
“ชูศักดิ์” บอกนายกฯ ยังไม่นัดถกเรื่องกู้เงิน 5 แสนล้านบาท รับหากออก พ.ร.ก. ต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆ “เจ๊ไหม” หนุน “พิชัย” เบรกแจกเงินหมื่น "เด็ก ปชน." ปูดสภาละเลงงบขอทำโรงหนัง 4D 180 ล้าน-ทุ่ม 99 ล้านสร้างห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง แซะเลียนแบบ สตง.หรือไม่ สว.ไม่น้อยหน้า ตั้งงบเรียนภาษาจีน 15 คน 2.3 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลมีแผนที่จะออกกฎหมายกู้เงินวงเงินรวมประมาณ 5 แสนล้านบาท ว่ายังไม่ได้คุยกันในรายละเอียด
เมื่อถามย้ำว่า แนวโน้มในการดำเนินการเรื่องนี้ควรจะออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ถึงจะเหมาะสม นายชูศักดิ์กล่าวว่า ต้องไปดูเหตุผลว่ามีความจำเป็นอะไร โดยเฉพาะถ้าจะออกเป็น พ.ร.ก. ซึ่งเงื่อนไขสำคัญการออก พ.ร.ก. ไม่ใช่อยู่ดีๆ ออกได้ เขายกเว้นไว้กรณีจำเป็น กรณีฉุกเฉิน กรณีเร่งด่วนจำเป็นเท่านั้น ก็ต้องดูว่าท้ายที่สุดแล้วจำเป็นหรือไม่ เพราะถ้าไม่เข้าเงื่อนไขก็จะมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญได้อีก ซึ่งตอนนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการหารือในเรื่องนี้
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง จะทบทวนการแจกเงินหมื่นและลดการสร้างหนี้โดยไม่จำเป็นว่า เห็นด้วยกับนายพิชัยที่บอกว่าการสร้างหนี้เพิ่มจะเป็นทางเลือกสุดท้าย และจะทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้นายพิชัยจะพูดไม่ตรงกันกับนายกฯ ที่บอกว่าจะเดินหน้าแจกเงินหมื่นก็ตาม และที่นายพิชัยให้ข่าวเรื่องการทบทวนงบประมาณปี 2569 ว่าอยู่ในขั้นตอนของสภานั้น จริงๆ ตอนนี้ร่างงบประมาณยังอยู่กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยรัฐบาลสามารถดึงกลับไปทบทวนได้อยู่ แต่เมื่อการประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมากลับอนุมัติร่างเดิมที่ยังไม่ได้มีการแก้ไข แล้วโบ้ยงานมาให้สภาเป็นผู้พิจารณาตัดงบเอง อันนี้ไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เกิดปัญหา 2 เรื่องด้วยกัน
น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า 1.ถ้าตัดได้จริง สภาพิจารณาตัดงบประมาณได้อย่างเดียวอยู่ดี แต่เพิ่มโครงการไม่ได้อีกแล้ว สภาจึงมีแค่ 2 ทางเลือกคือ แปรงบเข้าโครงการที่หน่วยงานเคยส่งคำขอมาก่อน แต่สำนักงบฯ ตัดไป ซึ่งคำขอเดิมก็คงไม่ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่อยู่ดี และแปรงบเข้างบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็ง ที่เดิมตั้งไว้ 25,000 ล้านบาท น่าจะเอาไว้ทำดิจิทัลวอลเล็ตเฟสหลังๆ ซึ่งถ้าให้ตัดไปไว้งบกลาง ฝ่ายค้านก็คงไม่เห็นด้วย เพราะไม่รู้เลยว่ารัฐบาลจะเอางบไปทำอะไร
น.ส.ศิริกัญญาระบุว่า 2.ประสบการณ์การให้สภาตัดงบเอง จากงบปี 2568 ที่พบว่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็ปกป้องงบประมาณกระทรวงตัวเองทำให้ตัดงบไปได้ไม่มาก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นรัฐบาลกำลังต้องการเงินไปทำดิจิทัลวอลเล็ต สุดท้ายต้องไปตัดงบที่ตั้งไว้ชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. ออมสิน เอ็กซิมแบงก์ และ ธอส. สูงถึง 30,000 ล้านบาท จนกลายเป็นคดีความที่มีการร้องกันอยู่
“ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดึงเอาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ไปทบทวนเอง ซึ่งอาจจะทำให้ล่าช้าไปอีก 1-2 อาทิตย์ ไม่ถึง 3-4 เดือนอย่างที่รัฐบาลอ้าง เพราะเป็นการเพิ่มเพียงบางรายการ และตัดจากงบของหน่วยงานที่ยังไม่มีความจำเป็นในช่วงนี้ หรือถ้าจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำเองจริงๆ ก็ขอให้รัฐบาลตั้งวงเงินที่ต้องการให้ตัดมาเลยว่าอยากให้ตัดกี่แสนล้าน และจะเอาไปทำโครงการอะไรบ้างที่มีรายละเอียดชัดเจน เพื่อให้สภาและกรรมาธิการจากพรรคร่วมรัฐบาลยินยอมให้ตัดงบ และฝ่ายค้านจะสบายใจมากขึ้นว่าไม่ได้ตัดงบเพื่อเซ็นเช็คเปล่าให้รัฐบาลเอาไปทำอะไรก็ได้”
ขณะเดียวกัน นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรค ปชน. กล่าวว่า ได้เข้าไปรับฟังคำชี้แจงจากสำนักเลขาฯ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนฯ ซึ่งมีหมวดงบสร้างใหม่ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีการของบก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่บริเวณพิพิธภัณฑ์รัฐสภา 42 ล้านบาท มีงบผูกพันไปถึงปี 2570 อีกประมาณ 90 ล้านบาท รวม 120 ล้านบาท ซึ่งสงสัยว่าจำเป็นอะไรที่ของบขนาดนั้น ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร และไม่แน่ใจว่ามีคนไปใช้บริการหรือไม่ ปัจจุบันอยู่ชั้นเอ็มบี 1 ตนเองยังไม่เคยไป
นายภัณฑิลกล่าวว่า ยังมีโครงการพัฒนาระบบโรงภาพยนตร์ 4D ในสภา ไม่ใช่มีแค่แสงสีเสียง แต่จะมีลม มีฝน มีแรงสั่นสะเทือนเหมือนที่เราไปชมในห้างสรรพสินค้า งบประมาณ 180 ล้านบาท เราได้ถามถึงความจำเป็น พร้อมส่งเสริมการประชาธิปไตยอย่างไร ซึ่งผู้บริหารสำนักงบประมาณก็ตอบคำถามไม่ได้ ไม่ทราบรายละเอียด จึงได้ทำหนังสือไปถึงฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารและสถานที่เพื่อให้ได้คำตอบ มีการของบทำโครงการปรับปรุงไฟส่องสว่างห้องสัมมนา ชั้น B1 และ B2 จำนวน 118 ล้านบาท ก็ไม่เข้าใจว่าจะเติมไฟไปทำไม จะเปลี่ยนไฟให้สว่าง อลังการหรืออย่างไร ถ้าหากของเก่ายังใช้ได้อยู่ ในส่วนของศาลาแก้วบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา ทั้งสองหลังมีการของบปรับปรุง 123 ล้านบาท ซึ่งระบุว่าจะทุบทำใหม่ เพราะมีน้ำรั่วซึมลงไปบริเวณชั้นล่างลานจอดรถ แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเปิดใช้งาน แต่จะทุบทำใหม่ ถามหน่อยว่าไม่อายประชาชนเลยใช่หรือไม่
“มีการของบปรับปรุงห้องประชุม CB406 งบ 118 ล้านบาท ซึ่งก็ใช้อยู่เป็นประจำ ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่ามีเรื่องขอมา รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่ครัวอาคารรัฐสภา 117 ล้านบาท และมีการของบจัดทำระบบภาพระบบเสียงห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง 99 ล้านบาท เราจะเลียนแบบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินใช่หรือไม่ เราจะเอาไปรับรองใคร”
นายภัณฑิลกล่าวต่อว่า ในส่วนของ สว. มีการขอตั้งเบี้ยประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิทักษ์เทิดทูนสถาบัน 30 คน เบี้ยประชุมคนละ 1,500 บาท ที่แปลกคือวางการประชุมไว้ 52 ครั้งต่อปี คือประชุมทุกอาทิตย์ แปลกใจว่ามี กมธ.ทุกอาทิตย์โดยไม่มีวันหยุด ซึ่งเขาชี้แจงว่าตั้งเผื่อไว้ ขอประมาณงบ 2.34 ล้านต่อปี แต่ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายในการเพิ่มทักษะภาษาจีนสำหรับ สว. โดยใช้เงินหลวงไปเรียนภาษาจีน โดยของบ 2.3 ล้านบาท อ้างว่าเรียนเสร็จจะมีการบินไปเข้าแคมป์ที่ประเทศจีน โดยขอเฉพาะเจาะจง 15 คน ความชอบธรรมอยู่ตรงไหน ประหลาดมาก ถึงเงินไม่ได้มาก แต่ขอเรียนภาษาจีน ถ้าขอเจ้าหน้าที่สภาฯ ยังพอเข้าใจได้ แต่สำหรับ สว.จะเรียนคาดหวังผลอะไร
“ไม่สามารถยกมือผ่านได้ในวาระ 1 หรือวาระ 2 ในสภา เพราะไม่ชอบธรรม เราจะตอบประชาชนอย่างไร ที่เราตรวจสอบคนอื่น แต่ในเมื่อตัวเราเองยังไม่สามารถตอบสังคมได้ ทุกคนอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอย่างไร ขั้นตอนต่อไปตนจะเรียกผู้ออกแบบมาถามถึงเจตนาดั้งเดิมของการออกแบบสภาแห่งนี้ว่าแต่ละพื้นที่เอาไว้ใช้ทำอะไร ประชาชนได้ประโยชน์ตรงไหน”
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ปชน. กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลักดันค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทของรัฐบาลว่า ค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องที่สำคัญต่อพี่น้องชาวแรงงาน ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้งแล้วว่าจะมีการปรับขึ้นในปีแรก เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมาย 600 บาทภายในปี 2570 ประชาชนจึงมีความชอบธรรมอย่างยิ่งที่จะทวงถามรัฐบาลว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในเรื่องนี้หรือไม่
“รัฐบาลกลับไปกลับมาเรื่องคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ผมคิดว่าสร้างความเสียหายในหลายมิติ นอกจากประชาชนจะรู้สึกว่ารัฐบาลไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ในอดีตแล้ว อีกมุมหนึ่งในอนาคต มันก็ทำให้ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อคำพูดรัฐบาล ผมก็อยากจะให้รัฐบาลคำนึงถึงเรื่องนี้ นอกจากการจะรักษาสัญญากับพี่น้องประชาชนแล้ว ควรสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาอย่างคงเส้นคงวา” นายพริษฐ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


