“รทสช.” มาแต่ไก่โห่หนุนงบปี 69 เชื่อไร้ปัญหาไม่มีสะดุด “เจ๊ไหม” แนะรัฐบาลนำร่างไปทบทวน เหตุยังไม่มีการบรรจุเรื่องภาษีทรัมป์ เปิดกว้างขยายเพดานหนี้กู้เงินมาแก้ไข เตือนต้องมีรายละเอียดอย่าตีเช็คเปล่าเหมือนยุคลุงตู่ “นักวิชาการ” ชี้ 90 วันเป็นโอกาสทองสินค้าไทยไปสหรัฐ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เม.ย.2568 นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนหน้าคาดว่าจะมีการขอเปิดสภาผู้แทนราษฎรสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ในช่วงวันที่ 28-30 พ.ค. ซึ่ง สส.พรรคทั้ง 36 คน พร้อมร่วมพิจารณาและสนับสนุนร่างงบปี 2569 เพราะถือเป็นกฎหมายการเงินที่สำคัญสำหรับการใช้งบประมาณบริหารประเทศ ช่วยขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล
“แม้ในพรรคร่วมรัฐบาลจะมีบางเรื่องที่มีความเห็นที่ต่างกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้มีความขัดแย้ง โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีนั้น มั่นใจว่า สส.ทุกคนในพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อจะเห็นการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรที่ทำให้สะดุด” นายธนกรกล่าว
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า พรรคอยู่ในช่วงคัดเลือกผู้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2569 ในวาระที่หนึ่ง ซึ่งอยากบอกกับรัฐบาลว่า งบประมาณปี 2569 ที่ทำมาอาจยังไม่รวมกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสงครามการค้าเข้าไป และอาจมีการจัดงบประมาณในแบบเดิมๆ อยู่ ซึ่งหากรัฐบาลอยากใช้งบประมาณปี 2569 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงการค้าโลกไปด้วย หากนำกลับไปให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาใหม่แก้ไขอีกรอบ และจะนำเข้าสภาช้าไปอีก 1-2 สัปดาห์ก็ไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามถึงกระแสข่าวกระทรวงการคลังจ่อออก พ.ร.บ.กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อรับมือวิกฤตนโยบายภาษีทรัมป์ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เคยอภิปรายไปแล้วว่ายินดี เพราะครั้งนี้ผลกระทบมีค่อนข้างมาก เป็นวงกว้างและเชิงลึก รวมถึงจะอยู่กับเราค่อนข้างนาน ดังนั้นถ้ารัฐบาลมีแผนที่จะเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นแล้วจำเป็นต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ติดหากรัฐบาลต้องขยายเพดานเงินกู้ เพราะเท่าที่มีอยู่คงไม่เพียงพอ แต่ต้องเตรียมแผนให้พร้อมและมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะฟื้นฟูและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งเมื่อนำเข้าสู่สภาก็พร้อมพิจารณา
“ขออย่ากู้เงินมาเพื่อนำไปแจกอย่างสะเปะสะปะ ไร้ทิศทางเหมือนเดิม ต้องมีรายละเอียดด้วย เพราะหากมาแค่เช็คเปล่าเหมือนสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เราก็คงไม่สามารถที่จะอนุญาตให้กู้เพิ่มได้” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
วันเดียวกัน น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ได้ออก 5 มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐ เพราะข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย 3,700 ราย จะได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปตลาดสหรัฐ คิดเป็นมูลค่าส่งออกราว 7,634 ล้านดอลลาร์
สำหรับ 5 มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย มีดังนี้ 1.จัดตั้งคลินิกผู้ประกอบการ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ ทั้งผู้นำเข้าและส่งออกที่ได้รับผลกระทบ 2.ให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำแก่ผู้ประกอบการผ่านช่องทางการติดต่อของธนาคาร 3.สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีขยายตลาดไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ 4.สนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ โดยมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการภายในประเทศ และ 5.สนับสนุนผู้ประกอบการไทยไปลงทุนเพิ่มเติมในสหรัฐ
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ตัวเลขการขยายของภาคส่งออกไทยในไตรมาส 2 จะขยายตัวเป็นบวกจากการเร่งการส่งออกก่อนมาตรการภาษีตอบโต้จะมีผลในอีก 90 วันข้างหน้า โดยการเร่งส่งออกในช่วงนี้ทำให้มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ข้าว มีออเดอร์เพิ่ม 2-3 เท่า สินค้าส่งออกไทยส่วนหนึ่งจะไปทดแทนสินค้าจีนที่โดนภาษีในอัตราสูงถึง 145%
“เรือสินค้าเดินทางจากไทยไปท่าเรือชายฝั่งตะวันออกสหรัฐใช้เวลาเดินทาง 35-40 วัน ฉะนั้นผู้ประกอบการส่งออกไทยที่ไม่ต้องการถูกเก็บภาษี 10% ต้องเอาสินค้าขึ้นเรือโดยเร็ว และสินค้าต้องถึงสหรัฐก่อน 27 พ.ค. แม้สินค้าจะยังไม่โดนกำแพงภาษี แต่จะเผชิญกับการถูกกดราคาจากผู้นำเข้าในสหรัฐอย่างแน่นอน”
รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวอีกว่า ท่ามกลางสงครามการค้าสหรัฐ-จีน การย้ายฐานการผลิตของบรรษัทข้ามชาติที่ใช้จีนเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกจะเกิดขึ้น ไทยต้องช่วงชิงโอกาสจากการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่นี้เช่นเดียวกับที่เคยมีการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่หลังข้อตกลง Plaza Accord ระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่น เพราะการตอบโต้กำแพงภาษีระหว่างสหรัฐกับจีนที่ระดับ 125% ต่อ 145% ย่อมทำให้การค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอาจหยุดชะงักลงได้ สร้างผลเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก หากไทยวางตัวเหมาะในสมรภูมินี้ และสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง จะสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ดึงดูดทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และบุคลากรเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมนวัตกรรมให้ก้าวหน้าได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สั่ง‘ตร.’ห้ามลา ดูแลประชาชน เทศกาล‘ปีใหม่’
“บิ๊กต่าย” กำชับ 3 มาตรการ พร้อมดูแลประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569
พท.ซัด‘กกต.’เฉื่อย ประชามติรื้อ‘รธน.’
กกต.เผยแพร่ระเบียบให้ออกเสียงประชามตินอกราชอาณาจักรแล้ว
ยํ้า8ก.พ.จัดเลือกตั้ง รวม‘7จว.ชายแดน’
เลขาฯ กกต.ยืนยันเลือกตั้ง 8 ก.พ. วันเดียวทั่วประเทศ แม้ชายแดนไทย-กัมพูชายังตึงเครียด วางแผนแบ่งโซนสีจัดเลือกตั้ง
ปูดซื้อเสียงหัวละ300บาท
“อนุทิน” แจงไม่ร่วมดีเบต เอาเรื่องอธิปไตยก่อน ยันไม่รีบบอกจับ-ไม่จับกับใคร
จับตาหยุดยิง72ชม. หากเขมรจริงใจเดินหน้าปฏิญญา/‘บิ๊กเล็ก’จ่อลงนาม27ธ.ค.
"สมช." ไฟเขียวข้อเสนอวงถกฝ่ายเลขาฯ GBC ไทย-กัมพูชา หยุดยิง 72 ชม.
ทหารไทยเสียขาที่9คา‘จีบีซี’
ไทยยัน จม.ของ “เตีย เซ็ยฮา” มีนัยขอเจรจาหยุดยิง-เสนอให้ถอยกำลังทหารไปอยู่ที่จุดเดิม

