ทีมกู้ภัยตึกสตง. ‘พันเอก’ดับสลด

นายทหารยศพันเอกร่วมปฏิบัติการหาผู้สูญหายในซากตึก สตง. เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทบ.แสดงความเสียใจ พร้อมดูแลช่วยเหลือครอบครัว "ชัชชาติ" เผยเร่งเจาะเปิดพื้นที่เพิ่มเติมได้บริเวณที่คาดว่าเป็นปล่องลิฟต์และบันไดหนีไฟ ทำให้พบผู้ที่ติดอยู่ในบริเวณดังกล่าวประมาณ 6 ร่าง ส่วนความสูงซากตึกเหลือ 12 เมตรแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกวันศุกร์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของกู้ภัยรายหนึ่งได้รายงานเหตุผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยทหารที่เข้าร่วมภารกิจค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุการณ์ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นเวลากว่า 22 วันแล้ว

โดยผู้ที่ใช้ชื่อ NAKON45 อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า "วันก่อนเสธ.ยังมาไหว้เจ้าที่ตรงจุดเกิดเหตุในวันครอบครัวด้วยกัน.!!!

ร่วมแสดงความเสียใจ พ.อ.พิฆราช สุริยะ สังกัด มทบ.11 เสธ.เป็น 1 ใน นายทหารที่มาร่วมปฏิบัติการ ช่วยเหลือที่เกิดเหตุอาคารถล่มทุกวัน ขณะขับรถจะกลับจากประชุมที่หน่วยประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต...ตอนนี้ร่างเสธ.อยู่ที่นิติเวช  รพ.รามา คุณพ่อ, คุณแม่ กำลังเดินทางมาจากเชียงใหม่ พวกเราทุกคนขอแสดงความเสียใจ"

สำหรับ พ.อ.พิฆราช สุริยะ ชื่อเล่น เหยี่ยว  จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 41  เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันพัฒนา กองพลพัฒนาที่ 1 กองทัพบก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองกิจการพลเรือนมณฑลทหารบกที่ 11  (มทบ.11) รับผิดชอบส่วนงานบรรเทาสาธารณภัย ที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองทัพภาคที่ 1  โดยปัจจุบันมอบหมายให้ มทบ.11 เป็นศูนย์ประสานงานกลาง บูรณาการหน่วยงานกองทัพบกที่ร่วมสนับสนุนภารกิจกู้ภัยตึกถล่ม รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานหลักอาทิ กทม. กู้ภัย

กองทัพบกได้รับแจ้งว่า ขณะที่ พ.อ.พิฆราชเดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน  ณ กองอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ส่วนหน้า (จตุจักร) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า JJ Mall ซึ่งจากภาพกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ กำลังพลได้หักหลบรถจักรยานยนต์ที่เปลี่ยนเลนกะทันหัน ทำให้เสียหลักเข้าชนฟุตปาธจนเสียชีวิต

จากเหตุดังกล่าวนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของกำลังพลที่สูญเสียบุคคลสำคัญในครอบครัว ซึ่งเป็นบุคลากรดีเด่น ร่วมปฏิบัติงานในภารกิจต่างๆ ของกองทัพบกเพื่อประชาชนและประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมอบหมายให้มณฑลทหารบกที่ 11 ประสานและอำนวยความสะดวกครอบครัวในการเดินทางมารับศพ ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี และกระทำพิธีทางศาสนา  รวมทั้งเร่งดำเนินการในเรื่องสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ของกำลังพลโดยเร็ว เพื่อดูแลช่วยเหลือครอบครัวให้ได้รับตามสิทธิอย่างดีที่สุด

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้นายทหารพระธรรมนูญของหน่วยร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลพญาไท ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ในการสอบสวนและดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายกับคู่กรณี โดยกองทัพบกพร้อมเป็นตัวแทนครอบครัวในการประสานงานและดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อยุติของคดี และให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวโดยเร็ว

ความสูงซากตึกเหลือ 12 เมตร

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าสถานการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกตนพร้อมด้วย พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร และ รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าพบเพื่อสอบถามสิ่งที่ต้องการรับการสนับสนุนหรือความช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วขณะนี้เราก็มีค่อนข้างครบ แต่อาจมีประเด็นหนึ่งที่ต้องขอรับการสนับสนุนเพิ่ม คือพื้นที่สำหรับเก็บกองวัสดุที่ยังแน่นอยู่

ส่วนที่มีประเด็นข่าวว่าเราไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บหลักฐานนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง  อยากจะให้เอาหลักฐานไปให้ได้มากที่สุด เพื่อหาผู้รับผิดชอบให้ได้ ร่วมมือกับทุกฝ่าย อาจมีช่วง 2-3 วันแรกที่มีการค้นหาผู้รอดชีวิตอาจมีปัญหาเรื่องการสื่อสารเล็กน้อย แต่ขณะนี้เราร่วมมือกับพิสูจน์หลักฐาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และ DSI อย่างเต็มที่ การเก็บหลักฐานเราเองไม่ได้เชี่ยวชาญ เรามีหน้าที่ค้นหาผู้ติดค้างอยู่ หลักการคือต้องมีเจ้าหน้าที่ของกรมโยธาธิการฯ มาอยู่กับเรา หากอยากได้หลักฐานชิ้นใดสามารถระบุและเก็บหลักฐานชิ้นนั้นไปตรวจสอบได้ ซึ่งเรื่องนี้เราพร้อมดำเนินการให้ตลอด  ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรร่วมมือกันได้ดี

สำหรับความคืบหน้าการค้นหาและรื้อถอนซาก ผู้ว่าฯ กทม.เผยว่า สามารถเจาะเปิดพื้นที่เพิ่มเติมได้บริเวณที่คาดว่าเป็นปล่องลิฟต์และบันไดหนีไฟ ทำให้พบผู้ที่ติดอยู่ในบริเวณดังกล่าวประมาณ 6 ร่าง ด้านภารกิจการรื้อถอนโครงสร้างอาคาร สามารถลดระดับความสูง บริเวณโซน B และ C เหลือประมาณ 10 เมตร ส่วนโซน A และ D ระดับความสูงเหลือ 12 เมตร วันนี้จะดำเนินการเจาะบริเวณปล่องลิฟต์เข้าไปอีก คาดว่าจะพบผู้ติดค้างด้านในเพิ่มเติม ภาพรวมงานเดินไปได้ค่อนข้างดี แต่ก็พบปัญหาบ้างคือรถเริ่มเสียมากขึ้น แต่เรามีเจ้าหน้าที่จากกรมทหารช่างที่ประจำอยู่หน้างานอยู่แล้ว

ในส่วนยอดผู้สูญหายที่อาจมีความสับสนเรื่องจำนวนนั้น นายชัชชาติกล่าวว่า หลักการคือเมื่อเราพบชิ้นส่วน ต้องให้พิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ยืนยัน เนื่องจากเราไม่สามารถทราบได้ว่าบางรายพบเป็นชิ้นส่วนอวัยวะแล้วเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ตอนนี้นำชิ้นส่วนออกมาแล้วกว่า 180 ชิ้น

นายชัชชาติกล่าวต่อไปว่า อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องพยายามเร่งดำเนินการคือการพิสูจน์ DNA พบว่ายังไม่ได้ข้อมูลอีกกว่า 10 คน ซึ่งได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศว่าจะหาข้อมูล DNA ตรงนี้เพิ่มได้อย่างไร ทั้งนี้ นอกจากการค้นหาผู้ติดค้างแล้ว เราดำเนินการฆ่าเชื้อในพื้นที่ควบคู่กัน เนื่องจากกังวลว่าเมื่อฝนตกอาจไปชะล้างเชื้อโรคต่างๆ ไหลลงไปสู่ทางระบายน้ำ จึงต้องมีการควบคุมตรวจสอบคุณภาพน้ำตลอด  เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งปนเปื้อนแปลกปลอมที่ก่อให้เกิดอันตรายกับคน และคนที่เข้าไปในพื้นที่ทุกคน เมื่อออกมาต้องมีการสเปรย์ ล้างรองเท้า ล้างมือตลอด

อยู่ระหว่างการติดตาม 47 ราย

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.ย.68 เวลา 10.00 น. ผู้ประสบเหตุ 103 ราย เสียชีวิต 47 ราย บาดเจ็บ 9 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม 47 ราย สำหรับแผนการปฏิบัติงานในวันนี้ยังคงตามแผนเดิม เพิ่มเติมงานในพื้นที่จัดเก็บวัสดุ ให้เคลื่อนย้ายเครื่องจักรไปช่วยกดเหล็กและเคลียร์พื้นที่

ด้านศูนย์พักพิงญาติผู้ประสบภัย เขตจตุจักร สามารถรองรับผู้พักคอยได้ทั้งสิ้น 82 เตียง ว่าง 27 เตียง วันที่ 19 เม.ย.68 เวลา 14.00 น. มีผู้มาลงทะเบียนญาติผู้ประสบภัย จำนวน 9 ราย (เมียนมา 9 ราย) ยอดสะสมรวมทั้งสิ้น 214 ราย (ไทย 127 ราย, เมียนมา 76 ราย, กัมพูชา 8 ราย, ลาว 3 ราย) ล่ามอาสา 3 ราย (เมียนมา) ประสานงานการตรวจ DNA ให้กับญาติผู้ประสบภัย จำนวน 2 ราย และประสานงานและนำส่งเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 6 ราย

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอให้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งรวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลและเอกสารสำคัญเพื่อออกหมายจับเอาผิดให้ถึงที่สุด กรณีเหตุการณ์ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ถล่ม ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยขณะนี้ทราบว่าดีเอสไอกับ ตร. สั่งอายัดซากตึกเพื่อตรวจสอบแล้ว โดยพบข้อมูลที่สำคัญที่คาดว่าเป็นต้นตอของสาเหตุตึก สตง.ถล่ม ทั้งเรื่องมาตรฐานของวัสดุการก่อสร้าง คุณภาพปูนและเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน เรื่องการแก้ไขแบบ Core Wall หรือผนังรับแรงเฉือนจากแรงลมในอาคารสูง และการแก้ไขแบบปล่องลิฟต์ ที่เป็นจุดศูนย์กลางของตึกโดยไม่มีการเสริมเหล็ก นอกจากนั้นยังพบข้อมูลว่ามีการปลอมลายเซ็นวิศวกรผู้ออกแบบวัย 85 ปี และวิศวกรควบคุมงานอีก 51 คนด้วย รวมไปถึงต้องตรวจสอบคดีการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ส่อเป็นคดีนอมินี และความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือฮั้วประมูล ซึ่งทั้งหมดก็ต้องไปไล่ตรวจสอบเร่งเอาผิดผู้เกี่ยวข้องโดยตรงให้ถึงที่สุดทุกขั้นตอน โดยเฉพาะบริษัทก่อสร้างหลักที่ได้รับการประมูลงาน

ทั้งนี้ ขอฝากไปยังรัฐบาล หากเห็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันผ่านการประมูลงานก่อสร้างของภาครัฐจุดใด โดยเฉพาะบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่ชนะการประมูลงาน และส่งต่องานให้ผู้รับจ้างงานช่วง หรือซับคอนแทรกต์อีกหลายต่อ อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพการก่อสร้างที่ต้องลดสเปกวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างลงเพื่อให้ได้กำไร จำเป็นต้องไปอุดรอยรั่วและแก้ไขอย่างจริงจังทั้งวงจร

 “ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรื้อทั้งระบบให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ให้มีการทุจริต ในเรื่องการประมูลงานก่อสร้างของภาครัฐ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในทุกโครงการ ที่สำคัญมากเป็นเรื่องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันของข้าราชการที่มีส่วนรู้เห็นการฮั้วประมูลกับภาคเอกชน หากจะแก้ต้องแก้ทั้งระบบ ขอนายกฯ ให้ใช้โอกาสนี้ควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง” นายธนกรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.