‘อิ๊งค์’โชว์ผลงาน 3นายกฯชินวัตร คลังฐานะแกร่ง

นายกฯ เปิดงาน "SML ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน" โชว์ผลงาน "3 นายกฯ ชินวัตร" กระจายงบ 7.9 หมื่นกองทุนถึง ปชช. กระตุ้น ศก.ฐานราก-ประเทศเข้มแข็ง ยาหอมชุมชนไหนทำดีอัดงบเพิ่มแน่นอน “คลัง” ยันฐานะการคลังยังแกร่ง ไม่จำเป็นต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะ พร้อมกางแบบจำลองจนถึงสิ้นปีงบ 73 หนี้ประเทศก็ยังไม่ทะลุเพดาน 70% ยกเว้นรัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน เตรียมขายบอนด์ออมทรัพย์ 3.5 หมื่นล้านบาท ดีเดย์ 8-16 พ.ค. พร้อมลุยจำหน่ายบอนด์ออมทรัพย์พิเศษวงเงิน 300 ล้านบาท 

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชัน เซ็นเตอร์ ฮอล 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและมอบนโยบาย “ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” ภายใต้โครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนราชการ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเข้าร่วม

โดยภายในงานมีการจัดบอร์ดและเปิดวีดิทัศน์ การพัฒนาต่อยอดแนวคิดโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) ที่ริเริ่มในยุคของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2547 และสานต่อโครงการโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในปี 2555 ปัจจุบันเดินหน้าต่อในปี 2568 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร นอกจากนี้ยังมีการนำสแตนดีรูปนายทักษิณ, น.ส.ยิ่งลักษณ์  และ น.ส.แพทองธารมาตั้งภายในงาน ก่อนเวลาต่อมาได้มีการเก็บสแตนดีนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกไป เหลือเพียงสแตนดีของ น.ส.แพทองธาร

นายกฯ กล่าวเปิดงานว่า วันนี้เป็นอีกวันสำคัญที่เราได้มาร่วมกันยืนยันว่า ประเทศไทยของเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เพราะถ้าชุมชนของเราเข้มแข็งทั้งประเทศ เราก็จะเข้มแข็งไปด้วย การทำให้ประชาชนและชุมชนต่างๆ เข้มแข็งมากขึ้นทำได้อย่างไร ก็คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิ์ร่วมกันในการตัดสินใจเพื่อชุมชนของตัวเอง คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่รัฐบาลตั้งใจที่จะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ทุกเวทีตนพูดอยู่เสมอว่าการที่เราจะให้โอกาสประชาชน เราจะให้โอกาสอย่างไรในเมื่อประเทศไทยเรามีหลายจังหวัด หลายชุมชนและหลายหมู่บ้าน ซึ่งประชาชนจะรู้ปัญหาของตัวเองดี

"โดยรัฐบาลเป็นเพียงผู้สนับสนุน หากประชาชนในชุมชนร่วมกันในการตัดสินใจทำประชาคม ว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดในชุมชนของตัวเอง คือการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนให้ทุกชุมชนเข้มแข็งขึ้นและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน กองทุนหมู่บ้านเริ่มต้นในปี 2547 นำโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 24 เราได้เห็นบทบาทของกองทุนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก  สร้างโอกาส สร้างอาชีพ เพิ่มโอกาสให้ประชาชนและแก้ปัญหาให้ประชาชน ปัจจุบันมีกองทุนหมู่บ้าน 79,610 แห่ง มีสมาชิกกว่า 13 ล้านคน และมีเงินทุนหมุนเวียน 3 แสนล้านบาท"

นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ชื่อโครงการอาจจะเรียกยาก แต่โครงการนี้ถูกนำกลับมาใช้อีกจากเสียงเรียกร้องของประชาชน เพราะสามารถตอบโจทย์แก้ไขปัญหาของชุมชนได้ จริงๆ หัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่แค่การที่เราจะต้องจ่ายตังค์ไปให้ชุมชน แต่เรามองเห็นว่าโครงการเล็กๆ ที่มีผลต่อประชาชนนั้นสำคัญ จริงๆ เราเริ่มจากการที่ดูจำนวนของประชาชนก่อน เพื่อจะดูงบประมาณในการช่วยเหลือจาก 2 แสนบาท 3 แสนบาท และ 4 แสนบาท ทั้งนี้มั่นใจว่าทุกท่านรู้อยู่แล้วว่าปัญหาหมู่บ้านของท่านคืออะไร และปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับลูกหลานในอนาคตคืออะไร แน่นอนบอกกันไว้แบบเปรยๆ เลยว่า ถ้าแต่ละชุมชนสามารถทำตรงนี้ได้  ตอบโจทย์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ทำดีมีเพิ่มแน่นอน อันนี้มีอยู่จริง ไม่ใช่แค่พูดมาเฉยๆ เพื่อหวังว่ามีโอกาสที่จะให้ชุมชนเล็กๆ ช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจในจุดเล็กๆ เพิ่มเป็นจุดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงระดับประเทศ

 “หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกชุมชนจะสามารถหาสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับชุมชนของตัวเองได้อย่างดีและมั่นคงต่อไป รัฐบาลพร้อมส่งต่อโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน  นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งที่ทำให้ชุมชนแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะสนับสนุนสิ่งที่ดีให้กับประชาชนทุกคน เพื่อที่จะให้ประชาชนมีฐานะ มีความกินดีอยู่ดี มีอาชีพสามารถดูแลครอบครัวของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นต่อไปอย่างมั่นคง” นายกฯ กล่าว

ที่กระทรวงการคลัง นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันฐานะการคลังของประเทศในส่วนที่ สบน.ดูแลยังอยู่ในเกณฑ์ที่มีเสถียรภาพ และยังไม่มีความจำเป็นต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะแต่อย่างใด เนื่องจากมีการจัดทำแบบจำลอง โดยประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2568 จะขยายตัวที่ 3% สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2568 จะอยู่ที่ 65.5% ต่อจีดีพี จากปัจจุบันอยู่ที่ 64.2% ต่อจีดีพี ส่วนปีงบประมาณ 2569 จะขึ้นไปสูงสุดที่ 67.3% ต่อจีดีพีเท่านั้น และหากการขยายตัวของจีดีพีอยู่ที่ 2% สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2569 ก็จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 68% ปลายๆ ต่อจีดีพีเท่านั้น

ทั้งนี้ ยืนยันว่าต่อให้แบบจำลองจะมีภาพเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ แต่สัดส่วนหนี้สาธารณะก็ยังอยู่ในกรอบเพดานที่ 70% ต่อจีดีพี ยกเว้นกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายจะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน เมื่อถึงเวลานั้นก็อาจจะต้องมาพิจารณาปรับเพดานหนี้สาธารณะเพื่อให้สอดคล้องกับแผนงาน แต่ ณ วันนี้ยืนยันว่าทุกอย่างยังอยู่ในกรอบเพดานทุกประการ

 “เบื้องต้นตามแบบจำลองที่ได้ทำ จนถึงปีงบประมาณ 2573 สัดส่วนหนี้สาธารณะก็ยังไม่ถึง 70% ต่อจีดีพี ส่วนในปีงบประมาณ 2568 ตามกรอบกู้ชดเชยขาดดุลนั้น ยังมีช่องว่างให้ดำเนินการได้อีก 4 พันล้านบาท จากแผนกู้ชดเชยขาดดุลที่ 8.65 แสนล้านบาท แต่หากมีปัจจัยที่เข้ามากระทบ เช่นการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายจำนวนมาก ก็ยังมีช่องที่จะสามารถใช้แผนกู้ชดเชยขาดดุลเหลื่อมปีมารองรับได้ ซึ่งตรงนี้มีช่องอีกหมื่นกว่าล้านบาท แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการจัดเก็บต่ำกว่าเป้าหมายจนทำให้เกิดปัญหาเลย”

ผอ.สบน.กล่าวอีกว่า เนื่องในวาระครบรอบ 150 ปี วันสถาปนากระทรวงการคลัง สบน.ได้เปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ “รุ่น 150 ปี กระทรวงการคลัง” วงเงิน 300 ล้านบาท ในวันที่ 1-3 พ.ค. 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ให้ผลตอบแทนสูงหน่วยละ 1,000,000 บาท พร้อมเป็นเจ้าของ “รูปจำลองใบพันธบัตรที่ระลึก” ที่ออกแบบเป็นพิเศษ มีจำหน่ายเฉพาะในงาน และมีจำนวนเพียง 150 ใบ เท่านั้น ทั้งนี้รุ่นอายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.15% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน สำหรับบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย

นอกจากนี้ จะมีพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 1 วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท จำหน่ายในวันที่ 8-16 พ.ค. 2568 ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ วอลเล็ต สบม. (สะสมบอนด์มั่งคั่ง)  บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง วงเงิน 10,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.65% ต่อปี จ่ายอัตราดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยจะจำหน่ายให้บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป โดยมีวงเงินซื้อขั้นต่ำ 100 บาท และสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท วิธีการจัดสรรแบบ First Come, first Serve (มาก่อนได้ก่อน)

นายพชรกล่าวอีกว่า วันที่ 13-15 พ.ค. 2568 เป็นการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่าย ทั้ง 6 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน),  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินรวม 25,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 7 ปี สำหรับบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย หรือมีถิ่นที่อยู่ในไทย วงเงินซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูงสุด โดยสามารถซื้อจองได้ผ่าน Internet Banking Mobile Banking และเคาน์เตอร์ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 6 แห่ง ด้วยวิธีการจัดสรร Small Lot First.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี