‘อันวาร์’หลุด‘อมพระ’ โซเชียลเดือดตั้งใจหรือพลาด!ลบคลิปหารือ‘แม้ว-อุ๊งอิ๊ง’แทบไม่ทัน

สื่อโซเชียลลุกเป็นไฟ เพจ Anwar Ibrahim ของนายกฯ มาเลเซีย โพสต์คลิปเยือนไทยหารือ "ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง" ใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของพี่้เบิร์ด-เสก โลโซ ประกอบ ก่อนถอดออกแล้วโพสต์ใหม่ใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" แทน  

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 โลกออนไลน์ไทยร้อนฉ่า หลังเพจ Anwar Ibrahim ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของดาโตะ เซอรี อันวาร์  อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เผยแพร่คลิปวิดีโอสรุปการเดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อ 17 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีภาพการพบปะหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร รวมทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยอย่างเป็นทางการ

จุดที่ทำให้คลิปกลายเป็นกระแสไวรัลไม่ใช่เพียงภาพการทูต แต่คือเพลงประกอบซึ่งใช้บทเพลงชื่อดังอย่าง “อมพระมาพูด” ผลงานร่วมของ ธงไชย แมคอินไตย์ (เบิร์ด) และเสกสรรค์ ศุขพิมาย (เสก โลโซ) ซึ่งมีเนื้อหาเชิงประชดประชันและกล่าวถึงการไม่ไว้ใจ แม้จะสาบานด้วย “พระ” ก็ตาม

เนื้อหาหลักของเพลงสะท้อนอารมณ์ของการไม่เชื่อใจ ไม่ว่าคำพูดจะดูจริงใจแค่ไหน ซึ่งเมื่อประกอบกับคลิปการเยือนและพูดคุยของผู้นำทั้งสองประเทศ ยิ่งกระตุ้นให้สังคมไทยตั้งคำถามว่า

 “นี่เป็นการเลือกเพลงเพราะไม่เข้าใจความหมาย หรือเป็นการสื่อสารเชิงสัญญะที่แฝงเจตนา?”

ข้อความในแคปชันของเพจระบุชัดว่า “การเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของผม เปิดบทใหม่ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างมาเลเซีย-ไทย ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร”

แม้ภาพรวมของคลิปจะเต็มไปด้วยมิตรภาพทางการทูต แต่เนื้อเพลงซึ่งมีคำว่า “หน้าใสใจเสือ เชือดใจมากี่คน” และ “อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ”  ทำให้ชาวเน็ตไทยจำนวนมากรู้สึกแปลกใจ และบางส่วนถึงกับมองว่า “น่าจะไม่ใช่ความบังเอิญ”

หลายความเห็นวิเคราะห์ว่า เพลงดังกล่าวอาจถูกเลือกโดยทีมงานสื่อสารของฝ่ายมาเลเซียที่ไม่เข้าใจภาษาไทยดีพอ ขณะที่อีกฝ่ายมองว่า ระดับคลิปทางการของนายกรัฐมนตรีไม่น่าพลาดเรื่องการเลือกเพลงได้ง่ายๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งช่วงเที่ยงวัน คลิปดังกล่าวถูกลบออกไปแล้วโพสต์ใหม่อีกครั้ง  โดยใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ประกอบแทน อย่างไรก็ตาม พบว่าชาวเน็ตไทยได้คัดลอกคลิปเดิมส่งต่อไปในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการพบปะกันระหว่างนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในขณะนี้ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่อยู่ในความสนใจคือเรื่องการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการยุติการสู้รบ รวมทั้งสร้างสันติภาพในเมียนมาว่า  ทราบว่าทางนายอันวาร์ได้พบปะกับทั้ง พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำเมียนมา ซึ่งตนเห็นว่าการพบปะของนายอันวาร์และนายทักษิณนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะนายทักษิณเป็นผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์ และมีเครือข่ายเพื่อนผู้นำที่มีบทบาทในเวทีโลกอย่างกว้างขวาง คงจะช่วยให้คำแนะนำประธานอาเซียน และทำให้กระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมาได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและเกิดเป็นจริงรวดเร็วมากขึ้น เพราะเราต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาตั้งแต่อาเซียนมีฉันทามติ 5 ข้อเมื่อหลายปีก่อน มีความคืบหน้าเรื่องเมียนมาน้อยมาก ถ้าจะพูดว่าเป็นการขับเคลื่อนที่ค่อนข้างเฉื่อยก็คงจะไม่ผิดจากความเป็นจริงนัก

นายนพดลกล่าวว่า หลังจากที่นายทักษิณได้เข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทร่วมกับนายอันวาร์ ก็ได้ทำให้การพูดคุยขับเคลื่อนการเจรจาสร้างสันติภาพในเมียนมากับกลุ่มต่างๆ ได้เกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน เป็นรูปธรรม เปลี่ยนการทูตเฉื่อยเป็นการพูดที่เฉียบคมและมีเป้าหมาย เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมานั้นน่าจะวินวินทุกฝ่าย ทั้งประชาชนชาวเมียนมา โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุและสตรี ไม่ต้องหลบลี้หนีภัยสู้รบข้ามเขตแดนมาประเทศไทย สันติภาพในเมียนมา ก็จะนำมาซึ่งความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาในประเด็นต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น เรื่องของพีเอ็ม 2.5 ยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น ส่วนผลในระยะยาวก็จะทำให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพ มีความเป็นเอกภาพ และความเป็นหนึ่งเดียวกันของอาเซียนก็จะเกิดขึ้นจริง

"ในยุคที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างท่านอันวาร์และท่านทักษิณ นับว่าจะเป็นยุคที่การต่างประเทศไทยกลับมาโดดเด่นและวัดกันด้วยผลลัพธ์อีกครั้ง" นายนพดลกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.