ผู้ตรวจฯสอบ‘ทักษิณ’ชั้น14 ปชน.เดินหน้าแผนโรยเกลือ

"ผู้ตรวจการแผ่นดิน" รับลูก "กสม." หลังเสนอศาลปกครองเพิกถอนระเบียบราชทัณฑ์-สั่งขั้นตอนส่งตัว "ทักษิณ" นอนชั้น 14 เป็นโมฆะ เตรียมร่อนจดหมายถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องแจง "วิโรจน์" เผยแผนยุทธการโรยเกลือหลังซักฟอก "แพทองธาร" จับตาความคืบหน้า "ตั๋ว PN" 9 ฉบับ หวัง คกก.ภาษีอากรวินิจฉัยตามหลักสากล จี้ "อธิบดีกรมที่ดิน" เร่งเพิกถอนโฉนด 4 แปลง "โรงแรมเทมส์วัลลีย์ เขาใหญ่" มอบหมาย "โรม" เดินหน้าเอาผิดปมชั้น 14 ยัน "ปชน." ไม่ใช้กลไกสอบจริยธรรม อ้างบ้านเมืองจะติดอยู่ในวังวนนิติสงคราม

เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์  เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และในช่วงเช้าวันนี้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้นำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าสู่ระบบแล้ว ทราบว่าเบื้องต้นได้มีการยื่น 2 ประเด็น คือขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลปกครองให้ยกเลิกกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ของกรมราชทัณฑ์ และกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยขอให้ศาลมีคำสั่งว่าขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ทั้งหมดเป็นโมฆะ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือขอให้เป็นโมฆะ โดยจากนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอให้กรมราชทัณฑ์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่ามีวิธีคิดอย่างไร และหากจะทำการยกเลิกจะกระทบกับส่วนรวมหรือไม่ อย่างไร มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่

พ.ต.ท.กีรปกล่าวว่า ส่วนจะต้องเชิญหน่วยงานเข้าชี้แจงด้วยหรือไม่นั้น ก็จะต้องทำการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น และขอรายงานจาก กสม.ที่เคยได้ศึกษาเบื้องต้นมาแล้วเพื่อมาประกอบการพิจารณา รวมถึงข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศาลฎีกาด้วย เพราะศาลได้มีคำพิพากษามีโทษจำคุก  แต่กรมราชทัณฑ์กลับส่งตัวไปรักษาโดยไม่มีการไต่สวนจากศาล ซึ่งอาจจะมีความขัดแย้งต่อคำพิพากษาของศาล โดยจะต้องขอคำชี้แจงจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหากพบว่ายังไม่มีความชัดเจนก็อาจจะต้องมีการเชิญมาประชุมร่วมกัน

สำหรับกรอบการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดิน ในการดำเนินการก่อนที่จะส่งเรื่องไปให้ศาลปกครอง พ.ต.ท. กีรปกล่าวว่า โดยปกติผู้ตรวจการฯ จะดำเนินการด้วยความรวดเร็ว โดยภายใน 1 สัปดาห์ก็จะออกหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชี้แจง แต่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้คือ ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบชี้แจงกลับมาภายใน 30 วัน หากข้อมูลไม่พร้อมก็สามารถขอผ่อนผัน ซึ่งตามระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินจะอนุญาตให้เลื่อนการชี้แจงได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน รวมเสร็จสรรพแล้วไม่น่าจะเกิน 60 วัน 

"อันนี้เป็นประเด็นใหม่ที่ผู้ร้องมีข้อเสนอแนะว่า การที่จะส่งตัวนักโทษออกไปรักษานอกเรือนจำควรที่จะต้องขออำนาจศาล ตรงนี้เป็นประเด็นใหม่ที่จะต้องมีการศึกษา ถ้ามีการแก้ไข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะแก้ไข ก็ไม่ต้องไปถึงศาลปกครอง แต่หากเรามองแล้วเห็นว่าควรแก้ไข แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่แก้ไข อันนี้ก็อาจจะต้องไปพึ่งอำนาจศาลปกครองให้ยกเลิกหรือแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง" พ.ต.ท.กีรปกล่าว

จ่อสรุปความเห็นส่งศาล ปค.

เมื่อถามว่า กรณีการขอให้กลับไปเริ่มต้นกระบวนการใหม่ ขณะที่นายทักษิณก็พ้นการรับโทษมาแล้ว ขั้นตอนการกลับเข้าไปสู่การรับโทษจะมีความเป็นไปได้ หรืออยู่ที่อำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาหรือไม่ พ.ต.ท.กีรปกล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถดำเนินการตรวจสอบได้ แต่ขั้นตอนของการกลับเข้าสู่กระบวนการใหม่นั้น ขั้นตอนทางกฎหมายต้องไปดูกฎระเบียบ กฎหมายต่างๆ  ว่าเมื่อมีการยกเลิกการดำเนินการที่ผ่านมาแล้ว ผลไม่ว่าจะเป็นผลต่อนายทักษิณ กรมราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ จะมีผลเช่นไร ต้องขึ้นอยู่กับกฎระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 

พ.ต.ท.กีรปกล่าวอีกว่า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงมาแล้ว หากมีข้อมูลครบถ้วน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะทำการประมวลเรื่องสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เสนอผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อวินิจฉัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะให้คำแนะนำอย่างไร ในเรื่องของการดำเนินการที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะมีความเห็นและข้อเสนอแนะ ให้ดำเนินการให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม รวมถึงมีความเห็นจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องต่อศาลปกครอง 

ที่อาคารอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แถลงการดำเนินการภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งทางด้านกฎหมายและกระบวนการต่างๆ ว่า พวกเราหารือกันแล้วจะมีการดำเนินการ 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1.กรณีที่นายกรัฐมนตรีใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN จำนวน 9 ฉบับ โดยที่ไม่มีการกำหนดการชำระเงิน และไม่มีดอกเบี้ย สร้างกระบวนการให้ดูเสมือนว่าเป็นการซื้อหุ้นจากคนในครอบครัวและเครือญาติ ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเจตนาที่แท้จริงที่จะหลีกเลี่ยงชำระภาษีการรับให้ ซึ่งตรวจสอบได้ไม่ยาก ซึ่งหลายๆ อย่างก็จะเป็นพยานหลักฐาน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า นายกฯ มีเจตนาในการซื้อหุ้นจริง หรือเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเท่านั้น เชื่อว่าหากคณะกรรมการ วินิจฉัยภาษีอากรพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความสุจริตและกล้าหาญ ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยวินิจฉัยสอดคล้องกับหลักสากล พฤติกรรมดังกล่าวของนายกฯ จะเป็นการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และคงจะต้องมีการติดตามให้มีการชำระภาษีย้อนหลัง

รวมถึงต้องมีการดำเนินการแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนในอีก 2 ประเด็นต่อไป และเราจะดำเนินการภายหลังคณะกรรมการภาษีอากรวินิจฉัยแล้วเสร็จ ทั้งเรื่องทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 172 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ป.ป.ช. และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยมีข้อความอันเป็นเท็จ ตามมาตรา 167 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. เพื่อให้มีการไต่สวนและชี้มูลความผิดนายกฯ ต่อไป และเราจะดำเนินการกับ ป.ป.ช.ในกรณีประพฤติมิชอบต่อไป

2.กรณีโฉนด 4 แปลงซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเทมส์วัลลีย์ เขาใหญ่ เรายืนยันว่าพื้นที่นี้ยังคงสถานะเป็นพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) สงวนไว้เพื่อการรักษาทรัพยากรธร รมชาติ เป็นต้นน้ำลำธาร ซึ่งห้ามออกโฉนดโดยเด็ดขาด ตามข้อ 14(5) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ที่ออกตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 รวมถึงมติ ครม.ที่อนุญาตให้ครอบครองเพื่อทำประโยชน์ แต่ไม่ใช่ให้กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด จึงเป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ที่ตั้งของโรงแรมเป็นการออกโฉนดโดยคลาดเคลื่อน หรือมิชอบด้วยกฎหมายทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งพรรค ปชน.ได้มีการยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมที่ดิน เพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเราจะติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป โดยขณะนี้ยังไม่มีการร้องต่อ ป.ป.ช. แต่จะแกะรอยต่อว่า หากพบร่องรอยที่มีการสั่งการหรือประพฤติมิชอบ จะดำเนินการต่อ ป.ป.ช.ตามกฎหมายต่อไป

จี้นายกฯ ลาออกแทนยื่นถอดถอน

3.ข้อสงสัยต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดาของนายกฯ ว่าได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังรายอื่น อันเป็นหลักการทำลายหลักนิติรัฐ ซึ่งกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องมีความเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย และต้องอยู่ภายใต้บรรทัดฐานเดียวกันในการบังคับใช้กฎหมายของประเทศ และในฐานะนายกฯ ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายทักษิณ จะต้องทราบถึงข้อเท็จจริงของอาการเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับสิทธิ หรืออภิสิทธิ์ใดๆ ของผู้เป็นบิดาอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก เมื่อสังคมมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ การตั้งข้อสงสัย นายกฯ แทนที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง  และชี้แจงต่อสาธารณะด้วยความสุจริตโปร่งใส กลับบ่ายเบี่ยงซ่อนเร้นและอำพรางข้อเท็จจริง ทั้งยังปล่อยให้ความคลุมเครือยังคงดำรงอยู่ถึงปัจจุบัน บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อหลักนิติรัฐ และหลักความเสมอภาคกันของกฎหมาย

ดังนั้น พฤติกรรมดังกล่าวนี้ พวกเราได้พินิจพิเคราะห์แล้วว่า เข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 172 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. และกระทำความผิดตามมาตรา 11(1) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 โดยพรรค ปชน.ได้มอบหมายให้นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ดำเนินการร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดนายกฯ ต่อไป

ส่วนข้อเรียกร้องที่ต้องการให้พรรค ปชน.ใช้กลไกด้านจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เป็นเครื่องมือในการจัดการกับนายกฯ ทั้งการเข้าชื่อกันเพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 เพื่อถอดถอนนายกฯ ตามมาตรา 70 วรรค 1(4) นายวิโรจน์กล่าวว่า  เรื่องจริยธรรมบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ หากถูกสังคมและประชาชนตั้งคำถามถึงความมีจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง  และไม่อาจชี้แจงข้อเท็จจริงได้จนสิ้นข้อสงสัย นายกฯ ควรต้องมีหิริ โอตตัปปะ มีความสำนึกในตัวเอง พิจารณาความเหมาะสมของตัวเอง และแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะด้วยการลาออกโดยสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นมรดกบาปของการทำรัฐประหาร ขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และไม่มีการยึดโยงต่อเจตจำนงของประชาชน มาเป็นผู้ชี้นิ้วไล่ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะจะเป็นการทำลายเกียรติภูมิของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยอย่างไม่อาจประเมินค่าได้

"การใช้ผ้าที่สกปรกถูบ้าน ไม่อาจทำให้บ้านสะอาดขึ้นมาได้ การนำน้ำเน่าไล่น้ำเสีย ไม่อาจทำให้น้ำในคูคลองใสสะอาด พรรคประชาชนยืนยันว่า เราจะไม่ใช้กลไกที่เราไม่ยอมรับความชอบธรรม ในการจัดการกับสิ่งที่ไม่ชอบธรรมอย่างเด็ดขาด เพราะหากเราทำเช่นนั้น บ้านเมืองก็จะติดอยู่ในวังวนนิติสงครามที่คณะรัฐประหารได้วางหลุมพรางเอาไว้ และประเทศชาติจะไม่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นนิติรัฐได้อีกเลย" นายวิโรจน์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.