นครรัฐวาติกันออกแถลงการณ์ ประกาศการสิ้นพระชนม์ของ "สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส" ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา หนึ่งวันหลังเพิ่งเสด็จไปยังจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในวันอีสเตอร์ ทำให้โลกสูญเสียผู้นำการปฏิรูปที่กระตือรือร้น ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวคาทอลิก
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้สิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา ตามแถลงการณ์ของสำนักวาติกัน
พระคาร์ดินัลเควิน ฟาร์เรลล์ ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ทางช่อง Telegram ว่า "พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อเช้านี้ ในเวลา 07.35 น. ซึ่งพระองค์ได้เสด็จกลับสู่บ้านแห่งพระบิดา"
"พระองค์ทรงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์มาตลอด" แถลงการณ์ระบุ
การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างความสุขแก่ฝูงชนที่มาร่วมพิธีที่วาติกันในวันอีสเตอร์ ด้วยการปรากฏพระองค์บนระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ แม้ว่าพระองค์จะยังทรงอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังจากทรงประชวรหนัก
พระสันตะปาปาแห่งอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นผู้นำคริสตจักรคาทอลิกตั้งแต่เดือนมีนาคม 2013 ทรงเข้ารับการรักษาอาการประชวรด้วยโรคปอดอักเสบที่โรงพยาบาล Gemelli ในกรุงโรมเป็นเวลา 38 วัน จนมีพระวรกายแข็งแรง และเสด็จออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 23 มีนาคม
เมื่อวันอาทิตย์ พระองค์ทรงอวยพร "สุขสันต์วันอีสเตอร์" แก่ฝูงชนที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ พร้อมโบกพระหัตถ์และทรงอวยพรตามธรรมเนียมว่า "Urbi et Orbi" (แด่โรมและโลก) ให้แก่เสรีภาพทางความคิดและความอดกลั้น
การสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษาของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสครั้งนี้ ทำให้โลกสูญเสียผู้นำการปฏิรูปที่กระตือรือร้นในการสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวคาทอลิกอย่างกว้างขวาง และผู้ที่ต้องแบกรับทั้งความรักของผู้คนและความไม่พอใจจากศาสนิกชนที่ยึดมั่นในประเพณีดั้งเดิม
ในระหว่างนี้ การดำเนินงานประจำวันของนครรัฐวาติกันจะอยู่ภายใต้การดูแลของคาเมอร์เลนโก "เควิน ฟาร์เรล" ผู้เป็นคาร์ดินัลอาวุโสชาวไอร์แลนด์
พระสันตะปาปาฟรานซิสมีพระนามเดิมว่า จอร์จ เบอร์โกกลิโอ ทรงเป็นเยซูอิตคนแรกที่กลายเป็นผู้นำชาวคาทอลิกเกือบ 1,400 ล้านคนทั่วโลก และเป็นคนแรกจากทวีปอเมริกา
พระองค์ทรงรับตำแหน่งต่อจาก "เบเนดิกต์ที่ 16" พระสันตะปาปาพระองค์แรกนับตั้งแต่ยุคกลางที่ทรงสละราชสมบัติ และทรงมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงชื่นชอบฟุตบอล และพยายามสร้างคริสตจักรที่เปิดกว้างและมีเมตตากรุณามากขึ้น พระองค์ทรงปกป้องความยุติธรรมทางสังคม สิทธิของผู้อพยพ และการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแข็งขัน ขณะเดียวกันก็ทรงผลักดันการปฏิรูปการปกครอง และจัดการกับกรณีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กโดยนักบวช
แต่บรรดานักวิจารณ์กล่าวหาว่า พระองค์ทรงสร้างความสับสนในหลักคำสอน และล้มเหลวในการปกป้องความเชื่อคาทอลิกแบบดั้งเดิมในประเด็นสำคัญ เช่น การทำแท้งและการหย่าร้าง
ความปรารถนาของพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่เลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไปนั้นชัดเจนจนกระทั่งวาระสุดท้าย โดยพระองค์ทรงตัดสินพระทัยที่จะให้ฝังพระศพในมหาวิหารซานตามาเรียมัจโจเรของกรุงโรม ไม่ใช่ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งจะทำให้พระองค์เป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกในรอบกว่า 100 ปีที่จะถูกฝังนอกนครวาติกัน
พระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงปฏิเสธประเพณีที่พระสันตะปาปาจะมีโลงพระศพ 3 โลง แต่ทรงเลือกที่จะให้ฝังในโลงเดียวที่ทำจากไม้และสังกะสี เพื่อสะท้อนบทบาทของพระองค์ในฐานะศิษยาภิบาลที่สมถะ
มีฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันทุกที่ที่พระองค์เสด็จเยือน ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความศรัทธาและความนิยมในพระองค์ได้เป็นอย่างดี
เมื่อพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเข้ารับตำแหน่ง คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกก็จมอยู่กับการต่อสู้ภายใน และเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวระดับโลกเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กโดยนักบวช ซึ่งถูกปกปิดมาหลายทศวรรษ และพระองค์ทรงสัญญาว่าจะยุติการละเว้นโทษ และแก้ไขกฎหมายของวาติกันเพื่อช่วยจัดการกับการล่วงละเมิดดังกล่าว
พระองค์ทรงริเริ่มการปฏิรูปครั้งใหญ่ในหน่วยงานปกครองที่ทรงอำนาจของวาติกัน ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงความรับผิดชอบทางการเงิน และอนุญาตให้ฆราวาสคาทอลิกดำรงตำแหน่งในวาติกันได้
ตลอดช่วงเวลาที่ทรงดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา พระองค์ทรงสนับสนุนคนยากจนและผู้เปราะบาง และเน้นย้ำถึงการมอบความรักมากกว่ายึดหลักคำสอน
พระองค์ตรัสไว้ในตอนเริ่มต้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาว่า "หากผู้ใดเป็นเกย์, มีความปรารถนาดี และกำลังแสวงหาพระเจ้า ใครเล่าจะตัดสินเขาได้"
อย่างไรก็ตาม ผู้วิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาว่าพระองค์ไม่ยึดมั่นในหลักคำสอนของคริสตจักร และช่วงเดือนสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงเผชิญกับการโจมตีอย่างเปิดเผยมากมายจากพระคาร์ดินัลระดับสูง
ความตึงเครียดกับชาวคาทอลิกสายอนุรักษนิยม เป็นประเด็นหนึ่งของการประชุมสมัชชาใหญ่ที่นครวาติกันในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งเป็นภารกิจการปรึกษาหารือระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของคริสตจักรที่กินเวลานานหลายปี ซึ่งขณะนี้พระองค์ทรงจำเป็นต้องละทิ้งไว้โดยไร้ข้อสรุป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


