"ศาล รธน." มีมติเอกฉันท์ สั่ง "ทวี" หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอและรอง ปธ.บอร์ดคดีพิเศษ เหตุสงสัยแทรกแซงปมรับสอบฮั้วเลือก สว. "ภูมิธรรม" ยังรอด พร้อมไม่รับคำร้อง "สว.สำรอง" ค้าน 92 สว.ยื่น ป.ป.ช.สอบ "ทวี-ภูมิธรรม" ชี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ "รมว.ยธ." ปัดล้วงลูก DSI มั่นใจคำสั่งศาลไม่ทำคดีฮั้ว สว.สะดุด "นายกฯ อิ๊งค์" ขอคุย "อ้วน" หา รมต.เสียบดูแลแทน "ชูศักดิ์" วอนอย่ามองเป็นการเมืองแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงิน "สว." ได้ทีขยี้โดนเพราะแหกปากให้สังคมเกลียดชัง สว. ลั่นเดี๋ยวเจอคิดบัญชีแน่ "นักกฎหมายมหาชน" มองศาลรับคำร้องใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือโอกาสตกเก้าอี้สูง "หมอเปรม" จี้วุฒิสภาเลื่อนวาระแต่งตั้งองค์กรอิสระ
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวการประชุมปรึกษาคดีสำคัญและเป็นที่น่าสนใจ โดยมีกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ถูกร้องที่ 1 และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยุติธรรม) ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
จากกรณีผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ ฉบับลงวันที่ 7 พ.ค.68 วันที่ 13 พ.ค.68 และวันที่ 14 พ.ค.68 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
สำหรับกรณีปรากฏข้อเท็จจริงตามคำร้องเพิ่มเติมของผู้ร้อง ฉบับลงวันที่ 14 พ.ค.68 พร้อมเอกสารประกอบ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า นายภูมิธรรม ผู้ถูกร้องที่ 1 ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่
ศาลสั่ง 'ทวี' หยุดคุมดีเอสไอ
ส่วน พ.ต.อ.ทวี ผู้ถูกร้องที่ 2 ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม มีหน้าที่และอำนาจในการสั่งและปฏิบัติราชการในฐานะผู้บังคับบัญชาข้าราชการกระทรวงยุติธรรม อันรวมไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.อ.ทวี ผู้ถูกร้องที่ 2 มีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี ผู้ถูกร้องที่ 2 หยุดปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยุติธรรม เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรองประธานกรรมการคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ในคดีที่ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะ (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และคณะ (ผู้ถูกร้อง) ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 92 คน ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อ และยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา ขอให้ส่งคำร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนและดำเนินการกับ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ กรณีเสนอเรื่องการขออนุมัติให้การดำเนินคดีความผิดฐานอั้งยี่ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว.เป็นสิทธิพิเศษ อีกทั้งการเสนอเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ (เรื่องพิจารณที่ 8/2568) เป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งของการเป็นสมาชิกวุฒิสภากระทำการอันมีลักษณะต้องห้าม เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการ หรือดำเนินการในหน้าที่ประจำของข้าราชการหรือของหน่วยงานราชการ ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1)
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่า ผู้ร้องเป็นเพียงผู้มีรายชื่อเป็นผู้ได้รับเลือกรับเป็นสมาชิกวุฒิสภา (บัญชีสำรอง) มิได้มีสถานะเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานวุฒิสภา เมื่อส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และมิได้เป็นผู้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้แต่อย่างใด กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงกรณีศาล รธน.มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ดูแลดีเอสไอและรองประธานกรรมการคดีพิเศษว่า ยังไม่ขอพูดในรายละเอียด เนื่องจากยังไม่เห็นคำร้อง เราต้องเคารพศาล รธน. เพื่อสร้างความเข้มแข็งของหลักนิติธรรม นั่นคือการตรวจสอบความโปร่งใส ถ้าศาลมีหนังสือมา ตนก็แค่ทำคำชี้แจงภายใน 15 วัน และรอการพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
"ส่วนตัวมองในทางบวก เพราะทำให้ทุกคนมีความสบายใจ ที่ผ่านมาดีเอสไอก็ทำงานตามปกติ ผมไม่ได้ไปยุ่งในการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากในทางปฏิบัติรัฐมนตรีไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีได้อยู่แล้ว" พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ถามว่า คำสั่งดังกล่าวจะกระทบคดีฮั้ว สว.ต้องหยุดชะงักหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า จะไปหยุดชะงักได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีก็ไม่ได้ไปทำให้คดีไปข้างหน้าหรือถอยหลัง เนื่องจากมีกฎหมายรองรับที่ทำให้พนักงานสอบสวนมีความอิสระ ส่วน กกต.ก็เป็นองค์กรอิสระอยู่แล้ว
"เราทำตามกรอบกฎหมาย ไม่เคยคำนึงถึงเรื่องการเมือง แล้วเรื่องการเมืองไม่ควรจะมาใช้ในเรื่องกระบวนการยุติธรรม กฎหมายต้องปกป้องคุ้มครองคนทุกคน เราจะใช้กฎหมายไปทำเรื่องที่ไม่ชอบไม่ได้" รมว.ยุติธรรมกล่าว
ถามว่า ตามอำนาจหน้าที่ใครจะมีหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า การจะเสนอกฎหมายเข้าที่ประชุม ครม.จะต้องเป็นรัฐมนตรีเป็นผู้เซ็น ก็จะมีผู้รักษาการ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่คาดว่ามีการตั้งไว้แล้ว น่าจะเป็นนายภูมิธรรม
ซักว่าตอนนี้มีการมองว่าเรื่อง สว.เป็นศึกระหว่างสีแดงกับน้ำเงิน แต่ตอนนี้เหมือนสีน้ำเงินชนะยกแรกแล้ว มองอย่างไร พ.ต.อ.ทวีอมยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบว่า การทำงานของกระทรวงยุติธรรม เราทำภายใต้กรอบกฎหมาย และไม่เคยคำนึงเรื่องการเมืองเลย และประเด็นการเมืองไม่ควรนำมาใช้ในเรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะกระบวนการยุติธรรมต้องมีหลักนิติธรรม
"ผมไม่กังวล หากท้ายสุดมีคำวินิจฉัยจากศาลให้พ้นสภาพรัฐมนตรี เพราะผมไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการไปแทรกแซงในองค์กรต่างๆ เราชี้แจงได้หมด" พ.ต.อ.ทวีกล่าว
อิ๊งค์ขอดูส่ง 'ภูมิธรรม' เสียบ
ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งคนมาดูแลดีเอสไอแทน พ.ต.อ.ทวี ว่าก็จะมีรัฐมนตรีมารับผิดชอบในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า จะให้นายภูมิธรรมเข้าไปดูแลใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "เดี๋ยวขอคุยกันนิดนึงค่ะ" ถามว่าคดีฮั้ว สว.จะเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "มันอยู่ในกระบวนการ มันไม่ได้อยู่ในอำนาจของดิฉัน มันอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ ก็ต้องดูว่าเขาจะเอาอย่างไรต่อ"
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปกติดีเอสไอขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้รองนายกฯ กำกับดูแล ซึ่งหลังจากนี้ต้องดูว่านายกฯ จะมีนโยบายเช่นใด จะตั้งรัฐมนตรีท่านอื่นมาทำหน้าที่แทนหรือไม่ หรือนายกฯ จะกำกับดูแลเอง ซึ่งกรณีนี้ถือว่าแตกต่าง เพราะเดิมศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด แต่ครั้งนี้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะดีเอสไอ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ถามว่า ในทางการเมืองคดีที่ดีเอสไอกำลังทำเรื่องฮั้ว สว.จะต้องหยุดจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยเรื่องนี้หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของดีเอสไอเขาทำอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกัน เพราะศาลสั่งแค่ พ.ต.อ.ทวีหยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดีเอสไอไว้ก่อน คดีทั้งหลายทั้งปวงว่าไปตามปกติ และหากมีรัฐมนตรีเข้ามากำกับดูแลแทน พ.ต.อ.ทวีก็สามารถดำเนินการเรื่องนี้ต่อได้เลย และมาทำหน้าที่รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ
ซักว่าหากมองในมิติการเมืองขณะนี้สีแดงเพลี่ยงพล้ำน้ำเงินหรือไม่ นายชูศักดิ์หัวเราะก่อนกล่าวว่า ไม่อยากจะมองเรื่องแดงหรือน้ำเงินอะไรหรอก แต่อยากให้มองด้วยใจสบายๆ ว่าเป็นเรื่องกระบวนการของศาล เมื่อมีคำร้องเข้าไปศาลก็วินิจฉัย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.ทวีถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ดูแลดีเอสไอว่า ไม่ใช่หน้าที่ตน เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ซึ่งทุกอย่างต้องโปร่งใส ดีเอสไอต้องโปร่งใส กกต.ก็ต้องโปร่งใส ประชาชนต้องตรวจสอบได้
ขณะที่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปที่สำนักงาน กกต. เพื่อชี้แจงหลังคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง กกต.คณะที่ 26 ลงนามออกหนังสือเชิญ สว. 55 คน ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา และจะไปตามเวลา โดยจะต่อสู้ตามข้อเท็จจริง ไม่กังวลใจใดๆ ทั้งสิ้น
ถามว่า น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. เรียกร้องให้ สว.ที่โดนหมายเรียกสอบคดีฮั้วแสดงสปิริตหยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.เกรียงไกรถามกลับว่า ความเห็นส่วนตัวเป็นกฎหมายหรือไม่ และยืนยันไม่ทราบว่ามีข้อกฎหมายใดที่จะต้องทำให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ซักว่ากรณีนี้ถูกโยงเป็นประเด็นทางการเมือง รองประธาน สว.คนที่หนึ่งกล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าจะเป็นการล้าง สว.สีน้ำเงินหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรไม่ตอบคำถามสื่อและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
สว.ฮึ่ม! เจอคิดบัญชีแน่
ส่วน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะตัวแทน สว.ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวกรณีศาล รธน.มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวีหยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอและรองประธานกรรมการคดีพิเศษว่า ก็คงเห็นว่าการออกมาแหกปากให้สังคมเขาเกลียดชัง สว.มันคงไม่ชอบ ถ้ามีของจริง ไม่ต้องไปแหกปากหรอก เดี๋ยวเจอคิดบัญชีแน่
ถามว่า มองการสู้คดีของ สว.จะมีผลใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ตนไม่ได้สู้คดี แต่รักษาความเป็นธรรมให้กับองค์กรวุฒิสภา ไม่ใช่ใครอยากจะออกมาแถลงอะไรก็แถลงกันให้เสียหาย ตนเองมาปกป้องตามหลักกฎหมาย ไม่ได้ไปนอกเหนือกฎหมาย มีจิตใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่จิตใจชั่วร้าย คนจิตใจชั่วร้ายคิดทำอะไรมันก็ชั่วร้ายไปหมด แค่นี้ก็พอแล้ว
ซักว่าจะเชื่อมโยงถึงกรณีที่ กกต.เรียก สว.ไปชี้แจงหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ก็เป็นส่วนที่ กกต.เรียก ตนก็ถามว่า กกต.ไหน ชุดใหญ่หรืออนุ กกต. กเฬวราก กกต.ชุดใหญ่มีหลักในการพิจารณา แต่อนุ กกต.อยู่ภายใต้การกำกับของดีเอสไอ หรือเอาสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่เป็นธรรม ไปเอาเข้ามาแล้วมาเรียก สว. มันชอบธรรม เป็นกลาง หรือเลือกปฏิบัติหรือไม่ จิตใจบริสุทธิ์พอที่จะเรียกหรือไม่
ย้ำว่าจะไปชี้แจงตามหมายเรียกหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ ไปขอหมายศาลที่ไหนออกหมายจับตน ถ้าแน่จริงก็สอยมาสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ก็เสนอ กกต.ชุดใหญ่ ไม่ใช่ใช้อำนาจอนุ กกต.มาเรียกพวกตน
"ไม่เห็นแปลกที่มีชื่อผม ซึ่งผมจะไปก็ได้ เป็นเรื่องของเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แน่จริงก็ไต่สวนมาก็จบ ผมเองไม่ได้ง้อเลย แต่ทำอะไรให้มันชอบธรรม มีความเป็นกลาง เสมอภาค สว. 200 คนทำเหมือนกันหรือไม่ มีไม่รู้กี่กลุ่ม แต่ทำกลุ่มเดียว จะเลือกปฏิบัติหรือไม่ เป็นกลางหรือไม่ โปร่งใสหรือมีอคติจิตใจชั่วร้าย ก็ไปคิดเอาเอง" พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าว
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีศาล รธน.มีคำสั่งดังกล่าวว่า หากพิจารณาเนื้อหาพฤติการณ์แห่งคดี เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของ กกต. โดยใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือ แทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว. อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นหน้าที่ของฝ่ายผู้ร้องจะต้องพิสูจน์ว่ากระทำตามคำร้อง ส่วนฝ่ายผู้ร้องจะนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์หักล้าง
นักกฎหมายมหาชนผู้นี้มองว่า พยานหลักฐานที่ชี้ขาดว่า รมว.ทั้งสองตกเก้าอี้หรือไม่ เป็นความเห็นของ กกต. หาก กกต.ยืนยันชัดแจ้งว่าอำนาจในการตรวจสอบคดีทุจริตเลือก สว.เป็นอำนาจของ กกต. แม้แต่ละองค์กรจะใช้กฎหมายคนละฉบับ แต่ต้องรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของ กกต.ทั้งในมาตรา 77 วรรคสอง แห่ง พ.ร.ป.สว.บัญญัติให้ เมื่อพบการกระทำตามมาตรา 77 วรรคหนึ่ง (1) เป็นหน้าที่ของ กกต.ส่งให้ ปปง.ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ไม่ใช่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และในมาตรา 49 แห่ง พ.ร.ป.กกต. ไม่ได้มอบอำนาจหรือยินยอมให้หน่วยงานอื่นสืบสวนหรือไต่สวนแทนได้ ประกอบกับความเห็นของกฤษฎีกา โดยข้อเท็จจริงพบว่า เลขาธิการกฤษฎีกาได้เข้าร่วมประชุมและคัดค้านในที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ว่าไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของดีเอสไอ แต่เป็นอำนาจ กกต. ตรงนี้จะเป็นปัญหาแก่ผู้ถูกร้องทั้งสอง
"การใช้สถานะความเป็นรัฐมนตรีก็ดี การใช้อำนาจของประธานบอร์ดหรือรองประธานบอร์ด อีกสถานะหนึ่งก็ดี หมวกสองใบ ล้วนใช้สถานภาพความเป็นรัฐมนตรีในอำนาจและหน้าที่ในตำแหน่ง หากใช้อำนาจตามกรอบที่กฎหมายกำหนด ย่อมใช้อำนาจโดยสุจริต หากข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งว่า ร่วมกันใช้อำนาจโดยมิชอบตามอำเภอใจ เกินขอบเขตอำนาจ ล้วนเป็นการแทรกแซง ก้าวก่าย และใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือ ล้วนเป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โอกาสที่ผู้ถูกร้องทั้งสองมีโอกาสตกเก้าอี้สูง เพราะโอกาสต่อสู้คดีค่อนข้างยาก" นักกฎหมายมหาชนผู้นี้ระบุ
ที่รัฐสภา นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในการประชุมวันที่ 15 พ.ค.นี้ จะมีการพิจารณาเรื่องฮั้วเลือก สว. เนื่องจาก สว.สำรองมาร้องกับ กมธ.นานแล้ว ซึ่งทาง กมธ.ก็ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และเชิญผู้ร้องคือ สว.สำรองมาให้ข้อมูล
วันเดียวกัน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แถลงว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภา หรือวิปวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน และมีรองประธานวุฒิสภาทั้ง 2 คนเป็นรองประธาน มีหนังสือเชิญประชุมวิปวุฒิสภาในวันที่ 16 พ.ค.นี้ โดยมีระเบียบวาระการเตรียมความพร้อมเปิดสมัยประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 พบว่ามีวาระที่สอดแทรกเข้ามาคือวาระการพิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งตามบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2 เรื่องคือ 1.การเตรียมการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง คือ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ และ 2.การเตรียมการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 2 คน เป็นวาระที่แฝงเร้น
"อยากขอให้ประธานวุฒิสภายับยั้งการบรรจุระเบียบวาระการแต่งตั้งองค์กรอิสระ ในช่วงที่จะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญออกไปก่อน และอาจจะมีการอ้างว่าถ้ายับยั้งหรือไม่ดำเนินการอาจจะกระทบกับเงื่อนเวลาที่ดำรงตำแหน่งหมดวาระก็จะไม่มีใครดำรงตำแหน่งหรือทำหน้าที่ ซึ่งตนได้ศึกษาดูแล้วว่าแม้ระยะเวลาอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่เพื่อความเป็นธรรม ความถูกต้อง และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการชะลอออกไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สมาชิกถูกตรวจสอบ โดยดีเอสไอหรือ กกต. แล้วจะมีความสง่างามได้อย่างไร" นพ.เปรมศักดิ์ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


