สว.น้ำเงินไม่สนลุยตั้ง3ปปช.

"ณฐพร" อ้างหลักฐานดีเอสไอ-กกต. ยื่นยุบ "ภูมิใจไทย" เอี่ยวฮั้วเลือก สว. ไม่หวั่นโดน "อนุทิน" ฟ้องกลับ บอกอาสาทำงานเพื่อ ปท.ต้องพร้อมถูกตรวจสอบ อย่าทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ ปูด "2 ส." ระดับ "นายพล-นักธุรกิจ" อยู่เบื้องหลังคุมองค์กรอิสระ "เสี่ยหนู" ท้าเปิดชื่อ​ 2 ส. ถามกลับไล่บี้ ภท.เพราะแค้นส่วนตัว หลังเป็นเด็กอดีตปลัด “ส.​” แล้วถูกปลดพ้น​ที่ปรึกษา มท.  เหตุไม่ทำประโยชน์อะไรเลย “ลูกเนวิน” ไม่ให้ราคาเจ๊แมว "สว.น้ำเงิน" ร้อง กกต.สั่ง กก.สอบปมฮั้วยุติการทำงาน "นันทนา"  รับยากล่าชื่อสั่ง สว.โดนหมายหยุดปฏิบัติหน้าที่ บอกได้แค่ 10 คนจากกลุ่มพันธุ์ใหม่ "วุฒิสภา" เดินหน้าตั้ง 3 ป.ป.ช. 30 พ.ค.นี้

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 21 พ.ค. นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อพิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 (1) มีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครอง หรือได้มาซึ่งอำนาจการปกครองไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาก็ได้ยื่นต่ออัยการสูงสุดไปแล้ว และ 92 (2) เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มายื่นต่อ กกต. ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรงที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของพรรค ภท. เข้าองค์ประกอบความผิดตามที่ตนยื่นหรือไม่

นายณฐพรกล่าวว่า การยื่นยุบพรรคโดยหลักต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการล้มล้างการปกครองก่อน แต่คดีนี้พยานหลักฐานเป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ ซึ่งมีการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ กกต. ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนว่าการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย และเป็นเรื่องการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่มิชอบและเป็นปฏิปักษ์ โดยรัฐธรรมนูญออกแบบให้ได้คนดี เด่น ดัง มาเป็น สว.  จึงกำหนดให้ต้องเป็นคนที่มีความรู้ เชี่ยวชาญ  เป็นที่ยอมรับของสังคม

"ที่มาของเอกสารในคดีนี้เป็นหลักฐานทางราชการ ทั้งดีเอสไอและ กกต.ก็ยืนยันว่าการได้มาของ สว.ชุดนี้มีการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ซึ่งมาตรา 67 เขียนไว้ชัดเจนว่า พรรคการเมืองกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว. ก็ถือว่าเป็นความผิด และมาตรา 22 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ก็เขียนลักษณะเดียวกัน ดังนั้นที่ผมมายื่นวันนี้เพราะมีข้อมูลว่า สว. 138 คน และสำรองอีกประมาณ 40 คน เป็นคนของพรรค ภท. ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมมั่นใจว่าในทางการสอบสวนไม่น่าจะมีปัญหาอะไร" นายณฐพรกล่าว

ซักว่านายอนุทินเตรียมฟ้องคนที่ทำให้พรรคเสียหาย นายณฐพรกล่าวว่า นายอนุทินเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรี อาสามาทำงานเพื่อประเทศ ควรรับฟังความเห็น ข้อกล่าวหาของประชาชน ไม่ใช่ว่าเขาจะตรวจสอบแล้วท่านก็จะมาฟ้องร้อง ถ้าจะฟ้องก็ควรรอให้คดียุติก่อน ถ้าเป็นเท็จก็ควรดำเนินการ ไม่ใช่ว่าพอเขาจะตรวจสอบก็ไปฟ้องเขา อันนี้เป็นลักษณะของนักเลงหัวไม้มากกว่า

"การที่นายอนุทินระบุว่าเรื่องนี้ไร้สาระนั้น ผมมองว่านายอนุทินต่างหากที่ไร้สาระ ควรคำนึงถึงบทบาทของตัวเอง เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีที่มีหน้าที่รับใช้ประชาชน สามารถให้ประชาชนตรวจสอบได้ อย่างคดีเขากระโดง ศาลฎีกาตัดสิน คุณยังตะแบงว่าไม่ใช่ แล้วอย่างนี้ประเทศเราจะอยู่แบบไหน" นายณฐพรกล่าว

อดีตที่ปรึกษา ปธ.ผู้ตรวจการฯ ยืนยันว่า ตนมีรายชื่อและรายละเอียดทั้งหมดว่าใครเป็นเจ๊ใหญ่ ใครเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รับเงินมาอย่างไร และมีบรรดาหัวหน้าคนในจังหวัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้ สว.เพิ่มจาก 2 คนก็มีการจ่ายหัวละ 2-7 ล้านบาท ซึ่งเรื่องทุกอย่างที่พูดมา ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ และ กกต. โดยข้อมูลเส้นทางการเงินดีเอสไอมีหมด เขาจึงตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ส่วน กกต.ได้ตั้งข้อหาฮั้วเลือก สว.

 แฉ '2 ส.' คุมสั่งองค์กรอิสระ

"สิ่งที่ผมห่วงมากที่สุด ผมกลัวอยู่ 2 คนที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนไป คนหนึ่งเป็นพลเอก ส. และอีกคนหนึ่งเป็นนาย ส. นักธุรกิจ ที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยมีปัญหา และผมเรียนว่าคงไม่นานเกินรอด้วย ขณะนี้ผมกำลังติดตามข้อมูลอยู่ ถ้าได้เบอร์โทรศัพท์หรืออะไรต่างๆ มา ผมสัญญาว่าจะแถลงต่อสื่อมวลชนว่ามนุษย์ 2 ตนนี้เป็นใคร แล้วทำอะไร เพราะฉะนั้นกระบวนการยุติธรรมที่เราได้ร้องๆ ไปมันไม่เป็นผล เพราะเกิดจากคน 2 คนนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำให้ประเทศชาติปราศจากนักการเมืองชั่วๆ นักลงทุนชั่วๆ" อดีตที่ปรึกษา ปธ.ผู้ตรวจการฯ รายนี้ระบุ

ถามว่า รายชื่อ 2 ส. ที่ระบุมามีอำนาจที่จะสั่งการองค์กรอิสระได้ทุกองค์กรเลยหรือไม่ นายณฐพรกล่าวสั้นๆว่า ใช่ครับ เมื่อถามต่อว่า 2 ส.ที่กล่าวถึงนั้นเข้ามามีบทบาททางการเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่ นายณฐพรกล่าวว่า ตั้งแต่หลังรัฐประหาร เมื่อถามว่าการยื่นคำร้องในวันนี้เป็นนิติสงครามทางการเมืองระหว่างสีแดงและสีน้ำเงิน เหมือนที่มีการพูดหรือไม่ นายณฐพรกล่าวว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ ไม่สนิทกับนายอนุทิน นายเนวิน ชิดชอบ หรือนายทักษิณ ชินวัตร ตนก็เคยฟ้องมาทักษิณในกรณีเกี่ยวกับการอภัยโทษที่มีความมิชอบ เรียนว่าตนไม่ใช่สีใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นสีของประชาชน

ขณะที่นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงวิธีรับมือสถานการณ์การเมืองว่า วิธีรับมือคือการเพิกเฉย เพราะไม่มีใครในพรรค ภท.ได้ทำผิดกฎหมายอย่างที่เป็นข่าว เพราะพวกเราเป็น สส.ไม่ใช่ สว. เมื่อเราเป็น สส. ต้องทำหน้าที่ดูแลราษฎร แค่ตรงนี้ก็ไม่มีเวลาไปยุ่งกับเรื่องอื่นแล้ว

ถามว่า เกมการเมืองที่เข้ามาทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรค นายอนุทินย้อนถามกลับว่า เสียหายอย่างไร ก่อนหันไปถาม สส.ของพรรคว่าเสียหายตรงไหน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าอาจจะทำให้ถูกโจมตี นายอนุทินกล่าวว่า เราต้องไม่โต้ตอบ เพราะหากโต้ตอบก็ไม่จบเสียที หากว่าใครสงสัยหรือไม่พอใจ หรือคิดว่าเราทำผิดกฎหมาย ช่องทางที่ดีที่สุดคือกระบวนการยุติธรรม สามารถไปร้องเรียนหรือฟ้องร้อง ซึ่งเราสามารถไปแก้ต่างหรือไปต่อสู้ถ้าหากพิสูจน์ออกมาแล้วว่าไม่จริง เราก็ต้องใช้สิทธิของเราในการแสวงหาความยุติธรรม

"อย่างที่บอก ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2567 ห้ามสมาชิกพรรค ภท.เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง สว. ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล และจะไม่มีคลิปอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว.อย่างแน่นอน แต่หากมีหลักฐานใหม่เพิ่มเติมก็ให้ไปพิสูจน์กันที่ศาล" นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่า มีการยื่นร้องยุบพรรคถึง 2 คน หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีอะไร เพราะโดยส่วนตัวไม่รู้จักกัน แต่ก็ดีเหมือนกันที่ออกมาพูดว่าจะได้กลับมาดูว่ามีเรื่องจริงหรือไม่ ตนก็มานั่งไล่ถาม ก็ไม่มีใครที่เป็นไปตามข้อกล่าวหา แต่เราจะไปห้ามเขาได้อย่างไร

ซักถึงกรณีนายณฐพรระบุหลักฐานยุบพรรค ภท. เนื่องจากมีนาย ส. (นักธุรกิจ) กับนายพล ส. ที่คุมองค์กรอิสระทั้งหมด นายอนุทินแซวผู้สื่อข่าวว่า แต้วหรอ (แต้ว-ณฐพร นางเอกชื่อดัง) ก่อนกลับมาตอบคำถามสื่อว่า คนที่ต้องปกป้องพรรค ภท.สุดชีวิต มีเพียง "อ.อ่าง" เดียวเท่านั้น  ไม่มีอักษรอื่น คนที่จะทำให้พรรคเจริญหรือตกต่ำก็ อ.อ่าง

ถามต่อว่า มีการอ้างมีหลักฐานพร้อมเปิดชื่อ 2 ส. นายอนุทินท้าทันทีว่า ก็เปิดสิ เก็บไว้หาอะไร! ไปถึงโรงถึงศาลก็ต้องเปิด กล้าไหมเอ่ยชื่อมาเลยว่า ส.ไหน กลัวจะเป็น ส.แบ็กเขาหรือเปล่า   ลองไปเช็กดูว่าเขาถูกใครไล่ออกที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทย

อนุทินชี้ไล่บี้ ภท.แค้นส่วนตัว

ซักว่าก่อนหน้านี้รู้จักกับนายณฐพรหรือไม่   นายอนุทินย้ำว่า รู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่รู้จักส่วนตัว ไม่เคยพูดคุย รู้ว่าเขามาเป็นที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทย ไม่เคยทำประโยชน์ให้กับกระทรวง อดีตปลัดแต่งตั้งเขามา พอปลัดเกษียณไปเขาก็ควรต้องไป แต่เขาไม่ยอมไปก็ต้องเชิญออก

เมื่อถามว่า เรื่องที่นายณฐพรถูกเชิญออกเป็นเหตุผลให้มายุบพรรค ภท.หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า น่าจะเกี่ยวข้อง คนเรามีโลภ โกรธ หลง ส่วนจะเป็นความแค้นส่วนตัวหรือไม่ ทุกวันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น ไม่มีอะไรเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ เสียเวลาประชาชน เสียโอกาสประเทศชาติ

 “ศีลธรรมคนต่ำลง คนเราอยู่ห่างจากคำว่าคุณธรรมมากขึ้น อาจจะมีเครื่องทุ่นแรงเยอะ เครื่องอำนวยความสะดวกเยอะ จิตสำนึกผิดชอบชั่วดีน้อยลง ทำอะไรเพื่อสนองตัณหาส่วนตัวเป็นสำคัญ ไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมือง ตนไม่สนใจ  อะไรที่ไม่สนใจคือไม่สนใจ ในประเด็นที่เขาพยายามสร้างขึ้นมา ผมขอออกมาทำงานให้ชาวบ้านดีกว่า" นายอนุทินกล่าว

ถามว่า ช่วงนี้ที่กระแสพยายามที่จะทำลายพรรคภูมิใจไทย มองว่าเป็นเกมทางการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าไม่ใช่เกมการเมืองจะเป็นเกมอะไรล่ะครับ ชัดเจนอยู่แล้ว  คนที่เดือดร้อนมีไม่กี่คน แล้วก็เดือดร้อนส่วนตัวไม่ได้เดือดร้อนเพื่อประชาชนเลย เดือดร้อนว่าจะคนนู้นไม่ได้ นี่ไม่ได้

ส่วนนายไชยชนก​ ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์กรณีนางกุสุมาลวตี  ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. ยื่นร้องยุบพรรค​ โดยระบุสั้นๆ ว่า​ "ไม่ให้ราคา​ น้ำจะท่วมอยู่แล้ว​ และถ้าไม่ใช่เรื่องที่เป็นประโยชน์​ต่อประชาชน​ อย่ามาถามผม​ ผมไม่มีเวลาให้"

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว., นายอลงกต วรกี สว. และพล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว. ยื่นหนังสือถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลาง คณะที่ 26 โดยขอให้ 1.ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนชุดที่ 26 2.ให้มีการเพิกถอนกระบวนการที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนที่นัดมาและการสอบสวนมาจากดีเอสไอ และไม่ให้นำสำนวนที่ได้รับจากดีเอสไอมาร่วมด้วย 3.ให้ผู้ถูกกล่าวหาให้มีโอกาสได้ตรวจสอบและเข้าถึงพยานหลักฐานทั้งหมดที่ใช้ตั้งข้อกล่าวหา เพื่อป้องกันสิทธิ์และผลประโยชน์ของตนเอง 

"ขอให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ รอบด้าน เพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ในหลักการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เสมอภาค ความเป็นกลาง เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระของคณะกรรมการการเลือกตั้ง" พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าว

ที่รัฐสภา กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. แถลงความคืบหน้าในการเข้าชื่อ สว. เพื่อขอให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า เราเพิ่งร่างคำร้อง และกฎหมายตามไม่ทันกับเรื่องที่เกิด เราต้องพลิกกฎหมาย ยอมรับว่าไม่ใช่เส้นทางที่ราบรื่น เราได้ชื่อราว 10 คน หากรวมรายชื่อ สว. ได้ 20 คนแล้วจะต้องยื่นต่อประธานวุฒิสภาที่เป็น 1 ใน 55 คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปยื่นกับใคร เพราะในธรรมนูญระบุไว้ว่า ต้องไปยื่นกับประธานวุฒิสภา ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ต้องลุ้นกันตลอดทาง ทั้งนี้ ได้มีการหนังสือเสร็จแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยในวงกว้างได้

"ประเด็นหลักๆ ที่ยื่นนั้นมีเรื่องมาตรา 82 การเข้าชื่อกันของสมาชิกแห่งสภานั้นๆ จำนวน 1 ใน 10 เพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาว่าสมาชิกภาพของผู้ที่ถูกร้องนั้นสิ้นสุดลง หลังจากนั้นจะขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนข้อกล่าวหาที่จะให้สมาชิกสภาพสิ้นสุดลง ใช้มาตรา 113 และมาตรา 114 คือการตกอยู่ภายใต้อาณัติของพรรคการเมือง ของอำนาจกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดและข้อมูลก็ออกมาสู่สาธารณชนอย่างกว้างขวางแล้ว" น.ส.นันทนากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ประธานวุฒิสภาได้แจ้งบรรจุวาระการประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ค.นี้ ที่น่าสนใจในวันที่ 30 พ.ค. มีวาระพิจารณาสำคัญเรื่องด่วน 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต. คือ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์  ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 2.การตั้ง กมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบฯ บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือ ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ  อาจารย์คณะสังคมและมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายสราวุธ ทรงศิวิไล  อธิบดีกรมการขนส่งทางราง 3.การตั้ง กมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบฯ บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คือ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอัยการสูงสุด

นอกจากนี้ ยังมีวาระให้ความเห็นชอบบุคคลได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากที่ กมธ.สามัญฯ ตรวจสอบเสร็จสิ้น จำนวน 3 คน ประกอบด้วย 1.นายประกอบ ลีนะเปสนันท์  อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 2.นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ 3.นายประจวบ ตันตินนท์ อดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พท.พล่าน!เติมเสียงรัฐบาล

ฉีกปฏิญญาช็อกมินต์ “อนุทิน”  ม้วนเสื่อออกจากทำเนียบฯ ขณะที่ "อิ๊งค์" ปิดปากส่งกุนซือคุยแทนยื่นไพ่ใบสุดท้าย “มท.1”