กาสิโนโลกยึดไทย! ‘แก้วสรร’ เชื่อ ‘ทักษิณ’ ไม่ถอยดีลทุนมาเก๊า-สิงคโปร์ผุดบ่อนครบวงจร

"แก้วสรร" เชื่อ "ทักษิณ" ไม่หยุดดัน  "กาสิโน" จับตาทุนมาเก๊า-สิงคโปร์เจรจาให้หุ้นลม "ซุ้มชินวัตร" เซ้งประเทศให้ทุนกาสิโนโลกยึดไทย  ผุดบ่อนอบายมุขทุกภูมิภาค 5-8 แห่ง เอาพนันออนไลน์ขึ้นบนดินครบวงจร คุมธุรกิจบนดิน-ใต้ดินและการเมืองทุกระดับ "หัวหน้าเท้ง" ชี้นายกฯ คุยพรรคร่วม รบ.ไม่ตกผลึกกระทบความเชื่อมั่น      “เทพไท” ฟันธงปม “ไชยชนก” นำไปสู่การเอาคืนของ “ทักษิณ” ทั้งปรับ ครม. เขี่ยออกหรือถึงขั้นยุบสภา "เด็ก รทสช." งัดคลิปโต้แทน "พีระพันธุ์" พูดตรงไหนหนุนกาสิโน “หมอเชิด” แนะ “ไชยชนก” ไปพบจิตแพทย์ แย้มปรับ ครม.อาจมีเซอร์ไพรส์ พรรคดื้อถึงเวลาต้องเอาออกคนอื่นรอเสียบเยอะ

เมื่อวันเสาร์ที่ 12 เมษายน นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)  กรุงเทพมหานคร เผยแพร่บทความเรื่อง ทักษิณนำ  “ทุนกาสิโนโลก” เข้ายึดประเทศไทยในวิกฤตเศรษฐกิจ ในรูปแบบถาม-ตอบ มีใจความว่า   สมเด็จเดโชทักษิณเขาจะไม่ยอมหยุดโครงการกาสิโน เขาต้องดันให้ได้ ขอแค่ให้ได้เสียงข้างมากในสภาเท่านั้น ฟังว่าไม่ช้านี้คงปรับ ครม.แย่ง สส.มาจากพรรคอื่นอีก จนพรรคนั้นๆ เป็นพรรคแหว่งๆ   มีผู้นำทางจิตวิญญาณยืนเหงาโด่เด่แบบพลังประชารัฐก่อน

"พอปรับ ครม.แล้ว ก็เร่งแจกเงินหมื่นให้เด็กทั้งประเทศ เริ่มลงมือคุยโวประโคมสร้างฝันสวยๆ ให้ระงม อาศัยเงินล่วงหน้าก้อนใหญ่ที่รับเขามาแล้ว อัดเงินเต็มแม็กซื้อนักการเมืองให้ยอมเลื้อยคลานเข้าคอก แล้วยุบสภา ชูธง “สถานบันเทิงครบวงจร”  โบกไสวในสนามเลือกตั้ง พอถึงสิ้นปีเสร็จเลือกตั้งแล้ว ก็เกิดใหม่เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ลากร่างกฎหมายกาสิโนผ่านสภาได้ในที่สุด"

ถามถ้าไปถึงตรงนั้นได้ จะมีใครขวางเขาได้อีกไหม ตอบถ้าเขาทำได้จริงน่าจะต้านยากมากๆ ท่ามกลางวิกฤตปากท้องทุกวันนี้ชาวบ้านจะหิวหาความหวังมาก สมเด็จทักษิณจะพยายามโยนบาปทุกอย่างในวันนี้ให้โลกภายนอกก่อน แล้วทุ่มเทคุยโวสร้างฝันสุดสวยมีเม็ดเงินวิ่งไปมาจนตาลาย ให้ชาวบ้านเคลิบเคลิ้มไปทั่วหัวระแหง โดยอาจเติมโครงการใหญ่จากทุนต่างชาติ มาเป็นเรือธงร่วมกับกาสิโนสวรรค์อีกซักสองโครงการ เพียงเท่านี้เขาก็ออกเดินทางลงมือ “เซ้งประเทศชาติ” ได้แล้วครับ

ถามทำไมไปว่าเขาว่าจะ “เซ้งประเทศชาติ”  ตอบหมอนี่ในหัวสมองมีแต่เรื่องจับมือกับทุนต่างชาติ ร่วมกันแปรสินทรัพย์ไทยเป็นทุนทั้งนั้น ทั้งแหล่งน้ำมันในอ่าวไทย แลนด์บริดจ์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับต่างด้าว มาจนถึงโครงการแปลงไทยทั้งประเทศเป็นฐานกาสิโนโลก เฉพาะเรื่องกาสิโนนี้ เท่าที่ผมศึกษามาไม่มีที่ไหนในโลกเลย ที่คิดจะเท “โคตรบ่อน” อย่างกาสิโนลงไปคราวเดียวทั่วทุกภูมิภาคจำนวน 5-8 แห่งแบบนี้ ความกระเหี้ยนกระหือรือ พลิกประเทศทั้งประเทศเข้าสู่อบายมุขในคราวเดียวแบบนี้นี่เอง คือการเซ้งประเทศชาติให้ทุนกาสิโนโลก

ถามถ้าเขาตั้งเฉพาะกาสิโนบนเกาะล้านหน้าหาดพัทยา จำกัดคนไทยไม่ให้เข้าไปเล่น อย่างนี้รับได้ไหม ตอบถ้าทำแค่นี้มันจัดการปัญหาได้ ทำความเข้าใจกันได้ ไม่น่าไปคัดค้านอะไร ธุรกิจคนไทยในพัทยาก็ไม่กระเทือน ทำไม่ยาก แก้กฎหมายการพนัน สร้างระบบอนุญาตกาสิโนขึ้นมา โดยรัฐไม่ต้องไปร่วมลงทุน วางมาตรการควบคุมมีกระบวนการตรวจสอบทั้งก่อนและหลังอนุญาตให้รัดกุมเปิดต่อการมีส่วนของชาวบ้านด้วย 

ถามเราจะตัดสินร่างกฎหมายนี้ด้วยการลงประชามติดีไหมครับ ตอบไม่ดีครับ เรื่องเปิดกาสิโน มันต้องคิดต้องจัดการเป็นแห่งๆ ไป ต้องทำรายงานศึกษาความเป็นไปได้ รายงานผลกระทบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและธุรกิจในพื้นที่ ความคุ้มค่าคุมทุนของส่วนรวม จะไปออกกฎหมายเหมาอำนาจทุกอย่างให้นายกฯ หุ่น เปิดประเทศให้เขาทำอะไรก็ได้ ทำในคราวเดียวทุกภูมิภาคแบบนี้ไม่ได้ ไม่ถูกโดยสิ้นเชิง

ถามทุนกาสิโนโลกเขาจะอยากเข้ามาไทยไหม  ตอบวันนี้โลกกำลังโกลาหลไปหมดทั้งภัยธรรมชาติ ภัยสงคราม และวิกฤตเศรษฐกิจการเงิน จะเห็นได้ชัดเจนว่า ทั้งทุนทั้งคนในที่ต่างๆ กำลังอพยพหาที่อยู่ใหม่ข้ามชาติว่อนไปหมด และไทยกำลังเป็นที่หมายที่น่าสนใจมาก วันนี้รัสเซียเต็มภูเก็ตแล้ว  ส่วนจีนนั้นไม่ต้องพูด วันนี้ปักรกรากในไทยเต็มไปหมดแล้ว เฉพาะทุนกาสิโนโลกนั้นก็เหมือนกัน เขาก็มีเงินเต็มมือ ต้องหาที่มาลงทุนเป็นกิจการใหม่ให้ได้

คุมใต้ดิน-บนดินครบวงจร

"อย่างทุนมาเก๊ากับสิงค์โปร์นี่ต้องสนใจยึดประเทศไทยมาก เชื่อว่าพวกเขาได้เจรจาให้หุ้นลมกับซุ้มชินวัตร เกิดเป็นบริษัทที่มีทุนชำระแล้วหมื่นล้านบาท ตรงตามที่กำหนดไว้ในร่างกฎหมายแล้ว ในภายหน้าพอกฎหมายนี้ผ่านสภา บริษัทร่วมทุนนี้ก็มีสิทธิขอและได้ใบอนุญาตเปิดกาสิโนทุกภูมิภาคในคราวเดียวเลย"

ถามทุนชินวัตรได้แค่หุ้นลมเท่านั้นหรือ ตอบพอได้ใบอนุญาตแล้วเขาก็แยกกันไปตั้งบริษัทรับงานเฉพาะต่างๆ ในแต่ละแห่งอีกที อย่างทุนชินวัตรเองแม้ไม่ได้ทำกาสิโน ก็สามารถนำธุรกิจย่อยต่างๆ ไปขายให้ทุนเฉพาะทาง ทั้งโรงแรม สรรพสินค้า สวนน้ำฯ ลงทุนประกอบการในแต่ละแห่งต่อไปได้ ทำตนเป็นนายหน้าได้อย่างนี้ ก็รวยได้ทั้งโครงการเลย ส่วนที่มีคนในซุ้มชินวัตรไปออกแบบโครงการที่ท่าเรือคลองเตยแล้ว ยืนยันว่าเป็นความจริง

ถามถ้าสมเด็จทักษิณทำได้อย่างนี้จริง ในแง่การเมืองเขาก็ยึดประเทศได้เลย ตอบเขาจะต้องเดินหน้าเอาพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน มาอยู่ในซุ้มเขาอีก พอทำได้ครบวงจรแล้วอย่างนี้ ทุนกาสิโนชินวัตรนี้จะแผ่อำนาจทั้งธุรกิจบนดิน ใต้ดิน และสนามการเมืองได้ทุกระดับ ข้างซุ้มเจ้าพ่อทั้งหลายจะพากันทยอยเข้ามาศิโรราบ จนเขามีอานุภาพคับประเทศไทยแน่นอน

"สรุปแล้ว ทุนกาสิโนชินวัตรนี้คือโครงสร้างพื้นฐานทางการเมือง การเงิน และอิทธิพลของสมเด็จทักษิณชัดๆ สำหรับโครงการนี้เขาจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด"  

ถามนี่เขาไม่คิดจะทำงานพัฒนาเศรษฐกิจ กู้บ้านกู้เมือง ให้พ้นวิกฤตบ้างเลยหรือ ผมมีสิทธิจะหวังอะไรดีๆ จากเขาได้บ้างไหมครับ ตอบคุณอย่าไปหวังให้โง่งมงายอีกต่อไป โครงการกาสิโนครั้งนี้คือตัวอย่างชัดเจนที่สุดของการเซ้งประเทศโดยการเมืองชินวัตร และเป็นแค่ตัวอย่างที่ 1 เท่านั้น สมเด็จเดโชท่านยังมีโครงการเซ้งอื่นๆ ในกระเป๋าอีกเยอะ

ที่ จ.เชียงใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ประเมินเสถียรภาพของรัฐบาลหลังสงกรานต์ว่า ยังคงเห็นการผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งยังมีความเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างสูงในพรรคร่วมรัฐบาล ว่าสุดท้ายพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ต้องยอมถอยและถอนร่างกฎหมายออก เป็นสิ่งที่พวกเราเห็นด้วย           อย่างน้อยในช่วงปิดสมัยการประชุมสภา รัฐบาลยังมีเวลาในการดำเนินการหลายเรื่อง อย่างแรกที่สุดคือการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้ครอบคลุมมากขึ้น ถัดมาคือหลักเกณฑ์การป้องกันการฟอกเงิน หรือธุรกรรมผิดกฎหมาย การทุจริตคอร์รัปชัน และสุดท้ายคือการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาทำโครงการ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ในช่วงที่ปิดสมัยการประชุมรัฐบาลก็ควรจะมีความชัดเจน รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้วย

เมื่อถามถึงท่าทีของ สส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย สุดท้ายหากต้องนำกฎหมายดังกล่าวมาพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยอีก นายณัฐพงษ์ระบุว่า ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องไปคุยกันให้ตกผลึก โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมเสียงภายในพรรคร่วมรัฐบาลได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากจะเสนอร่างกฎหมายใดเข้ามาในสภาก็ได้ หรือเสนอเข้ามา โดยที่ภายในพรรคร่วมเองยังไม่ตกผลึก ซึ่งหากมีการดำเนินการแบบนี้ เชื่อว่าก็จะมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

กระทบความเชื่อมั่น

ส่วนโอกาสที่จะยุบสภานั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คงประเมินให้ไม่ได้ แต่การดำเนินการผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ก็จะทำให้ประชาชนเห็นว่ามีเพียงพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันพรรคเดียว แต่พรรคร่วมฯ ไม่เอา ก็เป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล ทั้งนี้ หากจะมีการยุบสภาหรือไม่ยุบ ก็คงอยู่ที่พรรคเพื่อไทยและตัวของนายกฯ  ในฐานะแกนนำรัฐบาล

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงปัญหาของพรรค พท.กับพรรค ภท. กรณีร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ที่แปลกใจคือเรื่องร่าง พ.ร.บ.ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ผ่านมติ ครม.มาแล้วไม่ใช่เหรอ อยากเห็นวาระการประชุมวันนั้นว่าแต่ละพรรคมีจุดยืนต่อเรื่องนี้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเรื่องที่ไม่ได้คุยกันมาก่อน มีความรีบเร่งพอสมควร แต่ไม่ได้แปลกใจที่สองพรรคการเมืองทะเลาะกัน หากใครตามการเมืองมาจะนึกถึงว่าวลีเด็ดได้ ตอนที่ไปศรีสะเกษ เป็นเรื่องธรรมดาที่สองพรรคนี้มีความขัดแย้งกันมาโดยตลอด

เมื่อถามว่า ประเมินว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบจากสภาหรือไม่ เพราะมีกระแสต้านอยู่พอสมควร นายพิธากล่าวว่า จะต้องดูภาพใหญ่ และเรียงลำดับความสำคัญสำหรับสถานการณ์การเมืองไทยและสถานการณ์การเมืองโลกในขณะนี้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าอันดับหนึ่งขณะนี้คือเรื่อง SMEs ที่มีความไม่มั่นคงในแต่ละพื้นที่ จะต้องดูแลอย่างไร ซึ่งจะต้องเป็นภารกิจหลักมากกว่า

“การสร้างบ้านต้องพื้นฐานให้เข้มแข็งเสียก่อน  แทนที่จะไปสร้างหลังคา จึงถามว่าความสำคัญในตอนนี้ใช่ เห็นว่ายังไม่ใช่ ต่อมาเห็นว่าเรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตอนที่เป็นก้าวไกล พูดในฐานะอดีตนักการเมืองตอนนั้น มีทั้งเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การฟอกเงินที่คิดถึง และ พ.ร.บ.การต่อสู้กับคอร์รัปชัน แล้วค่อยมาทำเรื่องกาสิโน ถ้าทำเป็นแพ็กเกจ 3 อันนี้เห็นว่าจะมีน้ำหนักที่ทำให้คนที่ต่อต้านพอรับฟังได้บ้าง แต่อันนี้คือจังหวะ เศรษฐกิจก็ไม่ใช่ จังหวะการเมืองก็ไม่ใช่ เร่งรีบอีกแล้วยังไม่มีมุมมองเรื่องในการจำกัดข้อเสีย ซึ่งยังรวมมุมมองจุลภาคว่าตกลงจะกำหนดเงื่อนไข 50 ล้านบาทหรือไม่ ยังกลับไปกลับมา” นายพิธากล่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ทักษิณเอาคืนเนวิน?" ระบุว่า การที่นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศจุดยืนไม่เอากาสิโนกลางที่ประชุมสภาฯ เป็นการฉีกหน้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แบบชัดๆ เต็มๆ ทำให้พรรค พท.เสียรังวัด และโกรธเคืองเป็นเป็นอย่างมาก แม้ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.ขอโทษต่อ น.ส.แพทองธารแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจ เป็นรอยร้าวระหว่าง ภท.กับ พท. ยากที่จะประสาน เชื่อว่าหลังจากเทศกาลสงกรานต์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว จะมีการเอาคืนจากนายทักษิณอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีปรากฏการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นคือ

1.นายทักษิณต้องความเข้าใจกับหัวหน้าฝ่ายอนุรักษนิยมให้ชัดเจนว่า จะทำงานทางการเมืองร่วมกัน และประสานประโยชน์กันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัน 2.จะมีการปรับ ครม.หรือปรับพรรคร่วมรัฐบาลออก ยึดกระทรวงหลักกลับมาเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย เพื่อกระชับอำนาจ เตรียมการรับมือกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 3.ถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภา คืนอำนาจกับประชาชน เป็นการล้มกระดาน หรือล้างไพ่ใหม่

"ขอให้จับตาดูปรากฏการณ์ทางการเมืองหลังสงกรานต์นี้ให้ดีว่า จะเดินไปสู่ 3 ขั้นตอนนี้หรือไม่ และนายทักษิณจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยอย่างไร"  นายเทพไทระบุ

สส.พท.ขู่เขี่ยภท.พ้นครม.

วันเดียวกันนี้ จากกรณีมีข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงจุดยืนของพรรค รทสช. ว่าเห็นชอบกับกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรว่า ก็เหมือนเดิม อะไรที่ไม่ผิดกฎหมาย เราก็ไม่มีปัญหา

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรค รทสช. ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉัน จิ๊บ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ (รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) น้อมรับความคิดเห็นของทุกท่าน ด้วยความเคารพค่ะ” “แต่อยากให้ทุกท่านดูคลิป ที่นักข่าวถ่ายไว้ก่อนค่ะ ว่าที่เค้าพาดหัวกับที่คุณพีระพันธุ์พูดตรงกันไหม ท่านพูดน้อยมากเลยค่ะ”

“จนเราต้องตั้งคำถามว่า หรือจริงๆ แล้ว นักข่าวเอาคำถามตัวเองมาเขียน แล้วบอกว่าท่านพูดกันแน่?” น.ส.ศศิกานต์ระบุ

ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย จ.ขอนแก่น และเครือข่ายสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การอภิปรายในที่ประชุมสภาฯ ของนายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 2 และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก อาจจะเกิดการที่ขาดภาวะผู้นำและขาดสติ เพราะคนที่เป็นถึงเลขาธิการพรรคก็ต้องมีวุฒิภาวะให้มากกว่ามากล่าวถึงคุณพ่อคุณแม่ตัวเองและกล่าวขัดต่อมติพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะไม่มีใบสั่ง แต่อาจะเกิดจากภาวะกดดันหรือฟังเรื่องนี้มาตลอดจนเกิดความเครียด และต้องการหาที่ระบาย จึงใช้เวทีในการประชุมสภาฯ ออกมาโจมตีและคัดค้านร่างเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งที่เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้มีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว และการที่จะดำเนินการได้ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี

“ผมไม่ได้ว่าคุณไชยชนกมีอาการทางจิต หรือเป็นไบโพลาร์ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากความเครียดสะสม จึงควบคุมตัวไม่อยู่และอภิปรายเรื่องต่างๆ ออกมา ซึ่งมีเรื่องอะไรบ้าง สส.และประชาชนคงทราบกันหมดแล้ว ดังนั้นทางที่ดีคุณไชยชนกควรรีบไปพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการปรึกษาให้เร็วที่สุด”

นพ.เชิดชัยกล่าวด้วยว่า การปรับ ครม.ที่อาจจะมีขึ้น ต้องจับตาดูแบบแทบจะกะพริบตาไม่ได้  เพราะอาจจะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่หลายคนพูดตรงกันว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่ดื้อพูดไม่ค่อยฟัง ก็จะต้องปรับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งประเด็นนี้มีการพูดถึงกันในวงกว้างมากขึ้น เพราะมีหลายพรรคการเมืองที่ต้องการเข้ามาร่วมรัฐบาล แม้กระทั่ง สส.ของพรรคที่ชอบดื้อและพูดไม่ฟังเกินกว่าครึ่งก็ต้องการที่จะร่วมรัฐบาลต่อไป ดังนั้นหากมีการปรับ ครม.จริง พรรคที่ถูกตัดออกแม้จะมี สส.เกือบ 80 คน แต่พรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลแทนอีกหลายพรรค ก็จะทำให้จำนวน สส.ของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นมีมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน.