จ่ออัดฉีด5แสนล้านสู้ภาษีทรัมป์

"ภูมิธรรม" โต้ดรามาเลื่อนเจรจาสหรัฐ ปัดโดนแบนวีซ่าปมอุยกูร์ ยันอยู่ไทยหนุนได้ ดักคอข้อเสนอกู้เงินซื้อ F16 “ท่านไม่ตาย แต่ผมตาย” แต่เปิดทางฝูงบินระยะต่อไป "คลัง" เตรียมอัดฉีด 5 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ รับมือภาษีทรัมป์ จ่อถก “แบงก์ชาติ” ผุดซอฟต์โลนอุ้มภาคธุรกิจ พร้อมทบทวนตัวเลขจีดีพีปี 68 ใหม่

เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายภูมิธรรม เวชยชัย   รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเตรียมแผนสนับสนุนทีมเจรจาฝ่ายไทย ที่จะเดินทางไปพูดคุยขอลดภาษีกับทางสหรัฐอเมริกา  ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงว่า ได้มีการเตรียมการไปพอสมควรแล้ว และนายกรัฐมนตรียืนยันแล้วว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่วนกรณีที่ฝ่ายไทยถูกสหรัฐเลื่อนเวลานั้น ต้องเข้าใจว่าแม้แต่ประเทศสหรัฐยังเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา ดังนั้นฝ่ายไทยขณะนี้เตรียมตัวให้ดีที่สุด นิ่งที่สุด เมื่อได้วันเวลาที่ชัดเจนแล้ว พร้อมที่จะไปพูดคุย

ส่วนสาเหตุการเลื่อนนั้น ไม่ใช่สาระสำคัญ  เมื่อประเทศต้นทางขอเลื่อนเราไม่จำเป็นที่จะไปร้อนใจอะไร เพียงแต่เตรียมตัวให้ดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันเรามีที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก รวมถึงกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมการก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่กองทัพเองมีการสำรวจว่ามีการซื้ออาวุธจากสหรัฐเท่าไหร่ แต่ไม่ได้มีการนำไปผนวกดุลการค้า ต้องไปพูดคุยกัน นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดในเรื่องอื่นๆ ด้วย

เมื่อถามว่า กรณีคณะทีมเจรจาบางคน เช่น รมว.การต่างประเทศ ไม่ได้เดินทางไปด้วย มีนัยอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า มีเหตุและผลในตัวของมันอยู่ ใครไปหรือไม่ได้ไปก็ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่จะมุ่งเน้นไปที่การเจรจาให้เกิดประโยชน์กับไทยมากที่สุด ซึ่งในส่วนของหน่วยงานความมั่นคงไม่ได้ไป แต่หากทีมเจรจาที่ไปคุย แล้วทางสหรัฐมีข้อเสนอในเรื่องของความมั่นคง สามารถแจ้งมายังตน และตนพร้อมที่จะดำเนินการให้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนถูกสหรัฐจำกัดวีซ่ากรณีส่งอุยกูร์กลับจีนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มี ตนยังไม่ได้รับหนังสือเลยว่าสหรัฐห้ามเข้าประเทศในเรื่องของอุยกูร์ ไม่อยากให้จินตนาการ และไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดในที่สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันตนได้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ส่วนจะจัดการอย่างไรก็ให้รอดูผลการปฏิบัติ แล้วค่อยวิจารณ์

เมื่อถามว่า ไทยจะสร้างความสมดุลระหว่างจีนและสหรัฐอย่างไร เพราะจีนประกาศมีมาตรการกับประเทศใดก็ตามที่ร่วมมือกับสหรัฐแล้วสร้างผลกระทบกับจีน นายภูมิธรรมกล่าวว่า  เป็นเรื่องระหว่างสหรัฐกับจีน ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ไทยกับจีนยังดีอยู่ ในส่วนของสหรัฐยังยืนยันว่าเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเวที ซึ่งประมาณกลางเดือน พ.ค. จะเดินทางไปประเทศเยอรมนี พบปะกับ รมว.กลาโหมหลายประเทศ นอกจากนี้ยังมีการประชุมแชงกรี-ลาที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งต้องพบกับ รมว.สหรัฐและจีน

 “ดังนั้นการเจรจาหรือการพูดคุย ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นแล้วมากล่าวหาว่าอ่อนหัด อยากให้ดูผลของการเจรจาดีกว่า ไม่ใช่พอเห็นรูปผู้แทนประเทศอินเดียกับสหรัฐพูดคุยกันแล้วมาบอกให้รัฐบาลไทยดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งเราก็ดูอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะแย่กับเขา ต้องให้เกียรติกัน” นายภูมิธรรมระบุ

ส่วนหากสหรัฐกดดันเปลี่ยนเครื่องบินรบฝูงใหม่จาก Gripen เป็นเอฟ 16 เพื่อแลกกับการลดภาษีนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคุยในระยะยาว เพราะเครื่องบินเอฟ 16 มาด้วยเงื่อนไขให้เรากู้เงินกับสหรัฐ

 “ผมได้พูดกับทูตสหรัฐอเมริกาไปแล้ว เราไม่เคยกู้เงินมาซื้ออาวุธ อยู่ดีๆ จะให้เรามากู้เงินซื้ออาวุธ ท่านไม่ตาย แต่ผมตาย ซึ่งหากไม่มีเงื่อนไขการกู้เงินนี้ ก็สามารถพูดคุยได้ เพราะเรามองว่า กำลังรบของกองทัพอากาศไทยมีอยู่หลายเฟส"

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีเตรียมจะเดินทางไปประเทศสวีเดนเพื่อเซ็นสัญญาการซื้อเครื่องบิน Gripen นั้น ยังไม่ทราบ เพราะปัจจุบันนี้ทางกองทัพอากาศยังไม่ได้ยื่นมาให้เซ็นเลย ยังไม่ได้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

ทางด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีการปรับลดจีดีพี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเหลือ 1.8% ว่า น่าจะเป็นการประเมินแค่เบื้องต้น ซึ่งของจริงอาจจะลดไม่ถึงก็ได้ เพราะว่าสถานการณ์นโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ตอนนี้ยังไม่แน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงตลอด แต่ยอมรับว่าอาจจะต้องมีผลกระทบต่อจีดีพีบ้าง ซึ่งจะต้องมีการติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้มีการติดตามและพร้อมออกมาตรการเข้ามาดูแลกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนที่จะลดลงไปอยู่แล้ว เพื่อรักษาจีดีพีให้เติบโตได้ในระดับเดิม โดยโครงการจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้เกิดแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ส่วนตัวมองว่าน่าจะต้องใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญไปที่เรื่องการกระตุ้นการบริโภค รวมถึงการลงทุนในประเทศ ตลอดจนการจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ส่วนที่มาของแหล่งเงินจะมีการกู้หรือไม่ จะต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาพัฒน์ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด

ส่วนหากนำวงเงินดังกล่าวมาใช้ จะมีผลกระทบต่อหนี้สาธารณะหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ไม่อยากให้มองเรื่องภาระหนี้ เพราะหลายประเทศมีหนี้สูงกว่าเมืองไทย แต่สิ่งสำคัญคือหากมีการกู้เงินมาจะนำมาใช้ทำอะไร ซึ่งหากทำให้ขนาดเศรษฐกิจเติบโตขยายตัวได้กว่าเดิม สุดท้ายจะทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีปรับลดลงได้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเร็วไปที่จะประเมินตัวเลขผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปอะไรที่ชัดเจน แต่รัฐบาลอยากให้ความมั่นใจว่าประเทศไทยมีทีมเจรจาที่ดี ซึ่งจะยึดประโยชน์ของประเทศ ของผู้ประกอบการ และของเกษตรกรเป็นหลัก ทั้งนี้ ยอมรับว่าสุดท้ายจะต้องมีการทบทวนตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจปี 2568 ใหม่ทั้งหมด

 “เบื้องต้นหากการเจรจาประสบผลสำเร็จ ก็ไม่ได้แปลว่าการเกินดุลทางการค้าของไทยกับสหรัฐจะหายไป อย่างไรก็ตาม ไทยก็คงเกินดุลเหมือนเดิม แต่จะอยู่ในรูปแบบที่สมดุลมากขึ้น  อาจจะมีการยื่นหมูยื่นแมว คือในบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะต้องผ่อนคลายลง ส่วนสาเหตุที่ไทยชะลอการไปเจรจานั้น อย่างหนึ่งคือ ต้องดูว่าประเทศที่ไปเจรจาก่อนหน้ามีรีแอ็กชันกลับมาอย่างไร ซึ่งตรงนี้เราก็เริ่มเห็นในหลายประเทศ บางประเทศโดนปัญหาเรื่องถิ่นกำเนิดหนักมาก หนักกว่าไทย ทำให้ตรงนี้ไทยต้องกลับมาตีโจทย์ให้หนักๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งต้องเป็นข้อสรุปที่วินวินทั้ง 2 ฝ่าย เราต้องหาโอกาสและใช้ช่องว่างที่มีผ่อนเบาตรงไหนได้ก็ต้องเอา” นายจุลพันธ์ระบุ

สำหรับประเด็นเรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐนั้น รมช.การคลังกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่รัฐบาลก็ยังตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตเหมือนเดิม โดยจำเป็นต้องหากลไกอื่นๆ เข้ามาเติม เช่น การขับเคลื่อนผ่านการลงทุน ซึ่งตรงนี้ต้องมาดูในรายละเอียด และต้องพิจารณาเพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า เร็วๆ  นี้กระทรวงการคลังจะมีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดจากมาตรการภาษีของสหรัฐ อาทิ เรื่องตลาดพันธบัตร ตลาดทุน และสภาพคล่องต่างๆ รวมถึงอาจจะมีการหารือเรื่องการจัดเตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อเตรียมพร้อมรองรับให้เอกชนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีในครั้งนี้จนธุรกิจสะดุด

 “เรื่องซอฟต์โลนเป็นประเด็นหนึ่งที่จะต้องคุยกับ ธปท. เพราะมองว่าสุดท้ายแล้วจะต้องมีวงเงินสินเชื่อที่เตรียมไว้ให้เอกชน เพราะอาจจะมีการสะดุดแน่นอน และต้องมาดูเรื่องหลักเกณฑ์ให้ง่ายและผ่อนปรนกว่าช่วงที่ออกซอฟต์โลนโควิด ที่เงื่อนไขเข้มข้น แบงก์พิจารณาเข้มข้นมาก จนสุดท้ายเม็ดเงินที่เตรียมไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ดังนั้นซอฟต์โลนในรอบนี้จะต้องมีการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในส่วนนี้ไปด้วย” แหล่งข่าวระบุ

ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การเจรจากับสหรัฐตอนนี้น่าจะยังมีการสื่อสารไม่ตรงกัน สรุปแล้วเป็นทางสหรัฐเป็นฝ่ายเลื่อน หรือฝั่งไทยเป็นคนเลื่อน จึงอยากได้การสื่อสารที่ตรงไปตรงมา ถ้าจุดเริ่มต้นไม่ตรงกัน เช่น ฝั่งไทยบอกว่าสหรัฐขอเลื่อน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งอาจจะมองว่าไทยไม่ได้นัดไป จริงหรือไม่ จึงมองว่าการเจรจามีข้อสะดุด หรือไม่ราบรื่น

เมื่อถามว่า กรณีวีซ่าที่สหรัฐแบนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน จะมีผลต่อการเจรจาหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสื่อสารมาโดยตลอดว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ.