด้วย
“ในวันที่ 12-13 และ 14 เม.ย.นี้ จะมีการหารือเพิ่มเติมกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะภาคอุตสาหกรรมคงรอไม่ไหว ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจึงอยากเร่งหารือให้จบภายในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ครบถ้วนก่อนไปหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ก่อน เพื่อให้ทราบถึงทิศทาง” นายพิชัยกล่าว
ด้านนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กล่าวถึงมาตรการภาษีตอบโต้แบบต่างตอบแทนของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทยที่เป็นประเด็นที่สหรัฐให้ความสำคัญ และมีข้อห่วงกังวลว่าจะมีการสวมสิทธิและการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย ว่าเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ศุลกากรสหรัฐ และลดผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคการค้าของไทย จึงได้พิจารณาปรับปรุงแนวทางการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป สำหรับรายการสินค้าเฝ้าระวังการส่งออกไปสหรัฐ
“เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ศุลกากรสหรัฐ คต.ได้ประชุมหารือร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไปของไทย โดยทั้งสามหน่วยงานเห็นร่วมกันที่ คต.เป็นหน่วยงานเดียว ที่สามารถออกหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป สำหรับรายการสินค้าเฝ้าระวังในการส่งออกไปสหรัฐ 49 รายการ โดยจะนำแนวทางดังกล่าวเสนอต่อคณะทำงานต่อไป” นางอารดากล่าว
นางอารดากล่าวอีกว่า คต.ยังมีแผนเชิงรุกในการปรับปรุงรายการสินค้าเฝ้าระวังให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการค้าจากเดิม 49 รายการ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงในการแอบอ้างถิ่นกำเนิดอีก 9 กลุ่มสินค้า ซึ่งคาดว่าจะทะลักเข้าไทย และมีแนวโน้มการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า เช่น เหล็ก ลวดทองแดง และอะลูมิเนียม เป็นต้น เพื่อบริหารความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย ซึ่งแผนการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับศุลกากรสหรัฐ และเป็นกลไกในการป้องกันปัญหาการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้สหรัฐขยายมาตรการทางการค้ามายังอุตสาหกรรมของไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พระราชทานพรปีม้า เรี่ยวแรงดีสุขกายใจ
"กรมสมเด็จพระเทพฯ" อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงบาตรเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569
พ้น72ชม.ไม่วางใจ สั่งปีใหม่คุมเข้มชายแดน เขมรยังปล่อยโดรนป่วน
ครบกำหนดหยุดยิง ไร้ปะทะ แต่กัมพูชาส่งกำลังบำรุง-ปล่อยโดรนตลอดแนวชายแดน ละเมิดข้อตกลง
เศรษฐกิจโต2.2% ธปท.-ปปง.ตั้งทีม สอบธุรกรรมทอง
"แบงก์ชาติ" เคาะจีดีพีปี 68 โตแน่ 2.2% ชี้เศรษฐกิจเดือน พ.ย.ยังขยายตัว
ขยี้ส้มมีเทาผิดซ้ำแค่ขอโทษ
“นายกฯ” อวยพรปีใหม่คนไทย ขอทุกข์โศก-เคราะห์หมดไปปีนี้ เขินโดนถามปี 2569
เตือน‘สายตี้’โดนหนัก สกัดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่
เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569
ฉายาสภาสูง‘รังของหนู’
ฉายาสภา 68 “รังหนอนสีเทา” ขณะที่สภาสูงคือ “รังของหนู”

