17วันสตง.ถล่ม ยังไร้ปาฏิหาริย์ ‘กทม.’ลุยรื้อต่อ

17 วัน สตง.ไร้ปาฏิหาริย์เพิ่ม กทม.สรุปยอดเสียชีวิต 37 ราย อยู่ระหว่างค้นหาอีก 57 ราย “ชัชชาติ” บอกยังไม่ทิ้งความหวัง “ดีเอสไอ” เดินหน้าเก็บหลักฐาน โวมีหลักฐานเส้นทางการเงินแล้ว “ฝ่ายค้าน” จับตา สตง.แถลงหลังสงกรานต์ “เด็กกล้าธรรม” ปูด สตง.สร้างตึกแต่ทิ้งร้าง 15 ปีที่ชลบุรี ขอไฟเขียวใช้ประโยชน์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 เม.ย.2568 ถือเป็นวันที่ 17 ที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างใหม่ พังถล่มจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา โดยความคืบหน้าการปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย ยังคงมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยงาน รวมถึงอาสาสมัครจากมูลนิธิต่างๆ กระจายกำลังทำลายสิ่งกีดขวางในซากตึกทุกโซนพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณโซน B และโซน C ด้วยเครื่องจักรกลหนัก สลับกับทีมค้นหาเดินเท้า ตลอดทั้งคืนวันที่ 12 เม.ย. ต่อเนื่องถึงเวลา 08.00 น. วันที่ 13 เม.ย. แต่ยังไม่สัญญาณผู้รอดชีวิตเพิ่ม พบเพียงชิ้นส่วนอวัยวะผู้เสียชีวิต อาทิ ท่อนแขน ท่อนขา ชิ้นส่วนกระดูก ฯลฯ กระจัดกระจายหลายจุดในบริเวณพื้นที่เชื่อมต่อโซน A, B และ C ของซากตึก

โดยเมื่อช่วงเวลาประมาณ 23.01 น. ของวันที่ 12 เม.ย. ต่อเนื่องเวลา 00.23 น. ของวันที่ 13 เม.ย. ที่บริเวณโซน B เจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตไม่ทราบเพศได้ 1 ร่าง และร่างผู้เสียชีวิตเพศชายอีก 1 ร่าง ตามลำดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนอวัยวะทั้งหมดส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันบุคคลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ส่วนกรณีกู้ภัยแจ้งพบแสงไฟที่คาดว่ามาจากโทรศัพท์มือถือใต้ซากตึก สตง. และสแกนพบรูปร่างอยู่ลึกลงไป 3 เมตรเมื่อ 11 เม.ย.นั้น ล่าสุด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งความคืบหน้าผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า  จุดที่เห็นแสงไฟเมื่อ 2 วันก่อน เราทำการเปิดพื้นที่เข้าไปลึกถึงราว 3 เมตรแล้ว ถึงจุดที่คาดว่ามีแสงไฟ กำลังนำเครื่องไปสแกน และนำ K9 เข้ามา ซึ่งตอนนี้สแตนด์บายแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่านี้ ยังไม่มีสัญญาณเพิ่มเติมว่าพบผู้รอดชีวิต แต่ยังคงเดินหน้าต่อ

น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร   กล่าวถึงปฏิบัติการการค้นหาก่อนหน้านี้ที่พบแสงไฟกะพริบตรงบริเวณโซน B ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจาะโพรงเพื่อเข้าค้นหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามตะโกนเรียกหรือส่งสัญญาณ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่หมดหวัง ยังเร่งปฏิบัติการต่อไป

ทั้งนี้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดความคืบหน้าอาคารถล่ม ณ เวลา 10.00 น. ว่ามีผู้ประสบเหตุ 103 ราย ผู้เสียชีวิต 37 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย และยังมีผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 57 ราย

ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้า ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์  รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รอง ผบก.น.2, พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ  และคณะ เข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐานเพื่อไปตรวจสอบ โดย ร.ต.อ.สุรวุฒิระบุว่า เป็นการเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งดีเอสไอยังคงต้องเข้าพื้นที่หน้างานอย่างต่อเนื่อง โดยการทำงานของดีเอสไอนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่เก็บหลักฐานและส่วนสอบสวน โดยงานสอบสวนนั้นก็คืบหน้าไปมาก โดยนัดหมายผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนคดีการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือนอมินี ให้เข้ามาให้ข้อมูลในวันที่ 18 เม.ย.-15 พ.ค. โดยจะมีบริษัทที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 จำกัด และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริษัทที่ร่วมประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. เบื้องต้นจากเส้นทางการเงินพบว่าปลายทางมีการโอนไปถึง 2 บุคคลชาวจีน ซึ่งดีเอสไอมีข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้

ต่อมาในเวลา 11.00 น. นายชัชชาติพร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายก่อนเผยว่า การค้นหายังคงเดินหน้าต่อไป ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พยายามเปิดพื้นที่ถึงจุดที่มีการกล่าวอ้างว่าพบแสงไฟ โดยขณะนี้ขุดไปจนถึงบริเวณใกล้เคียงจุดดังกล่าวประมาณ 3 เมตรแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำ K9 และเครื่องสแกนเข้าไปตรวจ แต่ไม่พบสัญญาณหรือสิ่งของอะไร ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นกระจกที่แตกและสะท้อนแสงออกมา ถึงแม้ว่าจุดนี้จะไม่พบร่างผู้สูญหาย แต่จะไม่ละเลยความหวัง แม้ความหวังจะเล็กแค่ไหน จะพยายามเต็มที่ที่สุด โดยขณะนี้การรื้อการก่อสร้างได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 40% สำหรับแผนปฏิบัติการหลังจากนี้จะเน้นรื้อโซน E ที่อยู่ด้านบนก่อน เพราะอุปสรรคคือเหล็กอัดแรง ที่มีความเหนียวกว่าปกติ 5 เท่า โดยความสูงของซากอาคารตอนนี้ลดลงมาประมาณ 3 เมตร

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.)  กล่าวถึงการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของอาคาร สตง. ฝ่ายค้านจะมีการติดตามต่ออย่างไรบ้าง ว่า สตง.มีหน้าที่ 3 อย่างด้วยกันคือ 1.เป็นผู้ควบคุมกฎระเบียบในการใช้งบประมาณ เพราะมีเสียงสะท้อนจากองค์กรท้องถิ่นหลายๆ แห่งว่า ตอนที่ สตง.ลงไปตรวจ มีแง่มุมเยอะแยะเต็มไปหมด 2.การใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ซึ่งสิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือมูลค่าก่อสร้างตึกกว่า 2,000 ล้านบาท และ 3.การตรวจสอบงบการเงิน ถ้าได้ติดตามการประชุมสภาฯ ในเรื่องงบประมาณ จะพบว่ารายงานการเงินหลายหน่วยงานรัฐยังเป็นรายงานการเงินแบบมีเงื่อนไข ซึ่งก็ควรเป็นหน้าที่ของ สตง.ที่จะทำให้รายงานเหล่านี้เป็นไปตามมาตรฐานมากขึ้น

 “การทำหน้าที่ของ สตง. คุณต้องไม่มองว่าเป็นคนคุมกฎระเบียบเพียงอย่างเดียว แต่มีหน้าที่วิเคราะห์ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย และทำรายงานการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานด้วย  ส่วนการแถลงของ สตง.หลังเทศกาลสงกรานต์นั้น ฝ่ายค้านคงต้องรอดูรายละเอียดก่อน แต่สิ่งที่เราได้ดำเนินการไปแล้วคือ เรื่องการนำ สตง.เข้ามาชี้แจงในคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามย้ำว่า จากที่ติดตามมาถือว่าน่าพอใจเชื่อถือได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ สตง.เปิดเผย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใส เพราะขณะนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล หากยิ่งขาดความโปร่งใส หรือมีข้อครหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ก็จะไม่มีความไว้วางใจ

ส่วนนายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี พรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวว่า ในจังหวัดชลบุรี มีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ  จังหวัดชลบุรี โดยมีเนื้อที่ 89 ไร่ อาคารดังกล่าวสร้างมาแล้ว 10-15 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการเปิดใช้งาน วันนี้พบตึกถูกทิ้งร้าง บริเวณโดยรอบมีหญ้าขึ้นเต็ม โดยเมื่อปี 2563 ได้เคยใช้พื้นที่ในการสร้างสวนสาธารณะ โรงเรียนอาชีวศึกษา รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และผ่านมาอีกหลายปี สตง.ก็ไม่เคยใช้พื้นที่ตรงนี้ ก็กลัวว่าจะถล่มลงมา

นายสะถิระกล่าวต่อว่า ประชาชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบมีความต้องการให้สร้างสวนสาธารณะประจำอำเภอ รวมถึงองค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ก็ยินดีที่จะสร้างอาคารเรียนอาชีวศึกษา 2 ภาษา ซึ่งเป็นการรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ซึ่งองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นก็พร้อมจะดูแลรักษาสวนสาธารณะประจำอำเภอสัตหีบแห่งนี้

นายสะถิระยังกล่าวต่อว่า สวนสาธารณะประจำอำเภอสัตหีบยังไม่มี ชาวบ้านต้องไปใช้สวนสาธารณะของกองทัพเรือ บางครั้งต้องแลกบัตรประชาชนเข้าไปใช้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนไม่ได้รับความสะดวกสบาย ทั้งที่ถัดไปอีก 8 กิโลเมตร มีสวนสาธารณะของ อ.บ้านฉาง เป็นของพลเรือน มีทั้งสระว่ายน้ำ มีทั้งสนามเปตอง มีทั้งโรงยิม 2 ชั้นติดแอร์ มีสนามบาสเกตบอล มีสนามเทนนิส และมีสนามฟุตบอลและลู่วิ่งที่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีการเรียนการสอนของศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่อำเภอบ้านฉางด้วย

 “ประชาชนอำเภอสัตหีบอยากใช้พื้นที่ตรงนี้ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่ได้ใช้ประโยชน์มาเกือบ 15 ปีแล้ว ผมขอให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สาธารณะจากพื้นที่ตรงนี้ออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพจิตใจที่ดี รวมถึงเมื่อมีสวนสาธารณะแล้วยังสร้างรายได้ให้กับประชาชนที่จะสามารถตั้งร้านค้าขายได้ด้วย ยังดีกว่าปล่อยให้พื้นที่รกร้างไม่เกิดประโยชน์ใดๆ” นายสะถิระกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.