ส่งฟ้อง5ผตห. นอมินี บ.ไชน่า ไล่บี้17บริษัท

"ดีเอสไอ" สรุปสำนวนคดีนอมินี ไชน่า เรลเวย์ฯ ส่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาฮั้วประมูลตึก สตง.ถล่ม พร้อมขยายผลสอบ 17 บริษัทเอี่ยวเจ้าหน้าที่รัฐ อัยการคดีพิเศษรับสำนวนคดีแล้ว เตรียมสั่งคดีก่อนครบฝากขัง 7 มิ.ย.นี้ "อนุทิน" เผยผลสอบสาเหตุตึก สตง.ถล่มไปในทิศทางเดียวกัน เดือน มิ.ย.นี้ได้ข้อสรุป

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 26 พฤษภาคม คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ได้มีการสรุปสำนวน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคดีนอมินี บริษัท  ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด หรือ กฎหมายฮั้วประมูล ภายใต้การตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พร้อมความเห็นเสนออัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา  ประกอบด้วย กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 ราย คือ นายประจวบ ศิริเขตร, นายโสภณ มีชัย และนายมานัส ศรีอนันท์ กรรมการชาวจีน 1 ราย คือ นายชวนหลิง จาง และนายทุนชาวจีน 1 ราย ซึ่งอยู่นอกโครงสร้างของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ คือ นายบินลิง วู

โดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวสรุปรายละเอียดว่า คดีพิเศษที่ 32/2568 เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องตึก สตง.ถล่ม ซึ่งดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 จึงจะได้มีการนำสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงบ่ายวันนี้ โดยมีจำนวนลังเอกสาร 46 ลัง และเอกสารกว่า 17,000 แผ่น พร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 5 ราย โดยมี 1 ผู้ต้องหากำลังหลบหนี (นายบินลิง วู) ทั้งนี้ พิกัดข้อมูลการสืบสวนว่าตอนนี้นายบินลิง วูหลบไปอยู่ที่ไหนนั้น ดีเอสไอได้มีการประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เบื้องต้นผู้ต้องหายังหลบอยู่ในประเทศไทย มั่นใจว่าอีกไม่นานคงจะได้ตัวมาดำเนินคดี เมื่อจับกุมตัวได้เมื่อใดก็จะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมคำให้การส่งไปยังพนักงานอัยการในภายหลัง 

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวว่า จากการทำสำนวนสอบสวนในตลอดเวลาที่ผ่านมา ดีเอสไอมีความมั่นใจว่าเนื้อหามีความครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เรามี ในส่วนของ 17 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวนั้น ดีเอสไอจะแยกทำสำนวนต่อไป เนื่องจากมีผู้ต้องหาชาวไทย 3 รายไปถือหุ้นในบริษัทอื่นในลักษณะคล้ายกัน จึงทำให้ดีเอสไอต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น จึงคาดว่าจะแยกเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษ เพื่อตรวจสอบ 17 บริษัทเหล่านี้ โดยจะต้องไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการที่บริษัทเหล่านี้ได้ประมูลไป

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอได้มีการประสานข้อมูลสัญญา 3 ฉบับ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้าง สตง.ไปยัง ป.ป.ช.ว่า กรณีที่ดีเอสไอต้องส่งรายละเอียดให้ ป.ป.ช. เนื่องจากมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ อีกทั้งทราบว่า ป.ป.ช.มีการตั้งเรื่องไต่สวนไว้แล้วบางส่วน ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในราชการในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย ก่อนหน้านี้เราก็ได้มีการกล่าวหาในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีบทบาทควบคุมงานจำนวน 6 ราย ส่งไปยัง ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ในเวลานี้ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกัน และตามกฎหมายของ ป.ป.ช. มาตรา 30 ได้กำหนดให้ดีเอสไอต้องส่งสำนวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ หากจะตอบว่าในตอนนี้ถือว่ามีผู้บริหารของ สตง.ต้องมาร่วมรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวแล้วหรือไม่ ต้องเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวน 100%

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในบรรดา 5 ผู้ต้องหาดังกล่าว มี 3 คนที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวจากศาลก่อนหน้านี้ (ในการฝากขังผัดที่ 1) คือ นายประจวบ ศิริเขตร, นายโสภณ มีชัย และนายมานัส ศรีอนันท์ ส่วนนายชวนหลิง  จาง อยู่ระหว่างการฝากขังผัดที่ 1 ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็น 1 ใน 17 ผู้ต้องหาในคดีของตำรวจ สน.บางซื่อ กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ตึก สตง.ถล่ม คดีอาญาที่ 621/2568 ส่วนนายบินลิง วู เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าวอยู่ระหว่างเร่งนำตัวมาดำเนินคดี

ต่อมาในเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.อ.สุรวุฒิได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องนายประจวบ ศิริเขตร, นายโสภณ มีชัย, นายมานัส ศรีอนันท์, นายชวน หลิงจาง และนายบินลิง วู ผู้ต้องหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 กรณีเป็นนอมินี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มามอบให้เพื่อพิจารณามีคำสั่งทางคดีต่อไป

โดยมีรายงานว่า หลังจากรับสำนวนแล้ว อัยการคดีพิเศษจะต้องพิจารณาสำนวนให้เสร็จสิ้่นภายในวันที่ 7 มิ.ย. 2568 ซึ่งจะครบฝากขังผู้ต้องหา

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบสวนสาเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ภายหลังที่มีกระแสข่าวดีเอสไอจะส่งสำนวนคดีฮั้ว 3 สัญญา (ก่อสร้าง ออกแบบ คุมงาน) ให้ป.ป.ช.ว่า ในส่วนนั้นเป็นเรื่องกฎหมายฮั้ว แต่กระทรวงมหาดไทยดูเรื่องเหตุที่ทำให้อาคารถล่มลงมา ขณะที่การประชุมของคณะกรรมการที่ตั้งมาสอบสวนก็มีหลายวาระ และงวดเข้ามาทุกที เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบกับการให้ข้อมูล เราต้องมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอะไรผิดตรงไหน คนที่ออกมาพูดก็ต้องกังวล เพราะจะเป็นเรื่องภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ อีกทั้งต้องรอการพิสูจน์ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์วิศวกรรม เมื่อมีข้อมูลการพิสูจน์ออกมาแล้วก็ต้องเหมือนกันทุกหน่วยที่ตรวจสอบ

"ขณะนี้ข้อมูลจากการสอบสวน ผมทราบว่าสาเหตุของตึกถล่มเป็นไปในทางเดียวกันแล้ว ข้อสรุปน่าจะเสร็จสิ้นในเดือน มิ.ย.นี้ เพราะกำหนดกรอบไว้ให้ 3 เดือน ขณะนี้ก็งวดเข้ามาเต็มทนแล้ว" นายอนุทินกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.